คุณธรรมข้อที่ ๑ สำรวมระวังอินทรีย์
เรื่องที่ ๑
พระสาคะตะเมาเหล้า
พระสาคะตะ เป็นพระที่นั่งสมาธิเก่งมาก มีอยู่ปีหนึ่ง พระสาคะตะได้ธุดงค์อยู่แถวเมืองโกสัมพีที่เมืองนี้เดิมชาวบ้านได้ขอให้พระพุทธองค์ทรงไปช่วยปราบพญานาคตัวใหญ่น่ากลัวพญานาคตัวนี้เป็นพาลคอยรังควาญชาวบ้านอยู่ที่โรงบูชาไฟของพวกชฎิลแต่พระพุทธองค์ไม่มาตามคำนิมนต์เพราะไม่ต้องการให้ชาวบ้านเกิดความเลื่อมใสนับถือพระองค์เพียงด้วยเหตุผลว่าทรงเป็นผู้มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์
บังเอิญในวันหนึ่ง พระสาคะตะได้ไปนั่งสมาธิอยู่ที่โรงบูชาไฟนั้น พญานาคซึ่งเป็นนาคนิสัยไม่ดี เห็นแล้วโกรธ ไม่พอใจ ที่มีพระเข้ามาในที่ของตน คิดว่าจะไล่พระสาคะตะออกไป จึงทำให้ควันออกจากร่างกายมากมาย
พระสาคะตะเห็นแล้วก็ไม่กลัว และท่านก็มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ ได้ทำให้ควันออกจากตัวท่านเหมือนกัน และควันของท่านก็มากกว่าควันของพญานาค
พญานาคเห็นแล้วประหลาดใจจึงพ่นไฟออกไป พระสาคะตะรู้ทัน จึงเข้าสมาธิกำหนดเตโชกสิณ คือ ภาวนาเอาไฟเป็นอารมณ์และก็สามารถพ่นไฟออกมาจากตัวท่านไปชนกับไฟจากพญานาคสุดท้ายพระสาคะตะเป็นฝ่ายชนะสยบฤทธิ์ของพญานาคได้พวกชาวบ้านเห็นอิทธิฤทธิ์ของท่านแล้วจึงเกิดความเคารพนับถือ ศรัทธา เลื่อมใสท่านมากอยากจะถวายของจึงถามท่านว่าอะไรเป็นของหายากและของชอบใจของท่านหรือที่จะเป็นประโยชน์เพราะชาวบ้านเหล่านี้อยากจะตอบแทนบุญคุณท่าน
พระฉัพพัคคีย์ (พระที่ไม่เรียบร้อย) ถือโอกาสตอบแทนพระสาคะตะ
“ท่านตอบเองไม่ได้หรอก เดี๋ยวพวกเราจะตอบให้ สิ่งที่ท่านชอบ คือ เหล้า เหล้าใสสีแดงดังเท้านกพิราบ เป็นของหายาก เป็นของที่ชอบใจของพระทั้งหลาย”
ชาวบ้านทราบแล้วก็ยินดี เดี๋ยวคนนั้นคนนี้จะซื้อให้ วันรุ่งขึ้นพระสาคะตะเดินบิณฑบาตทุกบ้าน นิมนต์ท่านให้ฉันเหล้าใสแดงดังเท้านกพิราบ
“นิมนต์เจ้าค่ะ นิมนต์ทางนี้เจ้าค่ะ พระอาจารย์”
ด้วยความที่ท่านเกรงใจโยม จึงต้องฉันทุกบ้านตามที่ชาวบ้านถวาย ฉันแล้วก็เมา เดินโซเซจนล้มไปนอนกลิ้งอยู่ที่ประตูเมือง
พอตอนสาย พระพุทธองค์เดินเข้าไปในเมือง เห็นพระสาคะตะนอนกลิ้งอยู่ที่ประตูเมือง จึงทรงให้พระช่วยกันหามไปไว้ที่วัด แล้วให้นอน จัดให้ศีรษะหันไปทางทิศทางพระพุทธเจ้า
แต่ความที่ท่านยังไม่สร่างเมา พลิกไปพลิกมา สุดท้ายเท้าของท่านก็ยื่นไปทางพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์เห็นแล้วจึงตรัสถามพระสงฆ์รูปอื่น
“ปกติ ท่านสาคะตะเป็นผู้ที่มีความเคารพรักในพระตถาคตใช่ไหม?”
“ใช่ ! พระเจ้าข้า” พระช่วยกันตอบ
“และเดี๋ยวนี้ สาคะตะมีความเคารพรักในพระตถาคตไหม?” พระพุทธองค์ทรงถาม
“ไม่มีพระเจ้าข้า”
“เมื่อวันก่อน พระสาคะตะได้ปราบพญานาคที่โรงบูชาไฟใช่ไหม?”
“ใช่ พระเจ้าข้า”
“เดี๋ยวนี้ อย่าว่าแต่พญานาคเลย แม้แต่ปลาไหลตัวเล็กๆ ที่อยู่ในแม่น้ำจะชนะได้ไหม?”
“ไม่ได้ พระเจ้าข้า”
“นี่แหละโทษ ของการกินเหล้า การฉันเหล้า” พระองค์ทรงสรุป
จากนั้น พระพุทธองค์จึงทรงบัญญัติสิกขาบท ห้ามพระภิกษุสงฆ์ดื่มสุราเมรัย ด้วยเห็นถึงโทษ ๒ ประการ
ประการที่หนึ่ง พอเมาแล้วความเคารพนับถือ ความรู้สึกที่ว่าอะไรผิดอะไรถูกก็จะหายไปถึงแม้จะชั่วคราว สามารถทำสิ่งที่ปกติไม่กล้าทำได้ เช่น พระสาคะตะผู้ไม่เคยแม้แต่จะคิดที่จะยื่นเท้าออกไปทางพระพุทธเจ้า แต่พอเมาแล้วทำได้ ทำจนเสียสมณสารูป เห็นจากที่ไปนอนกลิ้งอยู่ประตูเมืองให้ชาวบ้านเห็น ทำให้เกิดความรังเกียจ ความดูถูกดูหมิ่น
ประการที่สอง ความสามารถด้านต่างๆ ก็หายไป เช่น แต่ก่อนสมาธิท่านดีมาก สามารถพ่นไฟออกจากตัวท่านได้ เพราะท่านแน่วแน่มาก แต่พอเมาแล้วหมดสภาพ