.....เอาล่ะผมดูรายละเอียดแล้วเป็นโครงการบวชภาคฤดูร้อนของกลุ่มนิสิตนักศึกษาที่มีเป็นประจำทุกตอนสมัยที่ยังหนุ่มๆนั้น ผมเคยติดอกติดใจ กับคอร์ส อบรม และสมัครบวชกับเขาถึงสองครั้งสองคราครั้งแรกบวชเป็นสามเณรน้อยตัวโต เพราะอายุไม่ครบบวชพระตอนนั้นเรียนหนังสืออยู่ราวๆ ม.๔ พอมาเรียนมหาวิทยาลัยอายุครบบวชพระได้ก็เลยเข้าไปร่วมโครงการกับเขาอีกครั้งได้ เพื่อน (เพื่อนดีๆ) หรือที่เรียกว่ากัลยาณมิตรนั่นแหละ เพื่อนกลุ่มนี้เขาจะคอยชักชวน แนะนำให้เราอยู่แต่ในเส้นทางแห่งความดี ผมยืนยันประเภทชวนไปหมกมุ่นอบายมุขไม่เคยมีปรากฎจากเพื่อนกลุ่มนี้หรอกครับ ผมเองเข้าใจหลักธรรมได้ แจ่มชัดมากขึ้นและก็ซึมซับจนนำไปเป็นหลักในการดำเนินชีวิตได้อย่างลงตัวก็เพราะได้หลักมาจากการบวชครั้งนั้น
.....ก่อนเข้าโครงการนี้ก็ไม่ใช่ง่าย ต้องไปฝึกระเบียบอย่างกับทหารสมัยผมนั้นเขาให้ไปฝึกกับทหารเสียเลย ก็ได้เรื่องระเบียบวินัย การฟังคำสั่ง การอยู่ร่วมกันกับคนหมู่มาก ก็ได้จากที่นี่ความลำบากขั้นตอนนี้ ถือ เป็นการคัดคนไปในตัว การเตรียมตัวก่อนบวชจะมีการดำเนินชีวิตแบบสามน้อยหนึ่งมาก กินน้อย นอนน้อย พูดน้อย แต่ให้นั่งทำภาวนามากๆ ช่วงนี้แม้ยังไม่ได้บวชเป็นพระ แต่ว่าผมเผ้าก็ถูกพระอาจารย์จับโกนเสียเกลี้ยงแล้ว ถือเป็นการมัดจำให้เราต้องอดทนเพื่อเป้าหมายการบวชอย่างเลี่ยงไม่ได้ ผมว่าตระแกรงล่อนหาความอดทนเบอร์สามน้อยหนึ่งมากนี่ก็ทำให้คนกำลังใจไม่แข็งแรงนั้นยอมออกจากโครงการทั้งๆ ที่โดนโกนผมทั้งที่ยังไม่ได้บวชตั้งหลายคนเหมือนกัน
.....อย่างนี้นี่เล่าผู้ใหญ่ท่านจึงว่าความลำบากอาจทำลายคนธรรมดาให้สิ้นหวังและเสียคนได้ผิดกับคนที่เข้มแข็งความทุกข์ยาก กลับจะทำให้เขาเข้มแข็งยิ่งขึ้นเหมือนกับไฟที่อาจทำลายไม้หรือสิ่งต่างๆ ได้แต่สำหรับเหล็กที่แข็งแกร่งเมื่อผ่านไฟแล้วนี้เหล็กนั้น ก็จะกลายเป็นเหล็กกล้าได้เช่นกันถ้าจะเปรียบความลำบากจากหลักสูตรการบวชที่ว่านี้ เป็นไฟที่กำลังอยู่ในขั้นตอนทำให้เหล็กเป็นเหล็กกล้าได้นั้นก็จะกลายเป็นยกตัวเอง ที่ผ่านการฝึกฝนมาถึงสองครั้งสองคราเอาเป็นว่าถ้าคุณบวชได้ก็จงไปลองซะ หรือพ่อแม่ผู้ปกครองมีบุตรหลาน ถ้าต้องการให้เขามีวัคซีนป้องกันภัยจากอบายมุขก็โปรดชี้ทางและ จัดการให้เขาเสียเถอะครับไม่ผิดหวังแน่ๆ…ขอบอก
จิรธรรม