อุปมาเหมือนคำถามว่า ดวงอาทิตย์มีประโยชน์อย่างไร
เด็กเล็กก็คงตอบว่า ดวงอาทิตย์ให้แสงสว่างแก่เรา ถ้าไม่มีดวงอาทิตย์ โลกก็คงมืดตื้อ เราก็คงมองไม่เห็นแสงสว่างทั้งโลก
เด็กโตอาจอธิบายเพิ่มว่า ดวงอาทิตย์ให้ความอบอุ่นให้พลังงานแก่เราด้วย
ถ้าเป็นผู้ใหญ่ ก็สามารถพรรณนาคุณประโยชน์ได้มากขึ้น
ยิ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ก็ยิ่งขยายความได้มาก ตั้งแต่เป็นโซล่าเซลล์รวมทั้งพลังงานแสงอาทิตย์ที่นำมาใช้ได้หลายรูปแบบ เช่น ช่วยในการปรุงอาหารของพืช เช่นนี้เป็นต้น ซึ่งเป็นธรรมดาที่ผู้ที่มีปัญญามากก็ย่อมสามารถชี้แจงรายละเอียดขยายความได้มากด้วย
จากหลักฐานในพระไตรปิฎก พระอรหันต์ด้วยกันท่านก็ยังพรรณนาคุณความดีหรือความยิ่งใหญ่ของพระสัมมาส้มพุทธเจ้าได้ไม่เท่ากัน พระสารีบุตรซึ่งได้ชื่อว่าเป็นอัครสาวกเบื้องขวา ท่านสามารถพรรณนาได้มากที่สุด มากมายเหลือเกินจนเราท่องจำได้ไม่หมด พระสารีบุตรท่านอุปมาว่า คุณความดีของพระพุทธเจ้าที่ท่านยกขึ้นมาพรรณนา เปรียบได้กับจำนวนนํ้าในแม่นํ้าสายใหญ่ ๆ หรือทะเลที่ไหลผ่านจากรูเข็มที่หย่อนในห้วงนํ้านั้นๆ
นึกดูนะ แม่น้ำสายใหญ่กว้างสุดลูกหูลูกตา หยิบเข็มมาเล่มหนึ่ง แล้วเอาก้นเข็มจุ่มลงไปในน้ำที่กำลังไหล ท่านบอกว่าคุณความดีที่ท่านพรรณนานี้ อุปมาเหมือนน้ำที่ไหลผ่านเข็มเท่านั้น นอกนั้นก็ไหลไปเต็มแม่น้ำอีกมากมายจนเกินปัญญาที่จะบรรยาย
เพราะฉะนั้น เมื่อหลวงพ่อจะอธิบายเรื่อง ความยิ่งใหญ่ของ พระสัมมาสันพุทธเจ้า หลวงพ่อก็คงบรรยายได้เพียงแค่นํ้าสักนิดที่ต้องเอาแว่นขยายมาส่องขยายแล้วขยายอีก ไม่รู้ว่ากี่ล้านเท่าจึงจะมองเห็น แต่ถึงกระนั้น หลวงพ่อก็จะพยายามขยายความให้เต็มที่ เพื่อให้พวกเราเข้าใจว่า ไม่มีใครในโลกนี้ที่จะมีคุณความดีเกินไปกว่าพระสัมมา สัมพุทธเจ้าของเรา เมื่อเข้าใจอย่างนี้แล้ว เราจะได้นับถือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างหมดใจ แล้วตั้งใจทุ่มเททำความดีตามที่พระองค์ทรงสั่งสอนโดยไม่ลังเล ทำอย่างนี้จึงจะเอาตัวรอด
ต่อไปนี้ หลวงพ่อจะได้กล่าวถึงศาสดาของศาสนาต่าง ๆ ในเชิง เปรียบเทียบ ไมใช่เพื่อการประชันแข่งขัน เพราะทุกศาสดาในโลกล้วนสอนให้คนทำดี และในทุกศาสนาต้องมีดีจึงไต้มีผู้นับถือสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน
หลวงพ่อเพียงต้องการชี้ให้เห็นว่า บรรพบุรุษของเรารวมทั้งพวกเรา ในปัจจุบันด้วย ควรมีความฉลาดเฉลียว รู้จักจับแง่มุมมองอย่างถูกต้อง
ความยิ่งใหญ่ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระภาวนาวิริยคุณ