เราเองอยู่ในวัด ซึ่งเรียกได้ว่าเป็น Super กัลยาณมิตร แต่บางทีเหลียวซ้ายแลขวา หากัลยาณมิตรไม่ค่อยจะมี ต้องมานั่งทบทวนดูว่า พอเราใจชักตกๆ นึกอะไรไปแล้ว รู้สึกว่าไม่ค่อยสบายใจ มันหงุดหงิดๆ อึดอัดคับข้องใจ ใจเศร้าหมอง
หากเรารู้ตัวเองว่าตอนนี้เริ่มใจตกแล้ว ให้ไปหาคนอื่นที่ยกใจเราขึ้นได้ อย่าไปหาคนที่พูดคุยแล้วเออออห่อหมก แล้วก็พากันเข้าป่า อย่ามัวแต่หนักอกหนักใจ รำพึงรำพัน ทำไมหัวหน้าไม่ยุติธรรม ทำไมไม่เข้าใจเรา ทำไมอย่างนั้น ทำไมอย่างนี้ ทำไมต้องเป็นเราด้วย มีแต่คำว่าทำไม
พอรู้สึกอย่างนี้เมื่อไร เราไปนั่งคุยกันปรับทุกข์ แล้วก็คิดว่า เพื่อนคนนี้ พูดอะไรก็เออออห่อหมก เสริมเราตลอดว่า ที่เราบ่นรำพึงรำพันไป เขาก็เจอมาเหมือนกัน รู้สึกทั้งโลกไม่มีใครรู้ใจเท่าเพื่อนคนนี้อีกแล้ว เป็นสหายผู้รู้ใจ จากนั้นก็ชวนกันจมน้ำไป อย่างนี้ไม่เข้าท่า ต้องไปหาคนที่ไม่ได้เอาใจเรา แต่ว่าสามารถให้ข้อคิด ชี้แนะ และก็ยกใจเราให้สูงขึ้นได้ ถ้าได้มิตรอย่างนี้ นี่คือกัลยาณมิตร
กัลยาณมิตร..ไม่ใช่ว่าจะเป็นคนที่พูดถูกใจเรา แต่กัลยาณมิตร คือ คนที่สามารถชี้ประโยชน์และยกใจเราให้สูงขึ้นได้ เราต้องเลือกมิตร
เวลาเราปกติเข้มแข็ง เราก็อาจจะเป็นกัลยาณมิตรให้คนอื่นได้ แต่ตอนที่เราใจตก เราต้องดูว่า ใครจะช่วยประคองใจเราได้ ให้ดูตอนที่ใจกำลังนิ่งๆ ว่า ถ้าเกิดเราเองใจตกเมื่อไร เพื่อนคนไหน พี่คนไหน จะช่วยเป็นหลักเป็นกัลยาณมิตรให้เราได้
เราอยู่วัดมานาน เราก็ต้องฝึกเป็นกัลยาณมิตรให้กับตัวเองด้วย ซึ่งก็คือ ให้มีโยนิโสมนสิการ อยู่วัดปีแรกๆ อาจต้องอาศัยกัลยาณมิตรภายนอกคอยให้กำลังใจ เพราะเรายังใหม่อยู่ แต่เวลาผ่านไป การจะปรึกษากับคนอื่นเริ่มยากขึ้น ดังนั้น ต้องให้ข้อคิดเตือนตัวเองให้ได้มากๆ