อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ

พระมหาสิริราชธาตุ รุ่นดูดทรัพย์ สำหรับ ผู้สร้างพระธรรมกายประจำตัวภายในมหาธรรมกายเจดีย์นั้น จะได้รับของที่ระลึกเป็นพระธรรมกายของขวัญ

อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ มาครั้งแรกก็พบความอัศจรรย์

 

ปรากฏการณ์มหาปีติ "อัศจรรย์...ตะวันแก้ว"
 

มาครั้งแรกก็พบความอัศจรรย์

คุณฐานุปาง สมรรคการ เป็นแม่ค้าขายข้าวแกง อยู่ซอยประชาอุทิศ ๒๗ เล่าว่า ไม่เคยมาวัดพระธรรมกายเลย เพิ่งได้มีโอกาสมาวัดวันที่ ๑๑ ตุลาคมเป็นครั้งแรก เพราะคุณวิภาพร กิตติวงศ์วัฒนา ผู้นำบุญคนหนึ่งของวัด จ้างให้คุณฐานุปางทำขนมจีนน้ำยา เพื่อจะไปออกร้านแจกอาหารแก่สาธุชนผู้มาร่วมงาน


เมื่อเดินทางถึงวัด เช้าวันที่ ๑๑ ตุลาคม คุณฐานุปางแปลกใจมาก ทำไมผู้คนจึงมาวัดกันล้นหลาม ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ยิ่งเห็นสภาธรรมกายสากลก็ยิ่งตกตะลึง ทำไมจึงใหญ่โต จุคนได้มากมาย ยิ่งตอนเช้าได้เห็นคนฟังธรรมนั่งสมาธิกันเงียบสงบ แม้จะมีคนมากเป็นแสนก็มีระเบียบสงบเงียบ


ตอนกลางวันเวลาเข้าแถวรับอาหารก็เป็นระเบียบ ขนมจีนที่เตรียมมา ๑๐ หม้อใหญ่ หมดเกลี้ยงภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ตอนบ่ายคุณฐานุปางได้เข้าไปนั่งสมาธิต่อในสภาธรรมกายสากล รู้สึกปีติใจ ผู้คนมากมาย หน้าตาล้วนแต่ยิ้มแย้ม

 

ช่วงเย็นพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยเป็นประธาน ให้ทุกคนไปรวมกันอธิษฐานจิตที่ลานมหาธรรมกายเจดีย์ รู้สึกตื่นเต้นมาก ไม่เคยเห็นสถานที่อะไรยิ่งใหญ่อย่างนี้มาก่อน เมื่อหลวงพ่อนำอธิษฐานจิตเสร็จแล้ว เมื่อลืมตาขึ้นเห็นทุกคนมองไปที่ท้องฟ้า ก็มองตาม สิ่งที่เธอเห็นบนฟ้านั้นเป็นดวงอาทิตยสีรุ้ง เปลี่ยนไปเป็นสีต่างๆ สีชมพู สีฟ้า สีเหลือง แผ่เป็นรัศมีออกมารอบดวง มีลูกแก้วกลมๆ ซ้อนอยู่กลางดวง ทันใดนั้นก็เห็นภาพหลวงพ่อวัดปากน้ำสีทองในท่านั่งสมาธิ เหมือนรูปที่อยู่ในธง อยู่ตรงกลางดวงอาทิตย์ คุณฐานุปางขนลุกชูชัน ยกมือพนมท่วมหัว น้ำตาไหลพราก ตะโกนส่งเสียงดังอย่างไม่อายใครว่า "หลวงพ่อเจ้าขาๆ ลูกอยู่ที่นี่เจ้าค่ะ ลูกเดินมาถูกทางแล้ว ลูกจะขอสู้ต่อไป จะไม่ท้อแท้อีกแล้วเจ้าค่ะ"

เรื่องอัศจรรย์วันทอดกฐินตะโกนไปร้องไห้ไป เพราะก่อนมาวัด รู้สึกท้อแท้ใจมาก รายได้จากการขายข้าวแกงไม่พอจ่ายค่าเช่าบ้านและค่าใช้จ่ายในบ้าน บังเอิญมีคนมาขอแบ่งเช่าเปิดร้านทำผม คุณฐานุปางเกรงว่าเจ้าของบ้านจะไม่ยอมให้มีการเช่าช่วงต่อ จะทำให้คุณฐานุปางไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าบ้าน จะต้องถูกไล่ออก ซึ่งคุณฐานุปางได้เคยพูดเรื่องนี้กับเจ้าของบ้านมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ทางเจ้าของบ้าน ไม่ยอมให้มีการเช่าช่วงต่ออย่างเด็ดขาด

แต่เมื่อเห็นภาพหลวงพ่อวัดปากน้ำลอยเด่นอยู่กลางดวงอาทิตย์เช่นนั้น ก็มีกำลังใจ อธิษฐานขอพรกับท่านว่า กลับไปขอให้เจ้าของบ้านอนุญาตด้วย จากนั้นเมื่อผู้คนทยอยกันกลับ คุณฐานุปางเดินก้มหน้าตลอดทาง เพราะพื้นดินเฉอะแฉะ จนเดินชนเข้ากับใครคนหนึ่ง เงยหน้าขึ้นดู รู้สึกตกใจ เพราะเป็นเจ้าของบ้านที่เช่าอยู่นั้นเอง คุณฐานุปางไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเจ้าของบ้าน จะรู้จักวัดและมาวัดพระธรรมกายในวันนี้ด้วย จึงรีบบอกเรื่องที่ขอให้ร้านทำผมแบ่งเช่าบ้าน เจ้าของบ้านตอบตกลงอย่างง่ายดายในทันที

นับเป็นเรื่องมหัศจรรย์จริงๆ ขอพรอยู่ครู่นี้เอง พบกันได้โดยบังเอิญเหลือเชื่อ ผู้คนเป็นแสนเดินชนกันได้อย่างไร ถ้าไม่ใช่ปาฏิหาริย์

หลังจากวันที่ ๑๑ ตุลาคมนั้นแล้ว คุณฐานุปางขายของได้กำไรดีเรื่อยมา เช้าวันหนึ่งมีเมฆตั้งเค้ามืดครึ้ม เมฆแบบนี้ถ้าฝนตกจะต้องตกหนักและนานมาก คุณฐานุปางกังวลใจ ถ้าฝนตกก็จะไม่มีใครมาซื้อ และวันนั้นจะต้องขาดทุนแน่นอน จึงนึกถึงหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เดินไปหยิบธงที่โบกกันในวันที่ ๑๑ ตุลาคม ออกมายืนหน้าร้านโบกธงไปมา แล้วร้องเสียงดังๆ เหมือนที่วัดว่า "ชิตัง เมๆๆ"

แม่ค้าที่ขายของอยู่ใกล้ๆ และผู้คนที่เดินผ่านต่างมองอย่างงงๆ คงคิดว่าน่ากลัวจะบ้า แต่คุณฐานุปางก็ไม่อายใคร อธิษฐานขอบารมีหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ อย่าให้ฝนตก ซึ่งฝนทำท่าว่าจะตกอยู่ถึง ๒ ครั้ง คุณฐานุปางก็ออกไปโบกธงหน้าร้านทั้งสองครั้ง และฝนก็ไม่กล้าตกจริงๆ

คุณฐานุปางกับคุณวิภาพรช่วยกันชวนคนแถวนั้นมาทำบุญสร้างพระธรรมกายประจำตัวได้หลายราย ทำให้ของขายดียิ่งขึ้น จนคนแถวนั้นแปลกใจ ส่วนคุณฐานุปางยังไม่มีเงินทำบุญสร้างองค์พระ คุณวิภาพรก็ให้ยืม

อัศจรรย์ตะวันแก้ว มีอานุภาพมาก ตรงที่ทำให้ผู้พบเห็นมีศรัทธาเชื่อมั่น เลื่อมใสเต็มเปี่ยม พลังศรัทธานั้นมีอำนาจเป็นอัศจรรย์ ทำให้ใจมีกำลังเหลือล้น เป็นกระแสดึงดูดสิ่งดีๆ ที่ปรารถนาได้สำเร็จ ดังเช่นประวัติของพระอรหันตสาวกองค์สำคัญๆ ล้วนแต่อธิษฐานจิตด้วยศรัทธาทั้งสิ้น

 
เมื่อวันทอดกฐินประจำปีของวัดพระธรรมกาย ๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๑ หลายคนคาดการณ์ว่าในเย็นนั้นน่าจะมีปาฏิหาริย์อัศจรรย์ตะวันแก้ว เห็นรูปหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เกิดขึ้นอีก แต่ก็หมดหวังเพราะมีลมพายุและฝนตกหนัก ก็เลยพากันกลับ แต่แล้วท่ามกลางสายฝนกระหน่ำหนัก พายุจัดแทบเดินไม่ได้ อัศจรรย์ตะวันแก้วก็บังเกิดขึ้นตามที่ผู้พบเห็นเล่ามา

คุณเตือนใจ อนุสสรราชกิจ และคุณตะวัน โฉมปรางค์ เล่าเหตุการณ์ว่า ขณะนั้นเลิกพิธีอธิษฐานจิตที่ลานมหาธรรมกายเจดีย์แล้ว กำลังเดินกลับไปยังสภาธรรมกายสากล เดินไประยะแรกมองเห็นดวงอาทิตย์อยู่ระหว่างก้อนเมฆ ๒ ก้อน มีลักษณะคล้ายทางเดินใสสว่างๆ อีกก้อนหนึ่งสวยงามมาก ขอบบนขาวใสเป็นประกายสุกปลั่ง สวยงามราวทางเดินขึ้นสวรรค์


คุณเตือนใจชี้ให้หลานอีกสองคนที่ไปด้วยกันชื่อ ด.ญ.ภัคพร และ ด.ญ. อรกานต์ดู เด็กก็เห็นเหมือนกัน เดินมาได้อีกครู่เดียว มีลมแรงจัดพัดมาอย่างหนัก ฝุ่นทรายคลุ้งเต็มไปหมด ต่างพากันรีบเดินให้เร็วขึ้นแต่ไม่ทัน ฝนตกลงมาหนักขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ต้องรีบเดินแกมวิ่ง


ทันใดนั้นมีเด็กที่เดินมาแต่ไม่รู้จักกัน บอกกับคุณเตือนใจว่า "คุณยาย คุณยาย อย่าเพิ่งเดิน หยุดดูพระอาทิตย์สิ" คุณเตือนใจเถียงว่า "ฝนตกหนักออกอย่างนี้ มีดวงอาทิตย์ที่ไหนให้ดู" เถียงแล้วแต่หันไปดูตาม ปรากฏว่ามอง เห็นพระอาทิตย์จริงๆ ทั้งๆ ที่มีเมฆก้อนใหญ่ขนาบอยู่สองข้าง เหมือนพระอาทิตย์แหวกออกมาให้เห็น ส่วนตัวดวงอาทิตย์เองก็ประหลาด ดูมีขนาดใหญ่โตกว่าธรรมดา มีแสงจ้านวลใสท่ามกลางสายฝนและลมแรงจัด


ทุกคนยืนตากลมตากฝนเปียกโชกดูท้องฟ้ากันเป็นกลุ่มๆ ครั้นแล้วดวงอาทิตย์ก็เปลี่ยนเป็นรูปหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เป็นองค์ทองคำชัดเจนปรากฏอยู่ ตรงขอบดวงอาทิตย์เป็นแสงสีเขียว น้ำเงิน เกิดขึ้นสวยงามมาก


ส่วนคุณตะวันเล่าว่า หลังจากพายุแรง จนตัวแทบปลิวตามลมไป ฝนก็เทกระหน่ำเหมือนเป็นเข็มแหลมทิ่มตามผิวเนื้อ เหมือนเมื่อวันวิสาขบูชา ๔-๕ ปีที่แล้วมา ทั้งที่ฝนตกหนักอย่างนั้น เมฆฝนก็ไม่บังดวงอาทิตย์ ซึ่งกำลังมีปรากฏการณ์เป็นดวงใส มีแสงสีนวลเย็นตาสวยงาม เป็นอยู่นานราว ๕ นาที ไม่น่าใช่เหตุการณ์ตามธรรมชาติ


ทั้งสองตื่นเต้นมาก ตรงที่ได้เห็นปาฏิหาริย์อัศจรรย์ตะวันแก้วท่ามกลาง พายุและสายฝนกระหน่ำ
คุณวนิดา สุริยากุลพานิช เล่าว่า ขณะทำการอธิษฐานจิตอยู่ในพิธีที่ลานมหาธรรมกายเจดีย์ พร้อมกับสามีและลูกชาย-หญิงเล็กๆ สองคน ได้อธิษฐานต่อหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญว่า

"หลวงพ่อคะ ถ้าลูกสองคนของลูกโตขึ้น จะเป็นผู้สืบทอดวิชชาธรรมกาย จรรโลงพระพุทธศาสนา เป็นกำลังให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อ ถ้าการเลี้ยงดูพวกเขาที่ลูกกระทำอยู่นี้ถูกต้องแล้ว ขอให้หลวงพ่อตอกย้ำความเชื่อมั่นของลูกสักครั้ง ด้วยการได้เห็นหลวงพ่อชัดๆ ด้วยตาเนื้อในวันนี้ จะให้เห็นตรงจุดไหน ก็ได้ค่ะ"

พออธิษฐานเสร็จ เธอได้เห็นรูปหล่อทองคำหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ในดวงอาทิตย์ ท่ามกลางสายฝนกระหน่ำอย่างรุนแรง ขณะเดินกลับจากมหาธรรมกายเจดีย์ ดวงอาทิตย์ใสนวล มีรัศมีสีแดง แดงเหมือนไข่ไก่ แล้วจึงเปลี่ยนเป็นสีทอง สีม่วง สีชมพู ลูกทั้งสองคนก็เห็นภาพหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญชัด เด็กบอกผู้เป็นแม่ว่า "ม่าม้า (แม่) ไม่ต้องห่วง กล้า (ชื่อเล่นว่า แกล้วกล้า) ตากฝนดูหลวงปู่ได้ ไม่เป็นหวัดหรอก" คุณวนิดารีบอธิษฐานจิตเสียงดังๆ ใครมองก็ไม่อายว่า

"หลวงพ่อคะ ใครที่ใส่ร้ายติเตียนหลวงพ่อ ติเตียนวัด ติเตียนหลวงพ่อ และพระวัดพระธรรมกาย ติเตียนการสร้างมหาธรรมกายเจดีย์ของพวกเรา ขอให้พวกเขากลับใจเป็นสัมมาทิฏฐิให้หมด ขอให้ลูกและผู้นำบุญแท้จริงของวัดทุกคน ทำงานประสบความสำเร็จ พูดชวนใครทำบุญ ไม่มีอุปสรรคใดๆ ให้สามารถปิดมหาธรรมกายเจดีย์ให้ได้ภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๑" ปรากฏการณ์ครั้งนี้เกิดอยู่นานราว ๑๕ นาที แล้วเมฆฝนก็ปิดมืดหมด

บางรายเล่าว่า เห็นดวงแก้วสว่างนั้นลอยมาเวียนรอบที่สภาธรรมกายสากลเป็นอัศจรรย์


การที่ได้เห็นจะเป็นแบบไหนไม่ว่ากัน เป็นเพราะจิตแต่ละคนในขณะนั้น หยุดสนิทได้มากน้อยต่างกัน แต่ผลดีที่เกิดขึ้นแก่จิตใจของแต่ละคน คือกำลังของความเชื่อมั่นศรัทธามีเต็มเปี่ยมขึ้น


ความศรัทธาในสิ่งดีงาม เชื่อมั่นว่าการกระทำที่ร่วมใจกันสร้างบุญใหญ่ขึ้นมาให้เป็นประโยชน์ เพื่อสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นแก่โลก ทำให้ทุกคนมีกำลังใจในการดำรงชีวิตช่วงวิกฤตเศรษฐกิจและมีภัยพิบัติต่างๆ สิ่งนี้เป็นศรัทธาที่เป็นประโยชน์


จริงอยู่แม้จะรู้กันว่า สิ่งทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น การยึดถือสิ่งใดมักเป็นทุกข์เพราะสิ่งนั้น แต่ตราบใดที่ยังอยู่กลางทะเล เรายังต้องยึดเรือเป็นที่พึ่งในการพาเข้าฝั่ง เช่นเดียวกัน ตราบใดที่ยังต้องลอยคออยู่ในทะเลทุกข์ของวัฏฏสงสาร การสร้างบุญสร้างบารมีก็ยังจำเป็นต้องทำเพื่อยึดไว้เป็นที่พึ่ง เป็นเสบียงการเดินทางไปจนกว่าจะเลิกเวียนว่ายตายเกิด

 

 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล