วารสารอยู่ในบุญ ธรรมะออนไลน์

พระธรรมเทศนา ปุจฉา-วิสัชนา บทความข่าว ผลการปฏิบัติธรรม ตักบาตรพระ บาลีน่ารู้ กฏแห่งกรรม ฝันในฝัน บวชพระ

บทความอยู่ในบุญ หนึ่งสมอง หนึ่งมือ หนึ่งพระภายใน แค่นี้ก็เหลือเฟือแล้วสำหรับชีวิต

 

โดย: Son Backhome

            ขณะที่ใครบางคนรู้สึกว่า ชีวิตที่เราเป็นอยู่ช่าง กระพร่องกระแพร่งเหลือเกิน และความกระพร่องกระแพร่งที่ว่า อาจจะล้นเกินไป สำหรับใครบางคนด้วยซ้ำในโลกที่เรายืนอยู่จริง มีสิ่งที่น่าพอใจ น่าอยากได้เต็มไปหมด มากมายจนเกิดคำถามว่า

             เมื่อไหร่จะพอ หรือเมื่อไหร่จะเต็ม จุดสมดุลของชีวิตอยู่ที่ไหน ทำอย่างไรคนที่มีอะไรๆ
จนสมบูรณ์แล้วจะไม่เคว้ง และคนที่ขาดอะไรๆ อีกตั้งเยอะจะไม่รู้สึกพร่อง ความสมบูรณ์อันแท้จริง ของชีวิตหาได้ยากจริงหรือ ถ้าหนึ่งสมอง สองมือ ยังอยู่ครบ เรื่องนี้อาจให้คำตอบกับเราได้...

           ณ ประเทศลิกเตนสไตน์ ดินแดนแห่ง ความมั่งคั่งและสงบสุข รายล้อมไปด้วยภูเขาและทัศนียภาพอันน่าชม เป็นอีกหนึ่งประเทศอันงดงามในภาคพื้นยุโรป ซึ่งปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ตั้งอยู่ระหว่างประเทศออสเตรียและสวิสเซอร์แลนด์ มีเนื้อที่เพียง ๑๖๐ ตารางกิโลเมตร หรือ ๑ ใน ๓ ของจังหวัดภูเก็ตเท่านั้น และดินแดนแห่งนี้สัญญาณ การถ่ายทอดธรรมะผ่านดาวธรรม DMC เดินทางไปถึง และที่นี่เราได้พบหญิงไทยหัวใจเด็ด แห่งประเทศลิกเตนสไตน์ กัลยาณมิตร เรไร ศิริวานิช ลูกพระธัมฯ นักสร้างบารมีพันธุ์ตะวัน ยอดนักสู้ ผู้ไม่ยอมแพ้โชคชะตา และคว้าความสุข ความสำเร็จ ของชีวิตไว้ได้ ด้วยความเชื่อมั่นในพระรัตนตรัยและการปฏิบัติธรรม

 

 

             กัลฯ เรไร ศิริวานิช เจ้าของร้านอาหารไทย เลื่องชื่อในลิกเตนสไตน์ ซึ่งมีลูกค้ามากมายหลายระดับ ตั้งแต่ระดับกลางจนถึงเชื้อพระวงศ์ เล่าว่าอาหารทุกจานปรุงด้วยหัวใจ ด้วยความปรารถนาที่ว่าอยากให้คนทาน ทั้งอิ่มและอร่อย" จึงไม่แปลกเลยที่ร้านของเธอ จะได้รับการอุดหนุนมากมายขนาดนั้น เธอทำงานอย่างร่าเริง กระฉับกระเฉง จนบางครั้งผู้คนอาจลืมสังเกตไปเลยว่า อวัยวะบางส่วนในร่างกายเธอไม่ครบ และนอกเหนือจากนี้ใครเล่าจะรู้ว่า หญิงไทยใจเด็ด ผู้นี้ เธอถูกวิบากกรรมทำร้าย จนแทบจะโดดตึกฆ่าตัวตาย.... มาฟังเรื่องราวของชีวิตเธอไปพร้อมๆ กัน


            ฉันเป็นคนอุทัยธานี มาอยู่ที่ลิกเตนสไตน์ ได้ ๒๓ ปีแล้ว รู้สึกว่าชีวิตผ่านโชคชะตาที่เลวร้ายมามากมายเหลือเกิน เมื่อตอนอายุ ๑๙ ปี ตอนที่อยู่เมืองไทย ถูกรถชนจนทำให้ต้องถูกตัดแขน ตอนแขนขาดใหม่ๆ ท้อมาก ท้อแบบอยากตาย เลยคิดที่จะกระโดดตึกฆ่าตัวตาย แต่พอมาชั่งใจดู ก็คิดว่า เฮ้อ..อย่าดีกว่า เรามีลูกที่ต้องดูแลอีก ตั้งสองคน ถือว่านี่เป็นเวรเป็นกรรมก็แล้วกันจึงคิดที่จะมีชีวิตอยู่ เลือกที่จะสู้ แม้นับจากนี้ คำว่า หนึ่งสมอง สองมือ จะใช้กับเราไม่ได้อีกแล้วแต่ ;หนึ่งสมอง หนึ่งมือนี้ จะสู้จนสุดชีวิต ต่อมาได้แต่งงานกับสามีชาวลิกเตนสไตน์ และย้ายมาอยู่ ที่นี่ แต่ชีวิตรักก็ไม่ได้ราบเรียบ สามีมักคิดว่าเรามีแขนเดียวทำอะไรก็ไม่ค่อยได้ ต้องให้เขาช่วยตลอด ในที่สุดจึงได้แยกกัน และหาเลี้ยงตัวเอง โดยทำงานกับบริษัทผลิตชิ้นงานเหล็ก เป็นงานนั่งทำอยู่ที่บ้าน หลังจากนั้น ก็ตัดสินใจเปิดร้านอาหาร โดยเริ่มต้นทำคนเดียว ระหว่างนั้นเรารู้สึกเสมอว่า ชีวิตเราทำไมมันไม่เคยสมบูรณ์เลย บางทีก็ถูกโกงบ้าง นั่งถอนหายใจทุกวัน

 

 

           จนเมื่อกลางปี ๒๕๔๘ กำลังปรับช่องทีวี ที่บ้าน ปรับไปปรับมาก็เจอหลวงพ่อใน DMC เห็นแล้วสะดุดตาสะดุดใจ รู้สึกว่าหลวงพ่อท่าน ผิวสวยเหมือนสีของจีวร เสียงไพเราะ ชอบเวลาท่านยิ้มและหัวเราะแบบผู้ดี ตอนแรกก็สงสัยว่า นี่พระต่างชาติหรือเปล่า แต่พอได้ยินเสียงจึงรู้ว่า เป็นพระไทย นับจากนั้นก็ติดตามฟัง DMC ตลอด ยิ่งฟังยิ่งรู้สึกว่า สิ่งที่หลวงพ่อพูดจริงทุกอย่าง

          ก่อนหน้านี้ เรารู้สึกน้อยใจในโชคชะตามาโดยตลอดว่า ทำไมชีวิตจึงเจอแต่เรื่องร้ายๆ เข้ามา ไม่รู้จักหยุดหย่อน ชีวิตมันขาดๆ เกินๆ อยู่ตลอดเวลา นอกจากต้องใช้ชีวิตโดดเดี่ยวเพียงลำพัง กับความไม่ครบของร่างกายแล้ว เมื่อปีก่อนหมอยังตรวจพบว่าเป็นโรคตับ คือตับไม่ทำงาน เป็นจุด ดำๆ ไม่รู้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร ทั้งที่เราเองก็ ไม่ได้ดื่มเหล้า หรือสูบบุหรี่ หมอบอกว่าจะอยู่ได้อีกไม่นาน ตอนนั้นเศร้ามากๆ หมดอาลัยตายอยาก ในชีวิต วันหนึ่งเรารู้สึกว่าร่างกายป่วยไข้อย่างหนัก ลมหายใจเข้าออกกระปรกกระเปลี้ยเต็มที จึงเตรียมนอนพัก ขณะนั้นได้เปิดธรรมะฟังไปด้วย ฟังไปก็คิดปลง ถ้าเราจะตายก็ปล่อยให้ตายไป เผื่อจะได้เกิดใหม่ จะได้มีแขน ๒ ข้างกับเขาบ้าง" ชีวิตของเรานี่เราควบคุมมันไม่ได้นะ บางสิ่งก็ขาดหายไป อย่างที่เราไม่คาดคิด บางอย่างก็เกินเข้ามา ชนิดที่เข็มขัดบางเส้นยังคาดไม่ถึง นึกปลงสังขารจนเห็นเหมือนกับว่า ร่างกายของเราเหลือแต่กระดูก

 

 

          ขณะนั้นเหมือนใจเราตัดอาลัยจากร่างกายภายนอก แล้วไปจรดสุดท้ายที่กลางท้อง แล้วมหัศจรรย์มาก!... แม้กำลังจะนอนอยู่แท้ๆ เราก็เห็นองค์พระอยู่ในท้องค่ะ อยู่ในท้องจริงๆ เหนือสะดือ ๒ นิ้วมือ ตอนแรกเราก็คิดว่า นี่เรามีบุญกุศลได้เห็นพระในตัวจริงๆ หรือนี่

          ตอนแรกเห็นท่านขึ้นมา องค์เล็กๆ ขนาดประมาณ ๖ นิ้ว มองลงไปจากเศียรของท่าน แรกๆ ก็ยังไม่ชัด ก็มองนิ่งๆ จนกระทั่งท่านใสขึ้น ชัดขึ้น เหมือนนั่งอยู่ในที่แจ้ง หันหน้าไปทางเดียวกับเรา เราหันหน้าไปทางไหนท่านก็หันหน้าไปทางนั้น แม้ลืมตาก็ยังเห็นอยู่ มีความสุขมากๆ รู้สึกว่าชีวิตมีกำลังใจขึ้นมาอย่างมหาศาล

         ตอนนี้รู้สึกว่าแค่ ๑ สมอง ๑ มือ กับองค์พระที่เห็นก็เหลือเฟือแล้วสำหรับชีวิต ทำให้เรามีพลังแห่งความหวังขึ้นมา ก่อนเคยคิดท้อแท้ว่าตนเองอาภัพ เดี๋ยวนี้ไม่แล้ว เพราะคิดไปก็เสียเวลาเปล่า คิดแต่ว่าตอนนี้ขอให้มีปัจจัยเยอะๆ ขอให้ได้ทำบุญกับหลวงพ่อได้ทุกเวลา อย่าได้ขาดสายบุญเลย เลิกท้อ เลิกเศร้า คิดเองเออเองไปเลยว่า บางสิ่งที่ขาดหายไปนั้น นั่นแหละเป็นการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง ทางร่างกายเพื่อให้สามารถสร้างบารมี ได้อย่างเอกอุ และทำให้ไม่ว่าจะทำอะไร ส่งเสริมให้เราได้เป็นมือ ๑ ตลอด

         ทุกวันนี้ฉันมี DMC กับองค์พระเป็นกำลังใจ จะทำงานอะไรพอมองไปที่กลางท้อง ก็เห็นองค์พระ ท่านมาเป็นกำลังใจให้ตลอด ไม่ว่าจะผัดกับข้าว หรือพูดคุยกับใคร ท่านก็ไม่หายไปไหน ทุกวันนี้กำลังใจไม่เคยตกหมอบอกว่า ต้องตายตั้งแต่ปีที่แล้วเพราะตับไม่ทำงาน ตัวบวม บอกลาญาติพี่น้องแล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังมีชีวิตอยู่ บอกกับตัวเองว่าไม่เป็นไร แถมกิจการที่ร้าน ก็มีลูกค้าเข้ามาไม่ขาดสาย กิจการดีจนมือหนึ่งเดียวข้างนี้ไม่เคยจะว่าง แม้แต่ช่วงเวลาที่ปิดร้านไปแล้ว ยังมีลูกค้ามาเคาะประตูเรียก ลูกค้าที่มาทานอาหารที่ร้าน มีทุกระดับเลยค่ะ ตั้งแต่ระดับปานกลางถึงสูง

         พอว่างจากงานปุ๊บก็ขึ้นมานั่งรับกำลังใจจากหลวงพ่อ ผ่าน DMC ตลอด ไม่อยากขาดเลย ที่นี่บางวันอากาศไม่ดี แต่ DMC ดีตลอด บางทีช่องละครดูไม่ได้ แต่ช่อง DMC กลับดูได้

       ดิฉันอยากกราบขอบพระคุณในความเมตตา ของหลวงพ่อมากๆ ที่ทำให้ชีวิตได้พบทางดี โดยไม่ต้องใช้วิตามินดี เพราะได้มาเจอหลวงพ่อดี เป็นยาวิเศษ เป็นวิตามินแบบ complex (วิตามินรวม) ชีวิตของเราที่เริ่มต้นจากศูนย์ แบบไม่มีอะไร หากจะต้องล้มลงเป็นศูนย์อีกครั้ง ก็ไม่กลัวแล้ว เพราะมีที่ยึดเหนี่ยวที่ศูนย์กลางกาย

       ตอนนี้นึกเสมอว่า เออ..เรามีแขนข้างหนึ่งเราก็มีสิทธิ์ทำบุญได้เหมือนคนที่เค้ามีครบ เพราะการทำบุญ ทำดี ไม่ได้เลือกชั้นวรรณะ และไม่ได้อยู่ที่กายหรืออวัยวะที่ขาดหายไป แต่มันอยู่ที่ใจ รู้สึกเสียดายแทนคนที่มีอวัยวะครบ แต่กลับไม่ได้เอามาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการสร้างบุญสร้างความดี สิ่งที่ปรารถนาที่สุดของเราคือ อยากมีลมหายใจถึงภายในปีนี้ เพื่อจะได้เดินทางมาถวายปัจจัยกับหลวงพ่อด้วยมือข้างเดียวของตัวเอง

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

บทความอยู่ในบุญทั้งหมด ฉบับที่ 45 กรกฏาคม ปี 2549

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล