เมื่อถึงภพสุดท้าย กำลังบุญจากภพชาตินั้น นำท่านให้มาเกิดในตระกูลพราหมณ์มหาศาลที่มั่งคั่ง ในนครสาวัตถี มีมารดาบิดาที่มีศรัทธาในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และท่านทั้งสองก็เป็นผู้เห็นธรรม ฟังธรรม ประพฤติตามคำสอนของพระพุทธองค์
ท่านทั้งสองถือเอาผ้าลาดสีขาวมีเนื้อละเอียดที่ต้นโพธิ์มาทำพระสถูปทอง นมัสการในที่เฉพาะพระพักตร์แห่งพระศากยบุตรทุกค่ำเช้าในวันอุโบสถ ท่านทั้งสองนำเอาพระสถูปทองออกและกล่าวสรรเสริญคุณของพระพุทธเจ้าอยู่ตลอดทั้ง ๓ ยาม
ท่านกล่าวว่า “เราได้เห็นพระสถูปเสมอ ได้ญาณระลึกถึงเจดีย์ทรายในชาตินั้นได้ นั่งบนอาสนะเดียวได้บรรลุพระอรหัตผล แล้วแสวงหาพระพุทธเจ้าผู้เป็นปราชญ์นั้นอยู่ ได้เห็นพระธรรมเสนาบดี จึงออกจากเรือนบรรพชาในสำนักของท่าน เราได้บรรลุอรหัตผลแค่อายุ ๗ ขวบ พระพุทธเจ้าผู้มีปัญญาจักษุ ทรงทราบถึงคุณวิเศษของเรา จึงให้เราอุปสมบท (เป็นพระภิกษุ) ตั้งแต่ยังเป็นทารกอยู่ทีเดียว ฯลฯ”
คนเรา ถึงแม้จะมีทรัพย์สมบัติมากมาย สมบัติเป็นร้อยล้านพันล้าน หรือสมบัติเต็มโลก ก็ไม่สามารถใช้ซื้อหนทางสวรรค์ได้ บุคคลใดก็ตามแม้จะไม่มีทรัพย์ แต่ประกอบความขวนขวายที่เปี่ยมด้วยศรัทธา มีความเลื่อมใส มีใจระลึกถึงคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ชื่อว่า มีทรัพย์อันประเสริฐ
พระพุทธองค์ตรัสเรียกศรัทธาว่า อริยทรัพย์ คือทรัพย์ที่เจริญ ทรัพย์นี้ไม่มีวันเสื่อม แม้ละโลกไป อริยทรัพย์นี้มีศรัทธา เป็นต้น จะติดอยู่ในใจตลอด จะกระตุ้นเตือนให้กระทำแต่ความดี ให้อยู่ในเส้นทางแห่งความสะอาดบริสุทธิ์ นำพาชีวิตไปสู่ความหลุดพ้นสู่พระนิพพานได้