สัมมาอะระหัง

วันที่ 25 พค. พ.ศ.2567

220567b01.jpg
 

สัมมาอะระหัง
๓ มีนาคม ๒๕๓๕
พระธรรมเทศนา เพื่อการปฏิบัติธรรม วัดพระธรรมกาย
โดย... พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย)

 

 

                ต่อจากนี้ให้ทุกคนทำใจให้แน่แน่ว มุ่งตรงต่อหนทางพระนิพพานกันนะจ๊ะ ให้นึกน้อมใจตามเสียงหลวงพ่อไปทุก ๆ คนนะจ๊ะ ให้นั่งขัดสมาธิ ขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้าย ให้นิ้วชี้ของมือข้างขวา จรดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย วางไว้บนหน้าตักพอสบาย ๆ หลับตาของเราเบา ๆ หลับพอสบาย คล้ายกับเรานอนหลับ อย่าไปบีบหัวตาอย่ากดลูกนัยน์ตา หลับพอสบายคล้ายกับเรานอนหลับ ขยับเนื้อขยับตัวของเราให้ดีกะคะเนให้เลือดลมในตัวของเราเดินได้สะดวก เราจะได้ไม่ปวดไม่เมื่อยกันทุก ๆ คนนะจ๊ะ แล้วก็ทำใจให้สบาย ให้เบิกบาน ให้แช่มชื่นให้สะอาด ให้บริสุทธิ์ ให้ผ่องใส ลืมทุกสิ่งทุกอย่างให้หมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม จะเรื่องธุรกิจการงานเรื่องการศึกษา เรื่องครอบครัว หรือเรื่องอะไรอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากนี้ รวมทั้งดินฟ้าอากาศที่ไม่อำนวย ที่นั่งไม่นุ่มนวล ให้ลืมหมดทุกสิ่งทุกอย่างชั่วคราว เพื่อให้ใจของเราสะอาดบริสุทธิ์ผ่องใส จะได้เหมาะสมที่จะเป็นภาชนะรองรับพระรัตนตรัยและรองรับบุญกุศลซึ่งจะเกิดขึ้นจากการเจริญภาวนา

 


                วันนี้เป็นวันอาทิตย์ต้นเดือนซึ่งเราได้ยึดถือกันเป็นประเพณีสืบเนื่องกันมายาวนาน หลายสิบปี ว่าเมื่อถึงวันนี้ นักปฏิบัติธรรมทั้งหลาย ได้นำอาหารกันมาจากบ้านคนละเล็กละน้อย เครื่อง ไทยธรรมทั้งหลาย ดอกไม้ธูปเทียน อาหารหวานคาวเหล่านี้ มารวมประชุมกันที่นี่ เพื่อที่จะน้อมนำเครื่องไทยธรรมซึ่งเป็นของหยาบนี้ มากลั่นให้ละเอียด มีความบริสุทธิ์เท่ากับพระธรรมกายที่อยู่ภายในตัวของเราซึ่งเป็นพุทธรัตนะ เมื่อมีความละเอียดบริสุทธิ์เท่าเทียมกันแล้ว ก็ทำให้ละเอียดยิ่ง ๆ ขึ้นไป ด้วยการทำใจให้หยุดให้นิ่ง จนกระทั่งละเอียดถึงในระดับหนึ่ง ซึ่งเท่ากับความละเอียดของอายตนนิพพาน อายตนนิพพานนั้นก็จะดึงดูดเข้าไปสู่ภายในอายตนะนั้น ในท่ามกลางพระอรหันต์ขีณาสป พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระสัพพัญญูพุทธเจ้าทั้งหลาย ที่ท่านดับขันธปรินิพพานนานมาแล้ว ถอดขันธ์ทั้งห้า ของกายมนุษย์ กายทิพย์ พรหม อรูปพรหม ออกหมดสิ้น ปราศจากมลทินของสรรพกิเลสทั้งหลาย เหลือเป็นพระธรรมกาย ปรากฏอยู่ในอายตนนิพพาน นับอสงไขยพระองค์ไม่ถ้วน เครื่องไทยธรรมทั้งหลายที่กลั่นให้บริสุทธิ์ละเอียด เท่ากับอายตนนิพพานนี้ จะได้น้อมนำถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระธรรมกายของพระอรหันต์ขีณาสป พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระสัพพัญญูพระพุทธเจ้าทั้งหลาย การทำอย่างนี้เรียกว่าการบูชาข้าวพระ

 


                การบูชาข้าวพระนี้มีประเพณีสืบเนื่องกันมายาวนานเป็นพันปีทีเดียว ในสมัยพุทธกาล เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้า ท่านยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ ท่านเป็นประมุขของพระอรหันต์ขีณาสปพระสาวกทั้งหลาย ประชาชนสมัยนั้น พุทธ บริษัทสมัยนั้น ได้เห็นพระองค์ท่านเสด็จมาในยามเช้า ก็ได้เตรียมอาหารหวานคาวไว้ใส่บาตรท่าน กับพระสาวกทั้งหลาย กระทำสืบเนื่องกันมาจนกระทั่งท่านดับขันธปรินิพพานไปแล้ว ก็ยังมีใจระลึกนึกถึงพระองค์ท่านอยู่ มีพระพุทธปฏิมากรหรือพระพุทธรูปเป็นตัวแทนของพระบรมศาสดา เมื่อจิตใจน้อมระลึก ถึงพระองค์ท่าน ก็นำเครื่องไทยธรรมอาหารหวานคาวใส่ในภาชนะเล็ก ๆ ไปวางไว้หน้าโต๊ะหมู่บูชา ทำประหนึ่งว่าได้ถวายเครื่องไทยธรรมนี้แด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยมีพระพุทธปฏิมากรนั้นเป็นตัวแทนของพระองค์ท่าน ก็ทำอย่างนี้เรื่อยกันมายาวนานเป็นพัน ๆ ปีทีเดียว บูชาอย่างนี้ก็เรียกว่าบูชาข้าวพระ แต่เป็นการบูชาแบบขอถึงพระพุทธเจ้า  

 


                พระธรรมกายนั้นคือเนื้อหนังของความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านตรัสรู้ได้ ด้วยกายธรรมบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วยกายธรรมเพราะท่านเข้าถึงและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับกายธรรม ของพระองค์ท่าน ซึ่งมีอยู่ในกายของพระสิทธัตถะและของมนุษย์ทุก ๆ คน ท่านได้เข้าถึงกายธรรมซึ่งเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานแล้ว เพราะฉะนั้นการบูชาข้าวพระวันนี้ จึงเป็นการบูชาแบบเข้าถึงพระพุทธเจ้าเป็นตัวจริง คือธรรมกายนั่นเอง บูชาข้าวพระอย่างนี้ไม่ได้หมายถึงว่าพระธรรมกายของพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ขีณาสปทั้งหลายท่านจะเสวยภัตตาหาร เครื่องไทยธรรมอย่างนี้คล้ายกับตอนสมัยมีชีวิต แต่ว่าการบูชาอย่างนี้ เป็นพุทธบูชาเช่นเดียวกับที่เราได้นำเครื่องไทยธรรมไปไว้ที่หน้าโต๊ะหมู่บูชา ต่างแต่ว่าขอถึงกับเข้าถึงเท่านั้น วิธีนี้คือการเข้าถึงตัวจริง เมื่อถูกตัวจริงของพระพุทธเจ้าแล้ว กระแสธารแห่งบุญจากพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ นับอสงไขยไม่ถ้วน ก็จะมาจรดที่ศูนย์กลางกายกับพวกเราทั้งหลาย ที่ได้ตั้งใจมากันในวันนี้ ตามกำลังแห่งความตั้งใจและศรัทธา ถ้าใครใจหยุดใจนิ่ง มีความศรัทธาอย่างเต็มเปี่ยมเต็มที่ กระแสธารแห่งบุญนั้นก็จะหลั่งไหลมาที่ศูนย์กลางกายตามกำลังแห่งศรัทธานั้น รวมกันเป็นดวงบุญสว่าง อยู่ในไส้กลางกายของทุก ๆ คน 

 


                บุญนี้เป็นบ่อเกิดแห่งความสุขและความสำเร็จทั้งหลายในชีวิตของความเป็นมนุษย์ ตั้งแต่เป็นปุถุชนถึงความเป็นพระอริยเจ้า ถ้าเป็นปุถุชนระหว่างเวียนว่ายตายเกิด สร้างบารมีนั้นจะทำ ให้เราสมบูรณ์ไปด้วย สมบัติทั้งสามคือรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ เพียบพร้อมบริบูรณ์ เป็นอุปกรณ์ ในการสร้างบารมีอย่างดีเยี่ยม ทำให้สร้างบารมีได้สะดวกสบาย ให้เป็นอย่างนี้จนกระทั่งถึงคราว บารมีเต็มเปี่ยม ก็ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน บุญจากการบูชาข้าวพระนี้ เป็นมหากุศลที่ยิ่งใหญ่กระแสทานแห่งบุญ นั้นบังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องอย่างมากมาย อุปมาเหมือนเอาดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาวในจักรวาล ทั้งมวล เอาออกกวาดออกให้หมด เหลือแต่จักรวาลที่ว่างเปล่า เป็นที่เวิ้งว้างกว้างขวาง กระแสทาน แห่งบุญบังเกิดขึ้นเต็มนั้น นั่นคือบุญที่จะเกิดขึ้นจากการบูชาข้าวพระ ส่วนการบูชาแบบขอถึง กระแสธารแห่งบุญเหมือนน้ำไหลลงมาเต็มตุ่ม เพราะฉะนั้นการทำบุญในวันนี้ จึงเป็นบุญที่ยิ่งใหญ่ไพศาล ยิ่งกว่าที่เราได้ทำผ่าน ๆ มา

 


                เมื่อเราได้ทราบอย่างนี้ ขอให้ทุกคนได้พึงตั้งใจให้ดี ทำใจหยุด ใจนิ่ง ว่าเป็นบุญลาภของเราอันประเสริฐ เราได้สั่งสมบุญอันดีแล้วจึงมีโอกาสมาได้ยินมาได้ฟัง มาเกิดในยุคสมัยที่ธรรมกายบังเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง จากการค้นพบโดยหลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ เราได้มีบุญ ได้เข้าถึง ได้มารวมกันมาปฏิบัติธรรม ถึงจุดแห่งความบริสุทธิ เข้าถึงธรรมกายภายในนี้คือบุญใหญ่ที่ได้สั่งสมมา จึงเป็นบุญต่อบุญที่จะต่อไปทุกภพทุกชาติ กระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม เพราะฉะนั้นให้ตั้งใจกันให้ดีนะจ๊ะ อย่าส่งใจไปที่อื่นไปในเรื่องราวที่ไม่เป็นสาระ ไม่เป็นแก่นสาร ชีวิตที่เราจะอยู่ในโลกนี้ เราจะอยู่กันไม่ยาวนานมากมายนัก ประเดี๋ยวประด๋าวก็หมดเวลาไปแล้ว โอกาสแห่งการสร้างบารมีนั้นมีเพียงจำกัด เพราะฉะนั้นให้ใช้เวลาทุกวินาที ให้เป็นประโยชน์ต่อการตักตวงบุญกุศลที่จะบังเกิดขึ้น นี่เป็นอีกวันหนึ่งที่บุญกุศลอันยิ่งใหญ่จะบังเกิดขึ้นกับเรา ให้ชำระกายวาจาใจให้สะอาด ให้บริสุทธิ์ ด้วยวิธีการทำใจของเราให้ปลอดกังวลจากสรรพสิ่งทั้งหลาย จากภารกิจทั้งมวล จะเป็นเรื่องคน เรื่องสัตว์ เรื่องสิ่งของหรือภารกิจอันใดทั้งสิ้น ประหนึ่งว่าเราไม่เคยมีเครื่องกังวลมาก่อน คล้ายกับอยู่คนเดียวในโลก ที่เวิ้งว้างว่างเปล่า แล้วก็เอาใจของเรามาหยุดอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ด เอาใจของเรามาหยุดที่ศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ด 

 


                ศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ดเป็นที่เสด็จไปสู่อายตนนิพพาน ของพระพุทธเจ้าพระอรหันต์ทั้งหลาย ศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ดก็คือที่ที่เราจะเอาใจมาหยุด หยุดอยู่ที่ตรงนี้ หยุดเพื่อให้ใจเราบริสุทธิ์ จะได้หลุดพ้นจาก สรรพกิเลสทั้งหลาย ฐานที่เจ็ดนี้สำหรับท่านที่มาใหม่ ก็ให้สมมุติหยิบเส้นด้ายขึ้นมาสองเส้น เส้นด้ายเส้นหนึ่งสมมติขึงจากสะดือทะลุไปด้านหลัง อีกเส้นหนึ่งให้สมมุติว่าขึงจากด้านขวาไปด้านซ้าย ให้เส้นด้ายทั้งสองตัด กันเป็นกากบาท จุดตัดเล็กเท่ากับปลายเข็ม ตรงจุดตัดตรงนี้เรียกว่าศูนย์กลางกายฐานที่หก ให้ยกใจถอย หลังขึ้นมาสองนิ้วมือ โดยเอานิ้วชี้กับนิ้วกลางวางซ้อนกัน แล้วนำไปทาบตรงจุดตัดของเส้นด้ายทั้งสอง สูงขึ้นมาสองนิ้วมือ นั่นแหละเรียกว่าศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ด ในแง่ของการปฏิบัติจริง ๆ เราก็สมมุติเอาแค่ว่าฐานที่เจ็ดนั้นอยู่ในกลางท้องของเรา ระดับที่เหนือจากสะดือขึ้นมาสองนิ้วมือ แล้วเอาใจของเรามาหยุด นิ่งอยู่ตรงนี้เพราะฐานที่เจ็ดจริง ๆ นั้นจะเห็นได้อย่างชัดเจนเมื่อใจหยุดนิ่ง   

 


                แต่ขณะนี้ใจเรายังไม่หยุดนิ่ง ดังนั้นจึงได้แต่คาดคะเนและทึกทักเอา ว่าตรงตำแหน่งที่เหนือจากจุดตัดของเส้นด้ายทั้งสอง ขึ้นมาสองนิ้วมือ นั่นแหละเรียกว่าศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ด ให้กำหนดเครื่องหมาย กำหนดเครื่องหมายเพื่อเป็นที่หยุดใจของเรา เป็นที่เอาใจมาหยุดตรงนี้ คือมีที่หมายของหยุดใจเป็นที่รวมใจของเรานะ กำหนดเครื่องหมายให้ใสสะอาดบริสุทธิ์ ประดุจเพชรลูกที่เจียรไนแล้ว ไม่มีขีดไม่มีข่วนคล้ายขนแมวโตเท่ากับแก้วตาของเรา หลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญท่านแนะนำอย่างนี้นะจ๊ะ ให้กำหนดเครื่องหมายคือกำหนดบริกรรมนิมิตรนั่นเอง หรือภาพทางใจ เอาไว้เป็นที่หมายที่หยุดของใจเรากำหนดเครื่องหมายให้ใสสะอาดบริสุทธิ์ประดุจเพชรลูก คือให้ใสเหมือนกับเพชร เราคงเคยเห็นเพชรกันทั้งนั้นนะจ๊ะ เพชรที่มีความใสบริสุทธิ์ เพชรที่ไม่มีขีดข่วนคล้ายขนแมว คือเป็นเพชรที่บริสุทธิ์ล้วน ๆ โตเท่าแก้วตา โตเท่าแก้วตาของเราก็นิดเดียว เท่ากับปลายนิ้วก้อยขนาดถั่วเขียวเขื่อง ๆ ยังงั้น โตเท่ากับแก้วตาของเรา 

 


                กำหนดคือนึกภาพขึ้นมาทางใจ ให้นึกง่าย ๆ คล้ายกับการนึกถึง ดอกบัว ดอกกุหลาบ หรือน้ำที่กลิ้งอยู่บนใบบัว หรือคล้ายกับดวงจันทร์ ดวงดาว ดวงอาทิตย์ อะไรก็ได้ อย่างนั้นนะจ๊ะ นึกง่าย ๆ อย่างนั้น กำหนดเครื่องหมายให้ใสสะอาดบริสุทธิ์ ประดุจเพชรลูกที่เจียรไนแล้ว ไม่มีขีดไม่มีข่วนคล้ายขนแมว โตเท่ากับแก้วตาของเรา แก้วตาของเรานะ กำหนดให้นิ่ง ให้ใจตรึกนึกถึงดวงใส หยุด ไปที่กลางความใสบริสุทธิ์ ให้ใจตรึกนึกถึงความใสบริสุทธิ์ เคยเห็นใช่ไหมจ๊ะ ความใสบริสุทธิ์ ความใส ของเพชรน่ะ เวลากระทบแสงมันใสอย่างไรนึกอย่างนั้นแหละ นึกใหม่ ๆ มันก็ไม่ชัดเจน ไม่เห็นแต่นึกได้ คือนึกให้ใสบริสุทธิ์ประดุจเพชรลูกที่เจียรไนแล้ว โตเท่าแก้วตา ใจตรึกนึกถึงความใสบริสุทธิ์และหยุดไปที่ จุดกึ่งกลางความใสบริสุทธิ์ ท่านแนะนำอย่างนี้นะจ๊ะ หยุดไปที่จุดกึ่งกลางของความใสบริสุทธิ์ให้ใจหยุดในหยุดนิ่งอย่างสบาย ๆ คือนึกอย่างสบาย ธรรมดาน่ะ นึกธรรมดา สบาย ๆ น่ะ คล้ายกับนึกถึงสิ่งที่เราคุ้นเคย  

 


                กำหนดให้นิ่งใจจะได้ไม่ซัดส่ายไปที่อื่น จะได้ไม่คิดเรื่องลูก เรื่องหลาน เรื่องงานเรื่องการ เรื่องเล่าเรื่องเรียนหรือเรื่องอะไรต่าง ๆ ที่นอกเหนือจากนี้ คือมานึกถึงเพชร ใส ๆ เพชรลูกใส ๆ และก็หยุดไปที่กลางความใส ตรึกถึงดวงใส หยุดกลางความใสบริสุทธิ์อย่างสบาย ๆ สบายให้เราสังเกตุดู เวลาที่เรานึกแล้วมันไม่ตึง ไม่มึน ไม่เมื่อย ไม่รำคาญ ไม่เบื่อ ไม่อึดอัด ไม่คับแคบ ไม่ทึบ คือนึกธรรมดาน่ะ สบาย ๆ กลางดวงใส นิ่งอย่างเบา ๆ สบาย พร้อมกับภาวนาในใจ ให้เสียงของคำภาวนา ดังออกมาจากจุดกึ่งกลางของบริกรรมนิมิตร เพชร ใส ๆ นั้นนะจ๊ะ ให้เสียงของคำภาวนาดังออกมาจากจุดกึ่งกลางของ เพชรลูกใส ๆ เป็นเสียงที่ละเอียดอ่อนที่เราไม่ได้ท่องโดยใช้กำลัง ละเอียดอ่อนคล้ายเสียงเพลงที่อยู่ในใจเรา ภาวนาว่าสัมมาอะระหัง สัมมาอะระหัง สัมมาอะระหัง สังเกตุดูนะว่าเสียงดังออกมา จากในท้องทีเดียวนะ สัมมาอะระหัง สัมมาอะระหัง สัมมาอะระหัง ภาวนาไปเรื่อยเลย

 


                สัมมาอะระหังเป็นถ้อยคำที่ศักดิ์สิทธิ์ทีเดียว สืบทอดกันมายาวนานเป็นพันปี ให้ไว้สำหรับผู้มีบุญ ในกาลก่อน ก่อนที่จะได้คำนี้มานี่ ได้ด้วยความยากลำบาก ต้องบอกกันแบบมีพิธีการมาก เพื่อให้รู้คุณค่าของคำ ๆ นี้ สัมมา ก็มาจากมรรค ๘ นั่นแหละ ตั้งแต่สัมมาทิฐิ สัมมาสังกัปโป อะไรเรื่อยไปเลย จนกระทั่งถึง สัมมาสมาธิคือทำให้มันถูกต้อง ทำสิ่งที่ดีงาม ตั้งแต่เห็นถูก คิดถูก พูดถูก ทำถูก อะไรอย่างนั้นเป็นต้น เรื่อยไปเลยนั่นแหละสัมมา สัมมา อะระหัง ก็ไกล ไกลจากกิเลสคือกิเลสนะไปไกล ๆ อย่างนั้น เพราะใจเราห่าง จากกิเลส ห่างจากความมืด ห่างจากความทุกข์ทรมาน ห่างจากความเลว ห่างจากสิ่งไม่ดี บริสุทธิ์ล้วน ๆ จึงได้ชื่อว่าอะระหัง คือมีความบริสุทธิ์ล้วน ๆ ไม่มีสิ่งที่เป็นมลทินเข้าไปเจือปนเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเพชรก็เป็นเพชรที่ใส ไม่มีมลทินไม่มีขีด ไม่มีข่วน ไม่มีไฝฝ้า เป็นเพชรที่ใสทั้งเนื้อทั้งแววทั้งสี สวยงาม มากทีเดียว อะระหังนั้นแทนคำของพระธรรมกาย ซึ่งเป็นผู้บริสุทธิ์หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะทั้งหลาย  

 


                เป็นผู้รู้แจ้งเพราะเห็นแจ้ง ญาณทัศนะเกิดเพราะว่ามีธรรมจักขุมองเห็นสว่างไสว เห็นถึงไหนรู้ถึงนั่น เป็นผู้ที่ตื่นอยู่ตลอดเวลา ไม่งัวเงีย ไม่เหมือนอยู่ในโลกของความฝัน ตื่นมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง คือรู้เรื่องจริงทั้งหมด เห็นว่าอะไรเป็นจริง อะไรไม่จริงก็เห็นว่าไม่จริง อะไรจริงก็เห็นว่าจริง แล้วก็หลุดพ้นจากสิ่งเหล่านั้น กระทั่งใจนี่ขยายไม่มีที่สิ้นสุด ที่เรียกว่าเบิกบานน่ะ เหมือนอาการบานของดอกไม้ ดอกไม้ที่น้ำเลี้ยงดอกไม้มันเต็มที่ก็ขยาย ส่งกลิ่นหอมไปไกลทีเดียว ขยายออกไป ใจที่เบิกบานคือใจที่หลุดจากข้อง จากที่แคบ จากภพทั้งหลาย จากสิ่งที่ทำให้อึดอัดที่ทำให้คับแคบ ให้วิตกกังวล เซ็งเครียด เบื่อ กลุ่ม อะไรต่าง ๆ หลุดหมดเป็นอิสระ เป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง ขยายไปไม่มีที่สิ้นสุด นั่นแหละเบิกบาน เพราะฉะนั้น อะระหังนี้แปลว่าไกลจากสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลาย เป็นคำรวมหมายถึงพระพุทธเจ้าพระอรหันต์ทีเดียว สัมมาอะระหัง จึงเป็นถ้อยคำที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นถ้อยคำที่มาจากแหล่งแห่งความบริสุทธิ์ 

 


                มีเรื่องจริงที่เล่าให้ฟังที่อยากจะเล่าให้ฟัง เกิดขึ้นกับโยมลุงของหลวงพ่อเอง ท่านเล่าด้วยน้ำตาที่หลั่งออกมาเพราะความปีติ เมื่อหลายปีที่แล้วท่านป่วยอยู่ ป่วยปวดท้องมาก ไม่ทราบว่าเป็นอะไร  เมื่อไปเอ็กซ์เรย์หมอก็ค้นพบว่ามีนิ่วอยู่ในถุงน้ำดีต้องผ่าตัด ท่านก็เข้าโรงพยาบาลแล้วก็เตรียมตัวผ่าตัด เนื่องจากท่านอายุมากก็ไปอยู่ก่อนล่วงหน้าสองวันสามวัน วันทั้งวันน่ะท่านไม่ได้ทำอื่นเลย ท่านไม่ได้คิดว่าให้มันหาย หรือให้มันไม่หาย หรือกังวลว่ามันจะหายไหม จะหายได้ด้วยวิธีใด ท่านก็ไม่ได้คิด เรื่องลูกเรื่องหลานก็ไม่คิดเพราะคิดไปก็ไม่ช่วยอะไร พลอยเป็นทุกข์ไปด้วย สู้ทำสมาธิดีกว่า ระหว่างที่นอนรอคอยเตรียมการผ่าตัด ท่านก็ภาวนาสัมมาอะระหัง นึกถึงหลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญและก็นึกถึงพระหลานชาย เพราะพระหลานชายคุ้นกันนึกง่าย หลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ ท่านมาไม่ทันเห็นแต่ในรูป แต่ก็มีความเคารพในองค์ท่านอย่างมาก แล้วก็ภาวนาสัมมาอะระหังอย่างนั้นไปเรื่อย ๆ ก็ไม่ได้คิดอะไร คิดแต่จะภาวนา เพราะว่ายังไงก็ต้องผ่าตัดอยู่แล้ว ก็ไม่คิดอะไร สัมมาอะระหัง สัมมาอะระหังไปเรื่อย ๆ อย่าง สบาย ๆ ใจ กระทั่งวันรุ่งขึ้นจะต้องผ่าตัด ตนก็เข้าห้องน้ำ ก็เข้าห้องส้วมท่านบอกว่าพอถ่ายออกมาได้ยินเสียงดังแก๊ง ไม่ทราบอะไร เอามือคว้าไม่ทัน แต่ว่าอาการที่ปวดท้องนั้นมันหายไป แต่ท่านก็ยังไม่ทราบว่ามันอะไร มีความรู้สึก เอ๊ะ!เราหายปวดท้อง เมื่อขึ้นไปนอนอยู่บนเตียงผ่าตัด ก่อนผ่าตัดท่านได้บอกกับ คุณหมอว่า คุณหมอครับขอผมพูดอะไรหน่อยได้ไหม คุณหมอท่านก็เข้าใจว่าคงจะนึกว่าจะสั่งอะไรถึงลูกถึงหลาน 

 


                ท่านพูดว่าคุณหมอครับผมขอพูดอะไรหน่อยได้ไหม คุณหมอบอกว่าได้ ผมมีความรู้สึกว่าผมหายแล้วนะ ว่าไอ้นิ่วในถุงน้ำดีมันหลุดตอนที่ผมเข้าห้องส้วม แต่ผมคว้าไม่ทันเลยไม่มีพยานมาให้หมอดูคุณหมอครับผม ว่าหายแล้ว เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ช่วยเอาผมไปเอ็กซ์เรย์อีกครั้งเถอะก่อนผ่าตัด หมอก็เลยเอาไปเอ็กซ์เรย์แล้วก็ขำ ๆ ด้วย ขำคนป่วย ขำโยมลุงของหลวงพ่อน่ะ เมื่อไปเอ็กซ์เรย์ดูปรากฏว่านิ่วมันไม่มี มันหายไปน่ะ หมอก็ถามว่า เออลุงใช้คาถาอะไร ทำไมมันหายไป มันจะเป็นไปได้อย่างไร มันคนละทางกัน นิ่วมันอยู่ในถุงน้ำดี ไอ้ที่ขับถ่ายมันลำไส้นะ มันคนละทางกันนะ มันมามันไปยังไง ลุงใช้คาถาอะไรหรือลุง ทำยังไง ผมก็ไม่ได้ทำอะไร ผมนอนอยู่เพื่อเตรียมการผ่าตัด อยู่ว่าง ๆ ผมก็นึกภาวนาสัมมาอะระหังอย่าง เดียวเท่านั้นแหละ ก็นึกถึงหลวงพ่อวัดปากน้ำกับพระหลานชาย ก็เห็น เห็นเหมือนฝัน แต่ไม่ได้ฝันว่ามายืน บนหัวเตียงนอน แล้วหลวงพ่อวัดปากน้ำก็เอามือลูบศีรษะผม ท่านลูบศีรษะบอกว่าหาย ทำให้ผมมีกำลังใจ เออบอกว่าผ่าตัดนี้หมอคงเอาออกได้ ผมก็คิดแค่นั้นแหละว่า สัมมาอะระหังและมันก็เป็นอย่างนี้ ผมก็อธิบาย ไม่ได้เพราะมันคนละทางกัน คือจากถุงน้ำดีไปออกลำไส้ ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเป็นไปได้อย่างไร แต่เอาเป็นว่าผมหายแล้ว 

 


                ขอบพระคุณคุณหมอที่กรุณาที่จะเตรียมการต่าง ๆ แต่ผมขอร้องอย่างเดียวนะหมอ อย่าไปบอกใครได้ไหม ว่าผมทำด้วยวิธีการอย่างเนี้ย สัมมาอะระหัง เพราะเค้าจะหาว่ามีอภินิหารอะไร มาพูดอย่างนี้ เดี๋ยวผมก็ไม่ค่อยสบายใจ เอาแต่เพียงว่าตอนนี้ผมหายก็แล้วกัน ด้วยวิธีการอย่างนี้ โยมลุง เล่าให้ฟังด้วยน้ำตาที่มีความปิติ นึกทีไรก็ปิติ แล้วก็อัศจรรย์ใจในคำภาวนาสัมมาอะระหังกับบารมีหลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ และท่านก็มีความคิดว่า ถ้าเรามีความมั่นใจ เชื่อมั่นในสิ่งที่ดีงาม สิ่งที่เหนือธรรมชาติ เหมือนกฎเกณฑ์ที่ ใคร ๆ คาดไม่ถึง ก็จะต้องเกิดขึ้นอย่างที่ได้เกิดขึ้นกับตัวท่านเองมาแล้ว 

 


                เพราะฉะนั้นคำว่าสัมมาอะระหังนี้ ไม่ใช่เรื่องเล็กทีเดียวนะจ๊ะ เป็นเรื่องสำคัญ ให้ภาวนาแบบที่โยมลุงหลวงพ่อท่านภาวนา คือให้เสียงดังออกมาจากในกลางท้อง ตรงศูนย์กลางกายใน กลางท้อง มันจะตรงฐานที่เจ็ดเปล่าก็ไม่ทราบ แต่ท่านก็ภาวนาจากในกลางท้อง แล้วก็นึกถึงดวงใส ท่านบอกว่าเห็นดวงใสชัดทีเดียว ชัด เสียงมันดังออก มาจากตรงกลางดวงใส ๆ ในท้องนะ แล้วนิ่วมันก็หลุดออกไปอีกทางหนึ่งนะ นี่คือความอัศจรรย์ที่เห็น เดี๋ยวนี้ท่านอายุแปดสิบกว่ายังแข็งแรงสดชื่นเลย เพราะฉะนั้นสัมมาอะระหังสำคัญทีเดียวนะจ๊ะ ให้ภาวนาไป เอาใจหยุดนิ่ง จะไปรถไปเรือไปเหนือไปได้ไปที่ไหนคุ้มครองให้ปลอดภัยจากภัยพิบัติทั้งมวลได้ จะปฏิบัติธรรมะ สัมมาอะระหัง ถูกส่วนเข้าเดี๋ยวเห็นดวงใสดวงใสแจ๋วเหมือนลืมตาเห็นทีเดียว จะเข้าถึงหนทางเบื้องต้นที่จะไปสู่อายตนนิพพาน เป็นดวงใสสว่างกลมรอบตัวทีเดียว ใสบริสุทธิ์ยิ่งกว่าเพชร เมื่อใจหยุดนิ่งดีแล้วนะจ๊ะ มีความละเอียดอ่อนมีความบางเบาเหมือนไม่มีมวลของเนื้อแก้วเลยทีเดียว อย่างเล็กขนาดดวงดาวในอากาศ อย่างกลางขนาดพระจันทร์คืนวันเพ็ญ อย่างใหญ่ก็ขนาดพระอาทิตย์ตอนเที่ยงวัน นี่พอเราภาวนาถูกส่วนนิ่ง พอถูกส่วนเข้าเดี๋ยวเห็นดวงธรรมอย่างนี้นะจ๊ะ 

 


                เพราะฉะนั้นท่านที่มาใหม่ ให้ทำอย่างนี้นะ สัมมาอะระหัง สัมมาอะระหัง ภาวนาเรื่อยไปด้วยความเคารพ ระลึกนึกถึง พระรัตนตรัย ให้นั่งเอาใจหยุดนิ่ง ให้ใจใสบริสุทธิ์ทีเดียวอย่างนี้ เป็นวิธีการเตรียมการที่จะให้ใจบริสุทธิ์ผ่องใส เหมาะสมที่จะเป็นภาชนะรองรับบุญใหญ่ ที่จะบังเกิดขึ้นในวันนี้ เพราะฉะนั้นให้ภาวนาไปเรื่อย ๆ นะจ๊ะ ภาวนา สัมมาอะระหัง สัมมาอะระหัง สัมมาอะระหัง สังเกตุดูนะ ดังออกมาจากในกลางท้องแล้วหรือยัง กลางเครื่องหมายที่ใสสะอาดบริสุทธิ์ประดุจเพชรลูกที่เจียระไนแล้ว ไม่มีขีดข่วนคล้ายขนแมว โตเท่ากับแก้วตาของเรา สัมมาอะระหัง สัมมาอะระหังสัมมาอะระหัง ภาวนาอย่างสบาย ๆ ไปเรื่อย ๆ นะจ๊ะ จะกี่สิบกี่ร้อยกี่พันกี่หมื่นกี่แสนกี่ล้านครั้งยิ่งดี ภาวนาไปจนกว่าคำภาวนา สัมมาอะระหัง จะกลืนเป็นอันหนึ่ง อันเดียวกับดวงแก้วใส ๆ ภายในกลางกาย เมื่อคำภาวนารวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับดวงแก้วแล้ว ในตอนนั้นคำภาวนาหรือเสียงของคำภาวนานั้นจะเลือนหายไปเลยหายไปเอง เหมือนเราลืมภาวนา แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ลืมภาวนา แต่ว่ามันเลื่อนไป เพราะคำภาวนามันกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับดวงธรรมใส ๆ สิ่งที่ปรากฏเกิดขึ้นคือเห็นดวงใสขึ้นมาแทน ชัดเจนแจ่มใส โดยไม่มีคำภาวนา ถ้าภาวนาถึงระดับนี้ใช้ได้แล้ว 

 


                แต่ถ้าภาวนาไปเรื่อยแล้วยังมีความคิดอื่นผ่านเข้ามา เดี๋ยวเห็นดวง เดี๋ยวดวงหายอะไรต่าง ๆ เหล่านี้ ต้องภาวนาต่อไปนะจ๊ะ สำหรับท่านที่มาใหม่ จนกว่ามันจะเข้าไปรวม คำภาวนานี้จะรวมเป็น อันหนึ่งอันเดียวกับดวงใส ๆ บริสุทธิ์ กระทั่งเสียงนั้นหายไปเลย เสียงในใจ สัมมาอะระหังในใจ เลื่อนหายไปจากใจ มีแต่ดวงธรรมสว่างไสว ปรากฏเกิดขึ้นมาในกลาง ทำกันอย่างนี้นะจ๊ะ ต่างคนต่างทำกันไป เงียบ ๆ นะจ๊ะทุก ๆ คน แล้วก็เอาใจหยุดนิ่งไว้ที่เดิม ที่ศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ด ตรงนี้สำคัญนะจ๊ะ พระพุทธเจ้าพระอรหันต์ทั้งหลาย ใจท่านอยู่ตรงกลางฐานที่เจ็ดของพระธรรมกายตลอดเวลาเลย เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระธรรมกาย เป็นพระธรรมกายไปเลย แล้วก็ใจของพระธรรมกายก็อยู่ที่ตรงนี้ที่เดียว อยู่ตรงนี้จะทำให้เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานแล้ว เพราะฉะนั้นกิจอื่น กิจต่าง ๆ ที่พวกเราทำอยู่ท่านไม่ต้องทำแล้ว ภารกิจต่าง ๆ ตั้งแต่ การดูแลขันธ์ ๕ ก็ดี พันธะของชีวิตอะไรต่าง ๆ ก็ดีท่านไม่ต้องทำอะไร กระทั่งจิตที่จะกำจัดกิเลสอาสวะ อะไรต่าง ๆ ไม่มี เพราะหลุดพ้นเรียบร้อยแล้วหลุดด้วยวิธีหยุดนิ่ง พอถูกส่วนก็มีอานุภาพ มันจะดูดเข้าไปข้างในเลย ไปติดเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับผู้พ้นแล้ว เป็นอันนั้นแล้ว เพราะฉะนั้นกิจอย่างอื่นไม่มี ภพชาติคือ เชื้อที่ทำให้เกิดก็หมดเพราะหลุดแล้วน่ะ   

 


                แต่ของตัวเรานี่ไม่หลุด เห็นไหมจ๊ะ เดี๋ยวไปเรื่องครอบครัว เรื่องงาน เรื่องการทำมาหากินแก้ไขปัญหาของชีวิต ศึกษาเล่าเรียน สนุกสนานเพลิดเพลินเฮฮาอะไรกัน ไปอย่างนั้น สารพัดไปหมดเลย ใจไม่มีหยุดอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ด หลุดหมด หลุดจากฐานที่เจ็ด ไม่ใช่หยุดอยู่ที่ตรงฐานที่เจ็ด มันก็ออกไปตามอายตนะต่าง ๆ ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกายไปเรื่อย เลย ทางใจก็นึกคิดกันต่อ ๆ ไปเรื่อยเปื่อย ถ้าใครเอาใจมาหยุดอยู่ตรงฐานที่เจ็ดตรงนี้ได้ตลอดวันตลอดคืน ตลอดเวลา จะพบความสมปรารถนาทั้งทางโลกทางธรรม เพราะหยุดเป็นตัวสำเร็จทั้งทางโลกทางธรรม ทางธรรมถ้าหยุดแล้วก็เข้าไปถึงภายใน ทางโลกถ้าหยุดในระดับหนึ่ง หยุดภายในข้างนอกเคลื่อนไหวคือทำกิจกรรมอะไรต่าง ๆ ก็ทำไป ทำมาหากิน ก็ทำไป พอใจหยุดแล้วมันสบาย เพราะสุขอื่นนอกจากหยุดกับนิ่งไม่มี มันสบาย พอใจสบายมันก็มองปัญหา อะไรได้แจ่มใส ใจสุขุมเยือกเย็น ปัญหาชัดเจนแจ่มใส มีดวงปัญญาเกิด จะรู้วิธีที่แก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่จะ ให้เรามีความสุขด้วย ภารกิจสำเร็จไปด้วย อย่างอัศจรรย์ทีเดียว ถ้าหยุดนี้จะสำเร็จทั้งทางโลก ทางธรรม 

 


                ใครที่ใจหยุดถึงปฐมมรรค ก็เข้าหยุดไปกลางปฐมมรรค หยุดถึงกายมนุษย์ละเอียด ก็หยุดไปกลางกายมนุษย์ละเอียด เข้าถึงกายทิพย์หยุดกลางกายทิพย์ เข้าถึงกายรูปพรหมก็หยุดกลางกายรูปพรหม เข้าถึงกลางกายอรูปพรหมก็หยุดกลางกายอรูปพรหม เข้าถึงกายธรรมก็หยุดไปกลางกายธรรม หยุดไปเรื่อย ๆ หยุดอยู่ที่เดียว หยุดให้ถูกส่วนทีเดียวนะจ๊ะ หยุดให้นิ่ง ใจจะได้ใสบริสุทธิ์เห็นชัดใสแจ่ม แล้วก็หยุดนิ่ง น้อมเครื่องไทยธรรมทีเดียวน้อมด้วยใจไปถวายเป็นพุทธบูชา  แด่พระธรรมกายของพระพุทธเจ้า คุณยายก็คลุมเครื่องไทยธรรมทั้งหลายขึ้นไป คุณยายท่านทำชำนาญแล้ว กายต่าง ๆ นี้ ปล่อยเข้าไปได้แล้ว มีความละเอียดสับกายซ้อนกายละเอียด เข้าฌานสมาบัติได้ละเอียด ถูกส่วนอายตนนิพพานก็ดูดขึ้นไปเลย มันวูบไปเลย เหมือนกับมีอะไรรั้งเข้าไปข้างใน ดึงดูดคล้ายกับมีแม่เหล็กโลกยักษ์ อยู่ภายใน มันวูบเข้าไปเลย สว่างอยู่ในกลางอายตนนิพพาน 

 


                คุณยายก็ทับทวีเครื่องไทยธรรมไปถวาย พระพุทธเจ้าที่มีพระธรรมกาย ปรากฏอยู่เต็มไปหมดในอายตนนิพพาน สว่างเต็มไปหมดเลย ถวายให้สุดรู้สุดญาณไป แล้วก็ทับทวีกันไปเรื่อย ๆ คือหยุดไปเรื่อยก็ทับทวีกันไปเรื่อย เครื่องไทยธรรมทั้งหลายก็ทับทวีตามไป เท่ากับจำนวนของพระนิพพานนะเต็มไปหมดเลย คุณยายทับทวีไปให้ทั่วถึง แล้วก็กราบทูลท่าน ขอบุญขอบารมีรัศมีกำลังฤทธิ์ อำนาจสิทธิทุกอย่าง ให้ถึงแก่พวกเราที่ได้มีความตั้งใจมาบูชาข้าวพระ ให้บุญมาจรดติดอยู่ที่ศูนย์กลางกายของทุก ๆ คน ให้ดวงบุญนี้มีอานุภาพ บันดาลให้ความสำเร็จบังเกิดขึ้นทั้งทางโลก ทางธรรม ให้สมบูรณ์ทั้งรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติคุณสมบัติ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มรรคผลนิพพาน ไปตลอดไปเลย ทุกภพทุกชาติกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม ให้ขอบุญบารมีท่านเป็นพิเศษ ซ้อนลงมาติดในไส้กลางของทุก ๆ คนบุญนี้เป็นสิ่งที่อยู่เบื้องหลังความสุขความสำเร็จทั้งมวล มันอยู่ตรงกลางนั่น มันอยู่ข้างใน เป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็นได้ด้วยตาเนื้อ จับต้องด้วยมือไม่ได้ แต่เห็นได้ด้วยธรรมจักขุของพระธรรมกายคือ อยู่ตรงไส้ ตรงกลางเลย ตรงกลางกายของทุก ๆ คน ขนาดไม่เท่ากัน ถ้าใครดวงบุญเล็ก ดวงบาปโต เกิดมาก็ทุกข์ยากลำบากหาเงินเกือบตาย ไม่ค่อยจะได้หรอก ลำบาก มีชีวิตที่ลำบาก 

 


                ถ้าดวงบุญนี้โต ปานกลางใหญ่ขึ้น ก็มีความสุขสะดวกสบายขึ้นเป็นชนชั้นกลาง มีความสบายเพิ่มขึ้นพอแก่อัตภาพ ถ้าดวงบุญ ในตัวใหญ่ขึ้นไปอีก ก็เป็นคนชั้นสูง มีสมบัติมากกว่าคนอื่น ไม่ต้องไปหาเงิน แต่เงินมาหา สมบัติมาหา เพราะฉะนั้นจะสังเกตุคนรวยแล้วก็รวยอีกรวยไปเรื่อย ๆ ไอ้จนแล้วก็จนกันไปเรื่อย ๆ เพราะไอ้กระแสที่จะดึงดูดมาเนี่ยมันไม่มี ไม่มีเพราะว่ากระแสความตระหนี่ในภพก่อน ๆ ชาติก่อน ๆ มันขวางสมบัติเอาไว้ เมื่อไม่ให้ก็ไม่ได้ เวลาที่ภพก่อน ๆ นู้น บาปอกุศลเข้ามาครอบงำ ทำให้หวงแหนทรัพย์ ตระหนี่ไม่คิดจะให้ ให้ไม่เป็น พอรู้สึกว่าจะให้เป็นทุกข์กลุ่มทีเดียว นอนไม่หลับทีเดียวไม่สบายใจ อึดอัด โกรธคนที่มาขอ ให้ไม่เป็น กระแสของความตระหนี่มันมืดสนิท มันบังเอาไว้ครอบงำเลย หุ้มเคลือบ เอิบอาบ ซึมซาบ ปนเป็น สวมซ้อนร้อยเข้าไปตรงกลางนะ เต็มไปหมดเลย มีกระแสของความตระหนี่คอยผลักสมบัติออกไป แล้วก็ดึงวิบัติเข้ามา ดึงวิบัติเข้ามา ก็เป็นสิ่งที่ใครมองไม่เห็นเหมือนกันแต่ว่ามันก็มีอยู่เกิดขึ้น 

 


                แต่ถ้าหาก ดวงบุญในตัวของเรามันโตใหญ่ดวงบาปน้อย เวลาจะทำอะไรมันก็สำเร็จง่าย สมบัติที่ใครว่าดึงดูดมายาก มันก็มาง่าย มาแล้วมาอีก บางคนทำอะไรก็ไม่ค่อยเป็น แต่บุญบันดาลให้มีโอกาสดีจังหวะดี บางที เราก็ใช้คำว่ามีโชคดี มีลาภดี มีคนช่วยเหลือเกื้อกูล กระแสบุญที่อยู่ภายในตัวน่ะส่งกระแสไป เหมือนกระแสคลื่นวิทยุน่ะ แผ่ไปในบรรยากาศที่มองไม่เห็นด้วยตาเนื้อ แล้วมันก็ไปดึงดูดทรัพย์สมบัติเข้ามาหาตัวเรา นี่เป็นเรื่องแปลกทีเดียวนะจ๊ะ แปลกมาก ต้องเข้าธรรมกายถึงจะเห็นชัด แจ่มใสบุญวันนี้ จะทำให้เรามีทรัพย์สมบัติทั้งสาม ติดตัวไปในภพเบื้องหน้า จะท่องเที่ยวอยู่สองภูมิคือมนุษย์กับเทวโลก สร้างบารมีไปไม่มีที่สิ้นสุด จนกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม สมบัติบังเกิดขึ้น คุณยายก็ขอบุญขอบารมีให้กับทุก ๆ คน วันวิสาขบูชาที่จะถึงคือ ๓๑ พฤษภาคม เป็นวันวิสาขบูชา เป็นบุญใหญ่ที่จะได้ประกอบพิธีหล่อพระธรรมกายประจำตัว ประดิษฐานที่ธรรมกายเจดีย์ เจดีย์ที่แตกต่างจากเจดีย์ทั่ว ๆ ไป ธรรมกายเจดีย์ไม่ใช่แค่เป็นเพียงอิฐ เป็นหิน เป็นปูน เป็นเหล็ก ก่อสร้างขึ้นมาให้สำเร็จเป็นธรรมกายเจดีย์เท่านั้น ขณะนี้ เรายังมองภาพไม่ออก ว่าธรรมกายเจดีย์สำคัญอย่างไร แต่เมื่อไรมีมหาชนทั่วโลก จำนวนเป็นล้านคนมาประพฤติปฏิบัติธรรมระลึกนึกถึงพระรัตนตรัย เข้าถึงพระธรรมกายภายใน เข้าถึงสันติสุขภายใน นำสันติสุขภายในขยายต่อไปในครอบครัวในสังคมทั่วโลก 

 


                ตอนนั้นแหละเราจะมีปีติสุขเป็นอย่างยิ่ง ว่าเรามีส่วนอย่างสำคัญ ได้เริ่มก่อสร้างตั้งแต่อิฐสักก้อนไม้สักแผ่นประตู เอ่อตะปูหนึ่งตัว ทรายสักกำมือนึง เรามีส่วนอย่างสำคัญที่เดียว ที่ได้สร้างสันติสุขแก่โลกในทางอ้อม จะมีสุขไปในทุกสถานจะมีปีติเป็นรางวัล ว่าเกิดมาชาตินี้มีส่วนได้สร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นแก่โลก ซึ่งเราไม่เคยคิดเลยว่า คนอย่างเราตัวแค่นี้ ไม่ได้มียศฐาบันดาศักดิ์อะไร จะได้ทำงานที่ยิ่งใหญ่ที่สำคัญในระดับโลกทีเดียว เพราะฉะนั้นให้ดีอกดีใจกันเอาไว้ นะจ๊ะว่าธรรมกายเจดีย์ที่เราช่วยกันสร้างนี้ เป็นสิ่งที่สำคัญที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง ดังนั้น ๓๑ พฤษภาคมที่จะถึงนี้ อย่าขาดกันนะจ๊ะ ให้ไปตามหมู่ญาติมิตร ไปตามมาเลย มาร่วมหล่อพระธรรมกายประจำตัว ของตัวเองและก็แทนบรรพบุรุษที่มาไม่ได้ก็ดี หรือที่ละโลกไปแล้วก็ดี มาเป็นตัวแทนให้สำคัญ เพื่อที่ว่าพระธรรมกายประจำตัวของเราและผู้ที่เป็นที่รักของเรา จะได้ประดิษฐานที่ธรรมกายเจดีย์ ให้มนุษย์และเทวดา เคารพสักการะกราบไหว้ไปชั่วกาลนาน

 


                เพราะฉะนั้นไปติดตามกันมาให้มาก ๆ นะจ๊ะ อย่าขาดกันเลย เราจำภาพวันมาฆบูชาที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดี ว่าวันนั้นจำนวนคนมหาศาล เป็นจำนวนเรือนแสนแต่เหมือนคน ๆ เดียวกัน มีระบบ มีระเบียบ มีความสุขแม้บางอย่างจะบกพร่อง เรื่องห้องน้ำ เรื่องอาหารก็ตาม ไม่มีใครปริปากบ่นเลย ทุกคนมุ่งมาเอาบุญกันอย่างเต็มที่ แต่งานวิสาขะคราวหน้า ข้อบกพร่องต่าง ๆ เราจะแก้ไข ให้ทุกคนมาช่วยกันแก้ไขด้วย จะไม่ให้มีข้อบกพร่องอะไรเลย เพื่อใจทุกคนจะได้เปี่ยมไปด้วยความสุข มีปีติ มาช่วยกันหล่อพระธรรมกายประจำตัวให้ศักดิ์สิทธิ์ มีฤทธิ์ มีเดช มีอานุภาพ ประดุจพระผู้มีพระภาคเจ้าท่านยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ มากันให้เต็มที่ ก่อนจะถึงวันงานมาหล่อพระประจำตัวของเรา ให้ชำระกายวาจาใจของเราให้สะอาดให้บริสุทธิ์ผ่องใสตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราจะไม่ขุ่นมัว ใจเราจะเบิกบานอยู่ในกุศลธรรม มีปีติ มีความสุข ถ้าเจอใครก็จะชักชวนมาเป็นเจ้าภาพ มาร่วมหล่อพระกันให้หนาแน่น ให้สำเร็จเป็นองค์พระให้ได้ ให้เป็นอัศจรรย์กันทุก ๆ คนนะจ๊ะ ต่อจากนี้ไปให้ตั้งใจ  อธิษฐานจิต ตามใจชอบกันทุก ๆ คน  


 

 

 

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.04039128224055 Mins