แสงแห่งบุญ
๕ มกราคม ๒๕๕๐
พระธรรมเทศนาเพื่อการปฏิบัติธรรม วัดพระธรรมกาย
โดย... พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย)
ต่อจากนี้ไปตั้งใจให้แน่แน่ว มุ่งตรงต่อหนทางของพระนิพพานกันทุก ๆ คนนะจ๊ะ ให้นั่งขัดสมาส เอาขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้าย ให้นิ้วชี้ของมือข้างขวา จรดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย วางไว้บนหน้าตักพอสบาย ๆ นะจ๊ะทุก ๆ คน หลับตาเบา ๆ พอสบาย ๆ อย่าไปบีบหัวตา อย่ากดลูกนัยน์ตา หลับตาคล้าย ๆ กับเรานอนหลับนะจ๊ะ ขยับเนื้อขยับตัวของเราให้ดี กะคะเนว่าให้เลือดลมในตัวของเราเดินได้สะดวก จะได้ไม่ปวดไม่เมื่อยนะ ขยับเนื้อขยับตัวให้ดีทุกคน ตั้งหลักให้ดีนะ ตั้งท่าให้ดีทีเดียว
ทำใจของเราให้เบิกบาน ให้แช่มชื่น ให้สะอาด ให้บริสุทธิ์ ให้ผ่องใส ปราศจากความโลภ ความโกรธความหลงกัน ชั่วขณะที่เราจะได้หลับตาเจริญสมาธิภาวนากันนะ ภารกิจเครื่องกังวลต่าง ๆ ที่มีอยู่ในใจของเราให้ปลดให้ปล่อย ให้วาง ให้ใจว่างเปล่าจากภารกิจเหล่านั้นทั้งมวล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม จะเป็นเรื่องการศึกษาเล่าเรียน เรื่องธุรกิจการงาน เรื่องครอบครัว หรือเรื่องอะไรที่นอกเหนือจากนี้น่ะ ที่คั่งค้างอยู่ในใจ ให้ปลดให้ปล่อย ให้วาง ให้ใจเราใสสะอาดบริสุทธิ์ เยือกเย็น จะได้เหมาะสมที่จะเป็นภาชนะ รองรับพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ รองรับบุญกุศลที่จะบังเกิดขึ้นในวันนี้นะจ๊ะทุก ๆ คน
รักษาใจของเราให้บริสุทธิ์ให้ผ่องใสอารมณ์ขุ่นมัวอะไรต่าง ๆ ที่มีอยู่ในใจ รู้สึกไม่สบายใจหรือขุ่นมัว ก็รีบขจัดออกให้หมดเลยนะจ๊ะ แล้วก็ทำตัวให้สบาย ๆ เหมือนอยู่บ้านของเราเองนะจ๊ะ อยากจะให้ทุกคนเป็นสุข สบาย จะได้สร้างบารมีได้เต็มที่ เพราะว่าเราเกิดมาสร้างบารมี และจะมีเวลาชีวิตอยู่ในโลกนี้ไม่นานเท่าไหร่กันหรอกนะจ๊ะ จะเหลือเวลาสำหรับการสร้างบารมีนิดหน่อยเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นรีบทำใจให้ผ่องใสให้เร็ว ๆ นะจ๊ะ อย่าขุ่นมัว ทิ้งมันไปซะให้หมด แล้วตั้งใจที่จะประพฤติปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวของเรานี่แหละ
เมื่อเราได้เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวของเราแล้ว เราจะได้มีทั้งที่พึ่งและที่ระลึก ที่จะทำให้ชีวิตของเรานี่มีความสุขที่สมบูรณ์ยิ่ง ๆ ขึ้นไปพระรัตนตรัยมีอยู่ในตัวของเรานะจ๊ะ ในตัวของเราทุกคนเลย ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์ จะเป็นชาติไหนศาสนาไหนก็ตาม ขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์ล้วนมีพระรัตนตรัยอยู่ในตัวทั้งสิ้น แต่ว่าถ้าหากว่าเราไม่ทราบ หรือใครไม่ทราบ ก็จะไปแสวงหาที่พึ่งที่ระลึกนอกตัว ดังนั้นสิ่งที่เราปรารถนาคือความสุขที่สมบูรณ์ ที่แท้จริงนั้นน่ะจึงไม่เจอ เพราะความสุขที่แท้จริงอยู่ในตัวของเรานี่เอง
พระรัตนตรัยคือ พุทธรัตนะธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ สามอย่างนี้นะ พระ พุทธรัตนะพระแก้วใส รัตนะแปลว่าแก้ว ธรรมรัตนะ ดวงธรรมที่ใสซึ่งเป็นที่รวมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สังฆรัตนะคือผู้ที่ได้เข้าถึงพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็อยู่ในตัวของเราเนี่ยะ ใสเป็นแก้วบริสุทธิ์ทีเดียว อยู่ในกลางกาย แต่ว่าเป็นสิ่งที่ละเอียดที่ปราณีตซ้อนอยู่ในกลางกายมนุษย์หยาบของเรานี่แหละ เป็นชั้น ๆ เข้าไป จะต้องถอดกายออกเป็นชั้น ๆ จึงจะเข้าถึงพระรัตนตรัยได้ กายที่เป็นชั้น ๆ ซ้อนอยู่ภายในตัวของเรานี้ มีอยู่หลายกายนะจ๊ะ
กายแรกก็คือกายมนุษย์ละเอียด เป็นกายถัดไปน่ะ ซ้อนอยู่ในกลางกายมนุษย์หยาบของเรา มีลักษณะเหมือนกับตัวของเรานี่แหละ แต่ว่าละเอียดกว่าปราณีตกว่า เราเคยเห็นบ่อย ๆ ตอนที่เรานอนหลับแล้วฝันไป หน้าตาเหมือนกับตัวเราที่เป็นเจ้าของนี่แหละ ท่านหญิงก็เหมือนกับท่านหญิง ท่านชายก็เหมือนกับท่านชาย เวลาตื่นมาก็อยู่ที่กลางกายตรงเนี้ย ในกลางตัวของเรา ตรงฐานที่ ๗ กายถัดจากนั้นเข้าไปอีกคือกายทิพย์ เป็นกายที่ละเอียดและสวยงาม ปราณีตบริสุทธิ์ยิ่งขึ้นกว่ากายมนุษย์ละเอียด ซ้อนอยู่ในกลางกายมนุษย์ละเอียด เป็นกายของสุคติภูมิ เป็นกายของชาวสวรรค์
เมื่อเราสั่งสมบุญ บุญก็จะกลั่นไปเรื่อย ๆ ไปตามลำดับ พอถึงกายทิพย์ เมื่อเราถอดกายทำลายขันธ์ไปน่ะ บุญก็นำไปบังเกิดขึ้นในสุคติโลกสวรรค์ กายที่จะอยู่บนโลกสวรรค์ได้น่ะต้องเป็นกายทิพย์ กายที่สวยงาม มีเครื่องประดับเพียบพร้อมบริบูรณ์เป็นสมบัติอันเป็นทิพย์ ติดประจำตัวของกายทิพย์นั้นน่ะ ถ้าหากว่าเราไปอยู่สุคติโลกสวรรค์เราก็จะมีกายอย่างนี้ กายนี้อยู่ในกลางกายมนุษย์ละเอียด กายถัดไปที่ปราณีตกว่านี้ บริสุทธิ์กว่านี้ คือกายรูปพรหม เมื่อเราทำฌานสมาบัติได้รูปฌานสี่ เราก็จะเข้าถึงกายรูปพรหม ถ้าหากว่ารักษากายนี้ ความละเอียดเท่ากับกายนี้น่ะ เวลาละโลกไปแล้วก็ไปสู่รูปภพ อยู่พรหมโลก เป็นกายพรหมที่สวยงามปราณีตกว่ากายทิพย์
กายพรหมนี่มีหน้าเดียวนะจ๊ะเหมือนมนุษย์น่ะ ไม่ใช่มีสี่หน้านะ กายพรหมสวยงามทีเดียว อยากจะรู้จักต้องถอดกายออกเป็นชั้น ๆ จึงจะเข้าถึง กายถัดไปคือกายอรูปพรหม หากเราได้อรูปสมาบัติ ละเอียดปราณีตกว่านั้น บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น ก็จะได้อรูปพรหม อรูปพรหมก็จะอยู่อรูปภพ กายถัดจากนี้ไปนั่นแหละจึงจะได้เข้าถึงพระรัตนตรัย กายที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานแล้ว ลักษณะสวยงามกว่ากายต่าง ๆ ทั้งหมด สวยกว่ากายมนุษย์หยาบ สวยกว่ากายมนุษย์ละเอียด สวยกว่ากายทิพย์ สวยกว่ากายรูปพรหม และสวยกว่ากายอรูปพรหมเรียกว่ากายธรรม คือกายทั้งก้อนเป็นธรรมล้วน ๆ
ประกอบขึ้นโดยธรรม ประกอบขึ้นจากความบริสุทธิ์ ได้ลักษณะมหาบุรุษ อยู่ในกลางกายอรูปพรหมนะ ลักษณะคล้าย ๆ กับพระพุทธรูปแต่ว่าสวยงามกว่ามาก มากกว่าที่เราเคยเห็น ที่เห็นนั่นน่ะเป็นแต่เพียงจินตนาการของผู้ที่ยังเข้าไม่ถึง ที่ได้รับฟังกันต่อ ๆ มาว่าในตัวเรามีพระแต่กายธรรมจริง ๆ ที่อยู่ในตัวเรานั้นสวยงามมาก เกตุดอกบัวตูมนะจ๊ะ ไม่ใช่เปลวเพลิง กายท่านจะใสเป็นเพชรทีเดียว กายเป็นแก้ว ใจเป็นแก้ว ใส มีรัศมีสว่างไสว มีญาณทัสสนะที่กว้างไกล มีความบริสุทธิ์ เป็นนิจจัง เป็นสุขัง เป็นอัตตา คงที่ แน่เที่ยงแท้แน่นอน มีแต่สุขล้วน ๆ เป็นตัวตนที่แท้จริง ที่พ้นจากไตรลักษณ์นะ พ้นจากความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา สิงสถิตอยู่ในกลางกายของพวกเราทุก ๆ คนนะจ๊ะ
เพราะฉะนั้นคนโบราณน่ะ ปู่ย่าตายายของเราถึงได้สั่งสอนกันสืบต่อกันมา ว่า ให้ประนมมือไว้หว่างอก ไหว้พระในตัว ท่านให้นัยยะว่าในกลางกายของเรา ในตัวของเราน่ะ มีพระอยู่องค์หนึ่งที่ใสสะอาดบริสุทธิ์ เป็นพระประจำตัวของเรา ถ้าเข้าถึงได้ละก็ ชีวิตก็จะมีความสุข สุขที่ละเอียดปราณีต เป็นอิสระกว้างขวาง ไม่มีขอบเขต เข้าถึงท่านได้แล้วเนี่ย เราจะรู้แจ้งเกี่ยวกับเรื่องชีวิตของเรา ว่าก่อนมาเกิดน่ะมาจากไหน มาทำไม แล้วก็อะไรคือเป้าหมายของชีวิตพึ่งท่านได้ มีทุกข์ก็พึ่งได้ มีภัยก็พึ่งได้ มีโรคก็พึ่งท่านได้ เป็นที่พึ่งอย่างเดียว ให้คุณอย่างเดียว ไม่เคยให้โทษเลย นั่นแหละเป็นที่พึ่งที่ระลึกที่อยู่ในกลางกายของเรานะจ๊ะ
เพราะฉะนั้นมาในวันนี้เราจะต้องทำความรู้จักกับพระรัตนตรัยที่มีอยู่ในตัวของเรา ให้ได้ซะก่อน ว่านี่เป็นที่พึ่งที่ระลึกที่เราสวดมนต์บูชากันเมื่อเช้านี้ ตอนแรกนี้น่ะ ก็หมายเอาพระรัตนตรัยที่มีอยู่ในตัวของเราอย่างนี้นะจ๊ะ และพระรัตนตรัยในตัวของเรานี่ยังมีซ้อนเป็นชั้น ๆ เข้าไปอีก อีกหลายชั้นทีเดียว นับชั้นไม่ถ้วนทีเดียวซ้อนกันอยู่ภายใน นี่คือจุดหมาย เป้าหมายของชีวิตที่เราเกิดมาเป็นมนุษย์จะต้องเข้าถึงให้ได้พระรัตนตรัยทั้งสามเนี่ยะ คือพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ ทั้งสามนี้อยู่ในศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ อยู่ตรงนี้นะจ๊ะ สำหรับท่านที่มาใหม่ ว่าเราสมมติว่าหยิบเส้นด้ายขึ้นมา ๒ เส้น เส้นหนึ่งให้นำมาขึงจากสะดือทะลุไปด้านหลัง สมมติเป็นเส้นด้ายขึงไปนะ อีกเส้นหนึ่งขึงจากด้านขวาทะลุไปด้านซ้าย ให้เส้นด้ายทั้งสองตัดกันเป็นกากบาท จุดตัดเล็กเท่ากับปลายเข็ม ตรงนี้เรียกว่าศูนย์กลางกายฐานที่ ๖ ยกถอยหลังสูงขึ้นมา ๒ นิ้วมือ คือสมมติเราเอานิ้วชี้กับนิ้วกลางไปวางซ้อนกัน แล้วก็ไปทาบตรงจุดตัดของเส้นด้ายทั้งสอง สูงขึ้นมาตรงนี้แหละเรียกว่าศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ถ้าหลวงพ่อจะพูดถึงฐานที่ ๗ ต่อไปก็หมายเอาตรงนี้นะ
ตรงกลางท้องของเรานี่แหละ เหนือจากจุดตัดของเส้นด้ายทั้ง ๒ ขึ้นมา ๒ นิ้วมือ จำตรงนี้เอาไว้ให้ดีนะลูกนะ ตรงนี้แหละเป็นที่สิงสถิตของพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ และสังฆรัตนะ ที่พึ่งที่ระลึกของเราอยู่ตรงนี้แหละที่เดียว ท่านไม่ได้อยู่ที่ไหน ซ้อนอยู่ภายใน เพราะฉะนั้นถ้าอยากจะพบท่าน อยากรู้จักท่าน อยากเข้าถึงท่าน ก็จะต้องเอาใจเนี่ยมาจรดอยู่ที่ตรงนี้นะ จรดนิ่ง นิ่งตรงฐานที่ ๗ เพราะท่านอยู่ที่ตรงฐานที่ ๗ ใจของเราจะต้องมาจรดอยู่ที่ตรงฐานที่ ๗ ตรงนี้
วิธีการเข้าถึง พูดถึงวิธีการนะจ๊ะ จะพบท่านได้ เข้าถึงท่านได้ ใจต้องหยุดอย่างเดียว หยุดอย่างสบาย ๆ หมายถึงว่าใจที่แวบไปแวบมาน่ะ คิดเรื่องเรียนมั่ง เรื่องธุรกิจการงาน เรื่องครอบครัว เรื่องรูป เสียง กลิ่น รสสัมผัส ธรรมารมณ์อะไรต่าง ๆ เหล่านั้นน่ะ ให้สละอารมณ์เหล่านั้น คืออย่าไปคิดเรื่องนั้นน่ะ แล้วก็มาหยุดอย่างเดียว อยู่ในกลางกายฐานที่ ๗ ให้ใจเราหยุดให้นิ่ง ๆ หยุดให้นิ่ง ถ้าหากเรามีความมั่นใจว่าถ้าเราเอาใจมาหยุดนิ่ง ๆ เฉย ๆ ไม่ต้องนึกเรื่องอะไร ได้โดยใจไม่ฟุ้งซ่าน ไม่คิดเรื่องอื่น ก็ให้เอาใจมาหยุดนิ่งอยู่ตรงนี้เฉย ๆ ต้องหยุดอย่างนี้นะ
แต่ถ้าหากว่าหยุดนิ่งเฉย ๆ อย่างนี้ ใจก็ยังไปคิดเรื่องอื่น อดไม่ได้ ก็ให้ภาวนาในใจ โดยให้เสียงของคำภาวนา เป็นเสียงที่ละเอียดอ่อน ดังออกมาจากในกลางท้องของเราน่ะ ตรงที่เรามั่นใจว่าตรงนี้เป็นฐานที่ ๗ หรือพูดง่าย ๆ ดังออกมาจากในกลางท้อง ให้ภาวนาโดยไม่ต้องใช้กำลังในการภาวนานะจ๊ะ ภาวนาว่าสัมมาอะระหัง ๆ ๆ ให้เสียงคำภาวนา ดังออกมาจากในกลางท้องของเรา ตรงตำแหน่งที่เรามั่นใจว่าเป็นฐานที่ ๗ ภาวนาไปอย่างสบาย ๆ จะกี่ครั้งก็ได้ กี่ร้อยครั้ง กี่พัน กี่หมื่น กี่แสนครั้งก็ได้
ภาวนาไปจนกว่าใจเราไม่อยากจะภาวนา หรือภาวนาไปจนกว่าใจจะหยุดนิ่ง ลืมคำภาวนาไปเอง ถ้าทำอย่างนี้กระทั่งใจหยุด ไม่ช้าก็จะเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว แต่ถ้าภาวนาสัมมาอะระหังอย่างเดียวไม่เพียงพอ ยังอดมีเรื่องอื่นเข้ามาแทรกไม่ได้ ก็ให้กำหนดบริกรรมนิมิตขึ้นมาในใจนะจ๊ะ คือนึกภาพไปด้วยในใจน่ะ นึกว่าในกลางท้องของเราตรงฐานที่ ๗ มีดวงแก้วใส ๆ บริสุทธิ์เหมือนกับเพชรลูกที่เจียระไนแล้ว ไม่มีขีด ไม่มีข่วนคล้ายขนแมวนะ ไม่มีขีดข่วนคล้ายขนแมวน่ะ โตเท่ากับแก้วตาของเรา
เป็นดวงแก้วใสบริสุทธิ์เป็นเพชรเลยน่ะ ใสเป็นเพชร หรือจะนึกถึงพระแก้วใส ๆ บริสุทธิ์ องค์ใดองค์หนึ่งก็ได้ เป็นตัวแทนของพระบรมศาสดา เป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้าก็ได้ เป็นพระแก้วขาวใสบริสุทธิ์ หรือเป็นดวงแก้วใสบริสุทธิ์ เป็นเพชรทีเดียวนะจ๊ะ ควบคู่กับคำภาวนาสัมมาอะระหังก็ได้ คือสัมมาอะระหัง ๆ ๆ เรื่อยไป แล้วก็นึกถึงภาพดวงแก้วหรือว่าองค์พระอย่างใดอย่างหนึ่งนะจ๊ะ แต่ถ้านึกดวงแก้วแล้วเห็นเป็นองค์พระ ก็ยิ่งดี ก็นึกองค์พระไป
แต่ถ้านึกองค์พระแล้วเห็นดวงแก้ว ก็ใช้ได้ ก็นึกดวงแก้วไป ทำอย่างนี้แหละ สัมมาอะระหัง ๆ ๆ เรื่อยไปเลยนะ ทำอย่างนี้น่ะเวลาอยู่ที่บ้านก็ทำอย่างนี้น่ะ จะนั่งจะนอนยืนเดินทำไปเรื่อยเลย จนกว่าใจจะหยุดนิ่ง พอใจหยุดนิ่งถูกส่วนเข้า นิ่งเลยเนี่ย ความสุขก็พรั่งพรูออกมาเลย เป็นความสุขที่เราไม่เคยเจอมาก่อน ใจจะโล่ง จะโปร่ง จะเบาสบาย ร่างกายของเราเหมือนกลืนไปกับบรรยากาศ จนกระทั่งไม่มีความรู้สึกที่ร่างกาย คล้ายกับไม่มีร่างกาย ไม่มีตัวตน ใจสบายสบายไปเลยน่ะ ถ้าใจหยุดแล้วจะเป็นอย่างนี้นะ พอสบายหนักเข้า ๆ รู้สึกเราชอบอารมณ์อย่างนี้น่ะ
รู้สึกมันสบายสบายน่ะ พอถูกส่วนเข้าก็เข้าถึงเลยเข้าถึงจุดเบื้องต้น เบื้องต้นที่จะนำไปสู่พระรัตนตรัย จะมีลักษณะเป็นจุดเล็ก ๆ ใส ๆ บริสุทธิ์ อย่างเล็กขนาดดวงดาวในอากาศ อย่างกลางก็ขนาดพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ อย่างใหญ่ขนาดพระอาทิตย์ตอนเที่ยงวัน เป็นดวงสว่างใสบริสุทธิ์ อยู่ในกลางกาย ดวงธรรมแห่งความบริสุทธิ์ในเบื้องต้นนี้ ท่านเรียกว่าดวงปฐมมรรค คือจุดเริ่มต้นของอริยมรรค จุดเริ่มต้นของการเป็นพระอริยเจ้า หรือจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่หนทางแห่งความเป็นพระอริยเจ้า จุดเริ่มต้นของการที่จะเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว ถึงพระธรรมกายในตัว จุดเริ่มต้นที่จะไปสู่อายตนนิพพานนะจ๊ะ
จะเป็นจุดใส ๆ เหมือนดวงดาวในอากาศ ที่เราลืมตาเปล่าดูบนท้องฟ้าในยามราตรีน่ะ คล้าย ๆ ดวงประจำเมือง ดาวประกายพฤกษ์ใสบริสุทธิ์ แล้วค่อย ๆ โตใหญ่เป็นขนาดพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ ที่ปราศจากหมู่เมฆขนาดพระอาทิตย์ตอนเที่ยงวัน แต่แสงนั้นนวลเย็นตาทีเดียว สุกใสสว่าง มีปีติ มีความสุข หยุดแล้วเห็นแสงสว่าง หยุดแล้วเข้าถึงดวงธรรมขนาดนี้เนี่ย ได้บุญมหาศาลทีเดียว ยิ่งกว่าสร้างโบสถ์สร้างวิหารเป็นสิบหลังเป็นร้อยหลังทีเดียว เพราะสร้างโบสถ์สร้างวิหารนั้นน่ะ ยังเป็นกามาวจร ส่งผลให้เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพทั้งสาม
แต่หยุดแล้วเห็นแสงสว่าง เห็นดวงใสบริสุทธิ์ที่มีอยู่ในตัวของเรานี้น่ะ เป็นหนทางไปสู่อายตนนิพพาน มีอานิสงส์มาก มีบุญมาก เพราะฉะนั้นดวงใสดวงธรรมนี่แหละ เป็นจุดเริ่มต้นที่จะไปสู่อายตนนิพพานนะจ๊ะ ถ้าใครได้ดวงใสอย่างนี้แล้ว ปิดประตูอบาย รักษาดวงใสนี้จนกระทั่งหมดอายุไขนะ พอถึงวันสุดท้ายที่เราจะลาโลก เห็นดวงชัดใสแจ่มกระจ่างอยู่ในกลางกายน่ะ มีความสุขเต็มที่ ทุกขเวทนาดับไปแล้ว ดวงธรรมใสนี่แหละจะนำเราไปสู่สุคติโลกสวรรค์นะจ๊ะ นี่คือจุดเริ่มต้นไปสู่อายตนนิพพานดวงธรรมภายใน กายภายใน กายมนุษย์ละเอียด กายทิพย์ พรหม อรูปพรหม
และกายธรรมนั้นน่ะ เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วในตัวของเรานะจ๊ะ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่เราไปปรุงแต่งนึกคิดสร้างจินตนาการมโนภาพขึ้นมา ไม่ใช่ จินตนาการมโนภาพมีตอนเดียวเท่านั้น คือตอนแรกที่ใจไม่หยุด ที่เรานึกสมมติเป็นดวงแก้ว นึกสมมติเป็นพระแก้วใส ๆ เพื่อเป็นที่ยึดที่เกาะของใจเรา จะได้ไม่ไปคิดเรื่องอื่น อย่างนี้เท่านั้น แต่พอถึงดวงธรรม ถึงกายภายในและถึงพระธรรมกาย ทั้งหมดนี้มีอยู่ในตัวของเราแล้ว ในมนุษย์ทุก ๆ คน เป็นแผนผังของชีวิต ที่มีมาแต่ดั้งเดิม ตั้งแต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะบังเกิดขึ้น นับพระองค์ไม่ถ้วนทีเดียว เป็นแผนผังที่เค้าทำกันไว้ตั้งแต่เบื้องต้น
พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ท่านเข้าถึง พ้นแล้วจึงได้นำมาเปิดเผย นำมาสั่งสอนแนะนำให้เข้าถึงอย่างเดียวกับที่ท่านได้เข้าถึง จะได้มีความสุขเหมือนท่านเท่านั้น เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้เป็นแผนผังชีวิตที่ติดตัวเรามาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์โน้นทีเดียว นี่ติดกันมาทีเดียว พระพุทธเจ้าท่านสอนให้เห็นกายในกาย จิตในจิต เวทนาในเวทนาธรรมในธรรม กายในกายก็หมายเอากายต่าง ๆ เหล่านั้นแหละ กายมนุษย์ ทิพย์ พรหม อรูปพรหมและก็กายธรรม เวทนาก็คือสุขเวทนาที่ละเอียดปราณีตขึ้นไปเรื่อย ๆ ในแต่ละกายน่ะ จิตในจิต ดวงใส ๆ ของดวงจิต ก็อยู่ในกลางของแต่ละกายนะ
ธรรมในธรรม ดวงกลมเหมือนกันคล้าย ๆ กัน แต่มีคุณสมบัติต่างกันน่ะ เป็นที่รองรับของทุกสิ่ง ก็ซ้อนกันอยู่ภายในตรงนี้แหละ เพราะฉะนั้นต้องให้รู้จักพระรัตนตรัยกันอย่างนี้นะจ๊ะ รู้จักอย่างนี้ และสามารถเข้าถึงได้ จึงจะได้ชื่อเป็นพุทธศาสนิกชนที่แท้จริง เป็นชาวพุทธที่แท้จริง ไม่ใช่ชาวพุทธในทะเบียนสัมมะโนครัวเท่านั้น แต่เป็นชาวพุทธที่เข้าถึงพุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน แล้วในตัวของเรา อย่างแท้จริง จนกระทั่งยืนหยัดด้วยตัวของตัวเอง มีที่พึ่งด้วยตัวของตัวเอง และสามารถที่จะไปแนะนำผู้อื่น ผู้ใกล้ชิด เป็นกัลยาณมิตรต่อไปได้
เพราะฉะนั้นขอให้ทุกคนได้ตั้งใจที่จะประพฤติปฏิบัติธรรม ให้เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวของเรานะจ๊ะ ถ้าเข้าถึงอย่างนี้ได้ นอกจากจะได้เข้าถึงที่พึ่งที่ระลึกแล้ว การมาบังเกิดในชาตินี้ ก็เป็นการบังเกิดที่บรรลุวัตถุประสงค์ ไม่เสียเวลาในการเกิดไปเปล่า ๆ ต่อจากนี้ไป ก่อนที่เราจะประกอบพิธีบุญใหญ่คือบูชาข้าวพระ ให้ทุกคนทำใจให้หยุดนิ่งอยู่ที่กลางกายฐานที่ ๗ นะจ๊ะ อย่าพูดอย่าคุยกันนะ ให้หลับตา อย่าลืมตา ปิดตานอกเปิดตาใน ทำใจให้ใส ให้หยุดนิ่งอยู่ภายในด้วยการภาวนา สัมมาอะระหัง ๆ ๆ จะเอาใจหยุดนิ่งไปที่กลางกายฐานที่ ๗ อย่างเดียวก็ได้ หรือจะนึกถึงดวงแก้วใสบริสุทธิ์เหมือนกับเพชรลูกที่เจียระไนแล้ว ไม่มีขีดข่วนคล้ายขนแมว โตเท่ากับแก้วตาก็ได้ หรือภาวนาไปแล้วก็จะนึกถึงพระแก้วขาวใสบริสุทธิ์เป็นเพชร เหมือนพระนั้นทำด้วยเพชร แกะสลักด้วยเพชรอย่างนั้นก็ได้นะจ๊ะ ต่างคนต่างทำกันไปเงียบ ๆ ทุก ๆ คนนะลูกนะ
เอาใจหยุดนิ่งให้ดีทีเดียว การบูชาข้าวพระ ก็คือการนำเอาเครื่องไทยธรรม อันมีดอกไม้ธูปเทียน อาหารหวานคาว ที่เรานำมาจากบ้านกันคนละเล็กละน้อย แล้วนำมารวมกัน น้อมไปตั้งไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ของพระธรรมกาย แล้วทำความละเอียดด้วยวิชชาธรรมกาย จนมีความละเอียดเท่ากับอายตนนิพพานแล้ว เครื่องไทยธรรมเหล่านี้ก็จะพลอยละเอียดไปด้วย เมื่อละเอียดเท่ากันดีแล้วก็น้อมกันขึ้นไป อายตนนิพพานก็จะดึงดูดเข้าไปในท่ามกลางรัตนนิพพาน เมื่อไปถึงตรงนั้นเราก็จะพบกับพระธรรมกายของพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลาย นั่งขัดสมาสทำสมาธิสงบนิ่งไปหมด อย่างมีระเบียบ เต็มไปหมดเลย ในอายตนนิพพาน ในความละเอียดถูกส่วนตรงกันดีแล้ว ก็น้อมถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระธรรมกายของพระพุทธเจ้าพระอรหันต์ทั้งหลาย ที่ดับขันธปรินิพพานนานมาแล้ว ไปปรากฏเป็นพระธรรมกายในอายตนนิพพาน
การทำอย่างนี้เรียกว่า การบูชาข้าวพระ แต่ไม่ได้หมายถึง ว่าพระธรรมกายของพระพุทธเจ้าท่านจะเสวยอาหารทิพย์นี้ เหมือนกับพระสงฆ์ขบฉันนะจ๊ะ เราไปถวายเป็นพุทธบูชา ทุก ๆ พระองค์ เมื่อเราถวายทานขาดจากใจ ใจเลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลาย น้อมขึ้นไปถึงอย่างนี้ บุญกุศลก็จะเกิดขึ้นอย่างจะนับจะประมาณมิได้ จากพระพุทธเจ้าพระอรหันต์ ที่มีพระธรรมกายปรากฏอยู่ในอายตนนิพพานทุกพระองค์ นับพระองค์ไม่ถ้วน มากกว่าเมล็ดทรายในท้องพระมหาสมุทรทั้งหลายเลยน่ะ เต็มไปหมดเลย บุญก็จะเกิดขึ้นกับเราเพราะฉะนั้นตอนนี้ก็ให้เอาใจหยุดนิ่งให้ดีทีเดียวนะจ๊ะ ใจหยุดนิ่งให้สงบ ให้ใจใส ใครเข้าถึงสภาวธรรมไหนก็เอาใจหยุดไปที่กลางสภาวธรรมนั้น เข้าถึงดวงธรรมก็เอาใจหยุดไปกลางดวงธรรม เข้าถึงกายภายในก็เอาใจหยุดไปกลางกายภายใน
เข้าถึงพระธรรมกาย ก็เอาใจหยุดไปที่กลางพระธรรมกาย หยุดนิ่งอย่างสบาย ๆ จนกระทั่งเรากับท่านเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันดีแล้ว ก็น้อมเอาเครื่องไทยธรรมไว้ในกลาง กลางกายนะจ๊ะ หยุดนิ่ง หยุดนิ่งให้ดีเลย น้อมในกลางกายหยุดนิ่ง ให้ใจใส หยุดในหยุด ๆ หยุดนิ่งให้สบาย ๆ พอถูกส่วนก็วูบไปเลย ตกศูนย์ไปสู่อายตนนิพพาน เห็นพระธรรมกายปรากฏเต็มไปหมด สว่างด้วยธรรมรังสีของพระธรรมกายพระพุทธเจ้า เต็มไปหมดเลย นับไม่ถ้วนพระองค์ สุกใสสว่าง เครื่องไทยธรรมก็เต็มต่อหน้าทุก ๆ พระองค์หมด เต็มไปหมด ถ้าเข้าถึงวิชชาธรรมกายได้ เราก็จะเห็นเครื่องไทยธรรมอยู่ตรงไหน อย่างไร
เพราะฉะนั้นเราก็เอาใจหยุดนิ่ง ให้ใจใสละเอียด น้อมถวายเป็นพุทธบูชา แด่พระธรรมกายของพระพุทธเจ้า พอเราน้อมไปอย่างนั้น เป็นพุทธบูชา ทุกพระองค์ท่านก็จะน้อมเครื่องไทยธรรมไว้ทั้งหมด ทั้งหมดเลยในกลางตัวท่านนะ นิ่ง สงบนิ่ง ต่อ ๆ กันไปเรื่อย ๆ เลย ทับทวีกันต่อไป นับไม่ถ้วนอสงไขย เต็มไปหมดเลย บุญกุศลก็เกิดขึ้นจากทุกพระองค์มาจรดที่ศูนย์กลางกายของตัวเรา ตามความละเอียดของเราละเอียดแค่ไหนเราก็จะได้ขนาดนั้นน่ะ บุญก็เกิดขึ้นในกลาง พอมาจรดถึงกลางกายเราก็เป็นดวงบุญใส กลมรอบตัวเหมือนดวงแก้ว อย่างนี้แหละดวงธรรมก็กลม ปฐมมรรคก็กลม ดวงบุญก็กลม แต่คุณสมบัติไม่เหมือนกัน
ถ้าเรามีความละเอียดเราจะเข้าไปในนั้นจะเห็นชัดเลย ว่าแต่ละอย่างนั้นไม่เหมือนกัน ดวงบุญก็เช่นเดียวกัน จะมาจรดอยู่ที่กลางกาย สว่าง เหมือนเราไปชาร์จแบตเตอรี่ โดยเสียบปลั๊กไปที่ท่านนั่นแหละ โดยใช้ใจของเราที่ละเอียดเท่ากัน ไปจรดตรงกลางกายมีเครื่องไทยธรรมเป็นสื่อน่ะ น้อมถวายด้วยใจที่เลื่อมใส คือเห็นคุณค่าของท่านน่ะ เห็นความสำคัญของท่าน ใจก็แล่นไปจรดนิ่ง ดวงบุญก็สุกใสสว่างบุญที่อยู่ในกลางตัวเรานี่แหละเป็นที่รวมของสมบัติทั้งหลาย มีรูปสมบัติ มีทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ ลาภยศ สรรเสริญ สุข มรรคผลนิพพานเนี่ยะ รวมอยู่ในกลางดวงบุญนี้หมดเลย
ถ้ามีบุญมากสมบัติเหล่านั้นก็มาก บุญปานกลางสมบัติก็ปานกลาง บุญน้อยสมบัติก็น้อย ลดหลั่นลงลงมาตามลำดับ และกลางดวงบุญก็มีผู้ปรุง ปรุงแต่งเรื่องสมบัติ มีผู้ปรุงแต่งดูแล เรื่องรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มรรคผลนิพพาน นี่เป็นของอัศจรรย์อย่างนี้ทีเดียว อยู่ในกลางกายน่ะ จากพระนิพพานจรดศูนย์กลางกายเราหมดทุกคนเลย ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ทุกภพทุกชาติกระทั่งสู่อายตนนิพพานหรือไปที่สุดแห่งธรรม ดวงบุญนี้ก็จะส่งผลต่อเนื่องกันไปตลอด คล้ายกับดวงไฟข้างถนน ที่เมื่อเค้าสับสวิทซ์แล้วมันสว่างพรึ่บไปทุกดวงเลย ตลอดถนนอย่างนั้น
ตลอดเส้นทางสายกลางก็เช่นเดียวกัน บุญนี้ก็จะติดไปหมดทุกกาย ทุกชาติ มีสมบัติทุกอย่างพร้อมหมดรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มรรคผลนิพพาน อยู่ในกลางนี้แหละ กลางดวงบุญ ติดเป็นอัตโนมัติทีเดียว สุกใสบริสุทธิ์ สว่างใส มีอานุภาพ เมื่อมีบุญแล้ว เราจะแบ่งบุญให้กับผู้ใดก็ได้ ผู้ที่เราแบ่งบุญเค้ารับทราบ อนุโมทนาสาธุการ ก็เหมือนเค้าเข้ามาเสียบปลั๊ก ชาร์จไฟต่อจากเราไปอีกทีหนึ่ง ก็แล่นไปสู่ศูนย์กลางกายของเค้าอีกต่อหนึ่ง เมื่อบุญไปสู่ศูนย์กลางกายของบุคคลนั้นน่ะ สมบัติต่าง ๆ ทั้งหมดก็หลั่งไหลเข้าไปสู่บุคคลนั้น
เราจะได้ตั้งใจนำบุญที่ได้จากการปฏิบัติธรรม จากการฟังธรรม จากการบูชาข้าวพระ อุทิศส่วนกุศลไปให้บรรพบุรุษของเรา ที่ล่วงลับไปแล้ว มีจำนวนมากมายก่ายกองทีเดียว ที่เราระลึกชื่อได้ก็มี ระลึกชื่อไม่ได้ก็มี ล้วนเป็นหมู่ญาติของเรา เป็นพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ลูกหลานเหลน ที่ละโลกไปก่อนเรานั้นน่ะ มีมากมายก่ายกองไปเกิดในภพภูมิต่าง ๆ มากมายทีเดียว ท่านเหล่านั้น แม้มีสุขแล้ว ก็ยังต้องการบุญเพื่อไปเพิ่มเติมความสุขยิ่งขึ้น หากมีทุกข์ก็ยิ่งต้องการบุญอย่างมากมายมหาศาล เพื่อที่จะช่วยให้พ้นจากกองทุกข์ เราจึงเป็นประดุจแสงสว่างอันใหญ่ ที่ได้สร้างแสงสว่างแห่งบุญในวันนี้ เพื่อที่จะไปจุดประทีปดวงไฟแห่งบุญ ในกลางใจของบรรพบุรุษที่ละโลกไปแล้ว ให้ท่านพ้นทุกข์ ให้ท่านมีสุขยิ่งขึ้นให้ทุกคนต่อจากนี้ไป
พึงตั้งใจหยุดนิ่งที่กลางกายให้ดี หากมีความรัก มีความกตัญญูกตเวที ต่อบรรพบุรุษต่อหมู่ญาติที่ละโลกไปแล้ว พึงทำใจให้หยุดนิ่ง ให้ตั้งอยู่ในกลางดวงบุญที่บังเกิดขึ้นจากการฟังธรรม ประพฤติธรรมและการบูชาข้าวพระนี้ อุทิศไปยังบรรพบุรุษที่ได้ละโลกไปแล้ว จะเป็นบุตรหลานของท่านก็ดี เป็นสามีภรรยากันก็ดี พี่ป้าน้าอาก็ดี บิดามารดาก็ดี ปู่ย่าตายายก็ดี หรือยิ่งกว่านั้นขึ้นไปเรื่อย ๆ ก็ดี หมู่ญาติทั้งหลาย จะอยู่แห่งหนตำบลใดก็ตาม ภพภูมิใดก็ตาม ให้รวมเอากายละเอียดเหล่านั้นทั้งหมดมาประชุมกัน เพื่อที่จะได้มาอนุโมทนาสาธุการ ในบุญกุศลที่ได้ตั้งเอาไว้อย่างดีแล้ว ในพระธรรมกายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันเป็นบุญใหญ่ไม่มีประมาณ ให้บุญนี้ถึงแก่หมู่ญาติทุก ๆ คน ที่มีทุกข์ก็ให้พ้นทุกข์ มีสุขแล้วก็ให้มีความสุขยิ่ง ๆ ขึ้นไป ให้ทุกคนตั้งใจกันให้ดีนะลูกนะ
ภาคเช้าเราได้บุญเท่าไหร่ เราเก็บบุญของเราไว้ ส่วนหนึ่งก็แบ่งปันบุญให้กับบรรพบุรุษ ภาคบ่ายก็จะชำระกายวาจาใจให้สะอาดบริสุทธิ์ เพื่อที่จะได้รองรับบุญใหญ่ซึ่งจะเกิดจาก การอัญเชิญรูปพระมงคลเทพมุนีไปยังที่ จะสร้างสถานที่มหาวิหาร ประดิษฐานรูปหล่อทองคำของท่าน และเพื่อร่วมตอกเสาเข็มต้นสุดท้ายของมหาวิหาร อันเป็นบุญใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ภาคบ่ายก็จะได้ร่วมกันอุทิศส่วนกุศล ไปยังบรรพบุรุษอีกครั้งหนึ่ง ภาคเช้าได้บุญส่วนหนึ่งก็อุทิศให้ครั้งหนึ่ง ภาคบ่ายก็อีกครั้งหนึ่ง เพราะฉะนั้นวันนี้ทั้งวัน ให้ลูกทุก ๆ คนทำจิตใจให้สะอาด บริสุทธิ์ผ่องใส อย่าให้ใจซัดส่าย ขุ่นมัวเศร้าหมองนะจ๊ะ
จะได้เป็นบุญทั้งวัน เพื่อตัวเราและเพื่อบรรพบุรุษทั้งหลาย ตลอดจนกระทั่งสรรพสัตว์ทั้งปวง จะได้มีส่วนแห่งบุญกุศลที่เราได้ทำกันในวันนี้ และบุญกุศลที่เราทำในวันนี้เป็นบารมีของเรานะจ๊ะ เป็นบารมีของเรา ถ้าหากใจขุ่นมัวบุญก็จะหกหล่น แต่ถ้าใจผ่องใสบุญก็จะได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยในตอนภาคบ่ายแม้อากาศจะอบอ้าวอย่างไรก็ตาม อย่าท้อถอยกันนะจ๊ะ เรากำลังสร้างบารมี ต้องอดทนต่อลม ต่อแดด ต่อฝน ต่อความทุกข์ยากลำบาก เพราะนี่คือบารมีของเรานะจ๊ะ ทุกกิจกรรมที่หลวงพ่อจัดเอาไว้ให้ ตั้งแต่การคลายเชือกก็ดี การอัญเชิญรูปหลวงพ่อวัดปากน้ำก็ดี การฟังธรรมก็ดี การถ่ายรูปร่วมกันก็ดี การร่วมตอกเสาเข็มต้นสุดท้ายก็ดี การสวดมนต์สรภัญญะเพื่อระลึกนึกคุณของพระรัตนตรัย และระลึกนึกถึงพระคุณของหลวงพ่อวัดปากน้ำก็ดี ตลอดจนกระทั่งรับเหรียญปราบมารของหลวงพ่อวัดปากน้ำก็ดี
ลูกทุกคนต้องทำกันอย่างพร้อมเพรียงกันนะจ๊ะ นั่นคือบารมีของเรา ทำให้เป็นระบบ ให้เป็นระเบียบ ให้เป็นเนติแบบแผนที่ลูกหลานต่อไป จะได้เอาเราเป็นเยี่ยงอย่างประพฤติกันต่อไป และเพื่อชาวโลกทั้งหลายทั่วโลก ที่ได้เห็นภาพนี้ไปปรากฏในสายตาของเค้าเมื่อไหร่ จากทางสื่อต่าง ๆ เค้าจะได้เกิดกำลังใจ ในการสร้างบารมี นี่คือความดีและบารมีของเรานะจ๊ะ ให้ทำกันอย่างพร้อมเพรียงกัน อย่าแย่งกัน กลับก็กลับพร้อมกัน จะกลับต่อเมื่อเสร็จพิธีกรรมเรียบร้อยแล้ว เราก็กลับ ขึ้นรถขึ้นรากลับกันไปอย่างมีระบบมีระเบียบ จะได้นำความปิติปลื้มใจในบุญกุศลนี้ ไปยังหมู่ญาติที่ไม่ได้มา ที่บ้านนะจ๊ะ วันนี้ให้ผ่องใสทั้งวัน ต่อจากนี้ไปให้ใจหยุดนิ่ง บริสุทธิ์ผ่องใส นึกถึงบุญแล้วอุทิศส่วนกุศลไปยังบรรพบุรุษของเรา และหมู่ญาติที่ละโลกไปแล้วทุก ๆ คน ให้ตั้งใจกันให้ดีนะลูกนะ