เรื่องที่ ๑๐๗อธิษฐานช่วยแม่ได้สำเร็จ
คุณปราณี ชูชะเอม เล่าว่า เข้าวัดปฏิบัติธรรมมาประมาณ ๕-๖ ปีแล้ว ชีวิตดีขึ้นกว่าเดิมทั้งเรื่องส่วนตัว และเรื่องการงาน มีความสุขกายสบายใจตลอดมา ทางวัดมีข่าวทำบุญเรื่องใด คุณปราณีก็ได้ทำทั้งสิ้น
แต่เมื่อราวเดือนสิงหาคม พ.ศ.๒๕๔๑ ที่ผ่านมา มารดาของคุณปราณี อายุ ๗๔ ปี ซึ่งมีโรคประจำตัวคือ โรคเบาหวาน ความดัน และโรคหัวใจ มีอาการป่วยเป็นหวัด และปวดท้องนิดหน่อย คุณปราณีได้พาไปรักษาที่โรงพยาบาล พบว่าเป็นนิ่วในถุงน้ำดี อยู่ภายในถุงน้ำดี ๑ ก้อน อยู่ภายนอกถุงอีก ๒ ก้อน แพทย์ได้ทำการส่องกล้องสามารถนำออกไปได้เพียง ๒ ก้อน ยังเหลืออีก ๑ ก้อน ซึ่งต้องใช้วิธีการผ่าออก จึงต้องย้ายมาอีกโรงพยาบาลหนึ่ง แล้วก็ได้ตรวจพบโรคใหม่เพิ่มขึ้นคือ มีเนื้อร้ายอยู่ที่ลำไส้ใหญ่ จะต้องตัดลำไส้บางส่วนทิ้ง แต่คนป่วยมีอาการทรุดหนักมาก ไม่มีกำลังพอจะรับการผ่าตัดได้
แพทย์ได้แนะนำว่า ถ้ายังตัดลำไส้ไม่ได้ แต่เอาก้อนนิ่วที่เหลือออกได้ก็ยังมีโอกาสรอด ญาติพี่น้องของคุณปราณีได้ตัดสินใจให้ทำการผ่าตัด แม้จะเป็นการเสี่ยงมาก แต่ก็ยังพอมองเห็นทางรอด ซึ่งถ้าทิ้งไว้ก็จะไม่มีทางรอดเลย
คุณปราณีคัดค้านไม่ได้ จึงได้แต่เงียบ และเดินทางกลับบ้านมานั่งสมาธิ ทำใจให้สงบเพื่อรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น วันรุ่งขึ้นช่วงสายเวลา ๙ นาฬิกา จะเป็นเวลาผ่าตัด คุณปราณีไม่ได้ไปที่โรงพยาบาล ได้นั่งสมาธิอยู่ที่บ้าน อธิษฐานจิตขออานุภาพพระมหาสิริราชธาตุให้ช่วยเหลือคุณแม่ ขอให้นิ่วหายโดยไม่ต้องผ่าตัด และขออุทิศตนเองเพื่อรับใช้พระพุทธศาสนา จะประพฤติตนเป็นคนดีไปจนตลอดชีวิต คุณปราณีอธิษฐานจิตและนั่งสมาธิอยู่เป็นชั่วโมง
![](http://www.kalyanamitra.org/th/images/anuphap/13/images/107.jpg)
![](http://www.kalyanamitra.org/images/spacer.gif)
จากนั้นไม่นาน ประมาณ ๒๐ นาที มีโทรศัพท์ด่วนจากโรงพยาบาล น้องสาวโทรมาบอกว่า แม่ไม่ต้องผ่าตัดแล้ว เพราะหมอได้จับตัวคนไข้พลิกไปพลิกมา ตามวิธีการรักษา ปรากฏว่านิ่วก้อนที่เหลือค้างอยู่ หลุดออกมาเองโดยไม่ต้องผ่า ในที่สุดมารดาของคุณปราณีก็หายป่วย สามารถเดินได้ พูดคุยได้เป็นปกติ
![](http://www.kalyanamitra.org/images/spacer.gif)
ก่อนจบเรื่อง คุณปราณีได้พูดให้ข้อคิดว่า "การจะมาเร่งสร้างบุญกุศลในตอนเจ็บป่วย ไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ถูกทางที่ดีควรทำบุญกุศลให้มากเข้าไว้ตลอดเวลา
![](http://www.kalyanamitra.org/images/spacer.gif)
คนฉลาดจะไม่รอให้ป่วยก่อนแล้วค่อยคิดมาทำบุญ ต้องทำบุญไว้เสมอๆ ให้ถูกวิธี ต้องใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท และให้ไปที่วัดบ่อยๆ ถ้าใจคิดจะทำบุญทุกวัน คุณก็จะได้บุญทุกวัน อย่างน้อยก็ได้บุญที่ใจ พอใจรู้สึกสบาย ความสุขก็จะหลั่งเป็นพลังงานดีๆ ออกมาทางความคิด เมื่อคิดแต่เรื่องดีๆ แล้ว ย่อมพูด ย่อมทำ แต่เรื่องดีๆ ตามไปด้วย คุณย่อมเป็นคนที่งามทั้งกาย วาจา ใจ ใครที่มาเจอคนมีความงามครบทั้งกาย วาจา ใจอย่างคุณ เขาย่อมมีความสุขตามไปด้วย"
![](http://www.kalyanamitra.org/images/spacer.gif)
การพลักพรากจากของที่รักนั้น เป็นทุกข์ใหญ่หลวงของชีวิต เราเจ็บป่วย เพราะพลัดพรากจากการมีสุขภาพดี เราตายเพราะพลัดพรากจากการมีชีวิต การพบกับสิ่งเลวร้ายที่ไม่ชอบใจ นั่นคือการพลัดพรากจากสิ่งดีๆ ที่พึงใจ ก่อให้เกิดเป็นความทุกข์ขึ้นทั้งสิ้น
![](http://www.kalyanamitra.org/images/spacer.gif)
วิธีป้องกันความทุกข์ที่ดีที่สุด คือการสร้างบุญกุศลให้มากเข้าไว้ทั้งการทำทาน รักษาศีล และเจริญสมาธิภาวนา บุญเป็นเครื่องป้องกันความทุกข์ เป็นที่พึ่ง ทั้งในปัจจุบัน และภพชาติเบื้องหน้า
![](http://www.kalyanamitra.org/images/spacer.gif)
การทำทาน มีอานิสงส์ให้เกิดทรัพย์สมบัติ ย่อมเอาชนะความทุกข์ที่เกิดจากความยากจนและความขาดแคลน
![](http://www.kalyanamitra.org/images/spacer.gif)
การรักษาศีล มีอานิสงส์ให้ปราศจากศัตรู มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ย่อมเอาชนะทุกข์จากการถูกปองร้ายและโรคภัย
![](http://www.kalyanamitra.org/images/spacer.gif)
การเจริญสมาธิภาวนา นอกจากจะทำให้สุขภาพจิตดีแล้ว ถ้าปฏิบัติธรรมได้ถึงขั้นสูง ได้ฌาน ได้อภิญญา ย่อมเอาชนะความทุกข์ได้หลายเรื่อง เช่น ข่มทุกขเวทนาขณะเจ็บป่วยได้ เวลาจะละโลกก็ไม่ทุรนทุราย
![](http://www.kalyanamitra.org/images/spacer.gif)
ด้วยเหตุนี้เรื่องความเจ็บ ความตาย จึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของผู้ที่สร้างบุญกุศล สำหรับความทุกข์ที่ต้องพบ กับคนที่ไม่น่าคบหา หรือกับเหตุการณ์ที่เลวร้าย เมื่อใช้อภิญญาจิตระลึกชาติดูก็ย่อมรู้แจ้งว่า เป็นผลกรรมเก่าฝ่ายอกุศลตามมาส่งผล ใจจะปลงได้ แม้จะต้องถึงกับชีวิตก็อุ่นใจ เพราะมั่นใจว่ามีที่อยู่ใหม่อย่างดีในปรโลก หรือเมื่อคนที่รักตายจาก ก็เหมือนไม่ได้จาก เนื่องจากสามารถใช้อภิญญาจิตตามไปเยี่ยม ไปช่วยเหลือ ไม่ว่าจะไปเกิดอยู่ที่ไหน ถ้าตายชนิดหมดกิเลส ก็ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิด เข้าสู่พระนิพพานเลย
![](http://www.kalyanamitra.org/images/spacer.gif)
บุญกุศลทุกอย่าง เราต้องขวนขวายกระทำอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะในวัยและสุขภาพที่แข็งแรง เตรียมทำสะสมไว้ล่วงหน้าเรื่อยไป ไม่ใช่ไปลงมือปฏิบัติเมื่อยามคับขัน ขณะเจ็บหนัก หรือตอนชราใกล้ตาย วาระสุดท้ายในชีวิตมาถึง อย่างนั้นจะไม่ทันเหตุการณ์ เหมือนกับปล่อยให้ศัตรูบุกมาถึงตัว แล้วจึงฝึกอาวุธ ย่อมมีแต่ความพ่ายแพ้อย่างเดียว