ทอดกฐินอย่างไรให้รวยอย่างในสมัยพุทธกาล
เรื่อง : ร.ลิ่วเฉลิมวงศ์
จากวารสารอยู่ในบุญฉบับเดือนตุลาคม พ.ศ. 2557
..มีกระแสถามเข้ามาว่า วัดพระธรรมกายสอนผิดหรือเปล่า? ในเรื่องของการทำบุญทอดกฐิน ที่ต้องรีบปิดกองก่อนหรือทำบุญแบบเต็มที่เต็มกำลัง!!!
หากมีข้อกังขาก็ต้องหันไปศึกษาสิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนไว้ หรือย้อนไปดูเรื่องราวในสมัยพุทธกาล เพื่อดูว่าเศรษฐีในสมัยพุทธกาลเขาทำบุญกันอย่างไรถึงได้ส่งผลให้รวยมหาศาล อย่างเช่น ท่านเมณฑกเศรษฐี ซึ่งเป็นปู่ของนางวิสาขา ที่รวยในระดับเลี้ยงคนได้ทั้งชมพูทวีป หากเรามาศึกษาดูจะพบว่า ในอดีตชาติท่านสร้างเหตุโดยการถวายข้าวมื้อสุดท้ายของตัวเองแด่พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งๆ ที่ตัวเองและคนในครอบครัวทั้งหมดกำลังจะอดตาย!
จากการกระทำตรงนี้ จะสังเกตเห็นว่า ท่านทำบุญจนหมดตัวเลย ซึ่งคนที่มาทำบุญที่วัดพระธรรมกายก็ยังทำได้ไม่เท่าท่าน เพราะทำแล้วยังมีข้าวกิน และด้วยบุญนี้ก็ส่งผลให้มีข้าวเกิดขึ้นมาใหม่เต็มหม้อและตักออกไปกินเท่าไรก็ไม่พร่องอย่างเป็นอัศจรรย์ จนท่านสามารถเลี้ยงคนได้ทั้งเมือง ซึ่งนับจากภพชาตินั้นท่านก็เกิดเป็นเศรษฐีที่รวยมาก และได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันในชาติที่มาเจอพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา
หรือมาศึกษาเรื่องของ นายติณบาล ที่ในสมัยของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า เขาเป็นยาจกที่อยากทำบุญทอดกฐินมาก จึงเอาเสื้อผ้าที่มีเพียงชุดเดียวไปขาย จนตัวเองต้องนุ่งใบไม้ ตรงจุดนี้ขอถามว่า..นายติณบาลทำบุญจนหมดตัวไหม? คำตอบคือ หมด ซึ่งคนที่ไปทำบุญที่วัดพระธรรมกายก็ยังทำได้ไม่เท่าเขา เพราะทำแล้วยังมีเสื้อผ้าใส่ ไม่เห็นมีใครห่มใบไม้ และด้วยบุญนี้ก็ส่งผลดลบันดาลให้พระราชาพระราชทานทรัพย์ให้ จนนายติณบาลได้กลายเป็นเศรษฐีในชาตินั้นเป็นอัศจรรย์
หรือมาดูกรณีของ จูเฬกสาฎกพราหมณ์สองสามีภรรยา ที่ยากจนมากถึงขนาดไม่มีผ้าจะใส่ คือ มีผ้าห่มที่ใช้คลุมกายเพียงผืนเดียวเท่านั้น ทำให้เวลาจะออกไปฟังธรรมจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ต้องผลัดกันไป เพราะต้องผลัดกันใช้ผ้าผืนนี้ห่มคลุมกาย และด้วยความยากจนเข็ญใจมากถึงขนาดนี้นี่เอง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงเป็นกัลยาณมิตรให้ โดยทรงเทศน์สอนให้พราหมณ์ยอมทำทาน ซึ่งพระองค์ทรงยอมอดทนเทศน์สอนตั้งแต่ปฐมยามจนถึงปัจฉิมยาม คือ เทศน์ถึงเช้าเลย เพื่อเปิดใจให้พราหมณ์ยอมสละผ้าห่มคลุมกายที่มีอยู่เพียงผืนเดียวมาถวาย
จากเหตุการณ์นี้ อยากให้ช่วยกันคิดว่า การที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทำอย่างนี้เป็นเพราะพระองค์ทรงอยากได้ผ้าผืนเก่า ๆ ที่ผ่านการใช้มาแล้วของพราหมณ์หรือเปล่า คำตอบคือ เปล่าเลย!!! แต่พระองค์ทรงอยากให้พราหมณ์สละความตระหนี่ออกจากใจ เพื่อบุญนี้จะได้ไปแก้ผังจนของพราหมณ์คู่นี้ได้ แล้วในที่สุดพราหมณ์ก็ยอมถวายผ้าที่มีอยู่แค่ผืนเดียว เรียกได้ว่า ทำบุญจนหมดตัวเลยทีเดียว!
แต่สุดท้ายด้วยผลบุญนี้ก็ทำให้พระราชาพระราชทานช้าง 4, ม้า 4, สตรี 4, ทาสี 4, บุรุษ 4, บ้านส่วย 4 ตำบล และกหาปณะ 4 พัน ให้แก่พราหมณ์พอเล่าถึงตรงนี้ ก็ขอย้อนมาดูสาธุชนที่ไปทำบุญที่วัดพระธรรมกายกันบ้าง ซึ่งมีหลายคนที่ไปวัดตั้งแต่ยังยากจนอยู่ แต่พอได้ทำบุญอย่างเต็มที่เต็มกำลังจนเกิดความปลื้มปีติจนน้ำหูน้ำตาไหล แถมยังตามตรึกระลึกนึกถึงบุญและนั่งสมาธิ(Meditation)บ่อย ๆ ปรากฏว่า ไม่ช้าก็รวยเอา ๆ โดยไม่รู้ตัวที่เป็นอย่างนี้ ก็เพราะทำเลียนแบบอดีตยาจกในช่วงก่อนที่จะก้าวขึ้นมาเป็นเศรษฐีในสมัยพุทธกาลนั่นเอง ซึ่งตรงนี้ก็เป็นไปตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแท้จริง
หลายคนยังมีคำถามต่ออีกว่า..แล้วทำไมต้องรีบทำบุญหรือปิดกองก่อน ทั้ง ๆ ที่อย่างไรก็ต้องทำในวันทอดกฐินอยู่แล้ว?
จากการศึกษาพระไตรปิฎกจะพบว่า การตัดสินใจทำบุญก่อน เวลาบุญส่งผลจะทำให้เราได้สมบัติในปริมาณที่มาก เหมือนในเรื่องจูเฬกสาฎกพราหมณ์ ที่กล่าวข้างต้น ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอธิบายถึงการส่งผลของบุญว่า “ภิกษุทั้งหลาย ถ้าเอกสาฎกนี้ถวายทานตั้งแต่ปฐมยามไซร้ เขาจะได้วัตถุอย่างละ 16 ถ้าถวายในมัชฌิมยามไซร้ เขาจะได้วัตถุอย่างละ 8 แต่เพราะถวายเวลาจวนใกล้รุ่งเขาจึงได้วัตถุเพียงอย่างละ 4” มากไปกว่านั้น..หากเรามีวิบากกรรมที่กำลังรอส่งผลอยู่พอดี การทำบุญก่อนทันทีจะไปชิงช่วงตัดรอนวิบากกรรมได้ทันเวลาจะทำให้หนักเป็นเบา เบาเป็นหาย แม้ตายก็ไปดี
และที่สำคัญที่สุด การทำบุญก่อนมีผลทำให้บรรลุธรรมก่อน แบบ พระอัญญาโกณฑัญญะ ซึ่งเป็นปฐมสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งหากย้อนไปดูเหตุในอดีตของพระอัญญาโกณฑัญญะ ในชาติที่เกิดเป็นน้องชายของ สุภัททปริพาชก ท่านมีอุปนิสัยการทำบุญต่างจากพี่ชายอย่างสิ้นเชิง คือ เวลาทำบุญพระอัญญาโกณฑัญญะจะชิงช่วงรีบทำก่อนคือจะเก็บเกี่ยวข้าวซึ่งเป็นผลผลิตไปทำบุญตั้งแต่เมล็ดข้าวยังอ่อน ยังเป็นน้ำเขียว ๆ อยู่ส่วนพี่ชาย คือ ท่านสุภัททะ เวลาทำบุญชอบทำทีหลัง คือ รอจนวาระสุดท้าย รอจนขนข้าวเข้ายุ้งเสร็จแล้วจึงค่อยเอาข้าวไปทำบุญ
ฉะนั้น เวลาบุญส่งผลให้สำเร็จมรรค ผล พระอัญญาโกณฑัญญะจึงบรรลุมรรค ผล ก่อนคนอื่นทั้งหมด สำหรับพี่ชาย คือ ท่านสุภัททะ กลายเป็นผู้ได้รับการประทานการบวชจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นคนสุดท้ายก่อนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะปรินิพพาน และค่อยมาบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ในภายหลัง
จากเรื่องราวในสมัยพุทธกาลย่อ ๆ ข้างต้น ก็พอจะเป็นข้อมูลให้เราเอาไว้ตัดสินใจในการออกแบบชีวิตในอนาคตว่า เราจะเอาอย่างไรกับชีวิตดี คือ อยากจะเป็นคนรวยระดับมหาเศรษฐี
หรืออยากจะเป็นคนจน อยากจะบรรลุธรรมก่อนหรืออยากบรรลุทีหลัง เพราะการที่ใครสักคนจะกล้าตัดสินใจรวยหรือบรรลุธรรมเร็ว โดยการสร้างเหตุในอดีตอย่างบุคคลพิเศษในสมัยพุทธกาลนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ดังจะเห็นว่า ทุกยุคทุกสมัยจึงมีมหาเศรษฐีเกิดขึ้นบนโลกเพียงไม่กี่คน อีกทั้งบุคคลที่บรรลุธรรมก่อนก็มีไม่มาก!!!
เมื่ออ่านจนมาถึงบรรทัดนี้…
ต่อไปก็คงเป็นการตัดสินใจของคุณแล้ว ว่าจะออกแบบชีวิตในภพชาติหน้ากันอย่างไรกับบุญจากการทอดกฐินที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เพราะบุญนี้เป็นบุญใหญ่ที่มีอานิสงส์มากถึงขั้นเปลี่ยนแปลงชีวิตได้
เลยทีเดียว