หากจะมีใครก็ตามที่มีทรัพย์มากๆ มีกำลัง มีความสามารถ มีบริวารมาก ถวายไตรจีวรแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลายผู้นั่งติดๆ กันเต็มห้องจักรวาลไปตลอดถึงพรหมโลก บุญนั้นยิ่งใหญ่เหลือคณานับ แต่การที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสอนุโมทนาด้วยบทธรรม แม้เพียง ๔ บาทพระคาถาในสมาคมนั้น เป็นสิ่งที่ประเสริฐกว่า
เพราะการใช้มหาทานเช่นนั้น แม้จะมีผลมากมายไพศาล ส่งผลยาวไกลเป็นอสงไขยชาติอสงไขยกัปก็ตาม แต่บุคคลนั้นยังต้องเวียนว่ายตายเกิด ยังคงได้รับทุกข์จร คือ มีความเจ็บป่วยไข้ การพลัดพราก เป็นต้น หรืออย่างน้อยก็ทุกข์ประจำ คือ ทุกข์จากการเกิด แก่ และความตาย เป็นต้น
ที่ว่าบุญเหล่านั้นมีค่าไม่ถึงเสี้ยวที่ ๑๖ ของพระคาถาที่พระพุทธเจ้าพระอรหันต์แสดงธรรมอนุโมทนา เพราะว่าการแสดงก็ดี การกล่าวสอนก็ดี เมื่อใครได้ฟังธรรม อานิสงส์สูงสูดคือการได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ พ้นทุกข์ได้ในชาตินี้ ไม่ต้องไปเกิดให้ได้รับความทุกข์อีกต่อไป
ธรรมทานที่พระพุทธเจ้าพระอรหันต์เป็นต้นได้ให้ด้วยการแสดงธรรมเพื่ออนุโมทนาแก่ผู้ให้ทาน โดยที่สุดเพียง ๔ บาทพระคาถา ประเสริฐที่สุดกว่าทานที่ผู้ถวายอาหารบิณฑบาทอันประณีต ถวายเภสัชอันประณีตถวายเสนาสนะอันประณีต ดังเช่นมหาวิหารเชตวัน ที่อนาถบิณฑิกเศรษฐีและวัดปุพพารามที่มหาอุบาสิกาวิสาขาสร้างถวายสงฆ์