วารสารอยู่ในบุญ ธรรมะออนไลน์

พระธรรมเทศนา ปุจฉา-วิสัชนา บทความข่าว ผลการปฏิบัติธรรม ตักบาตรพระ บาลีน่ารู้ กฏแห่งกรรม ฝันในฝัน บวชพระ

บทความอยู่ในบุญ แก้ปัญหาความไม่สงบ ๔ จังหวัดภาคใต้ด้วยหลักพุทธวิธี

 

แก้ปัญหาความไม่สงบ

๔ จังหวัดภาคใต้ด้วยหลักพุทธวิธี

 

        ปัญหาความไม่สงบทางภาคใต้ในขณะนี้ ในมุมมองพระพุทธศาสนานั้น เกิดจากสาเหตูอะไร และจะมีวิธีการใดที่จะแก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืนตลอดไป

 

     ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ ถ้ามองว่าเป็นเรื่องใหญ่ มันก็ใหญ่ แต่ว่าอยากจะชี้บางอย่าง ให้ดูก่อน อย่างแรกก็คือ ชายแดนของประเทศทุกประเทศมักจะมีการกระทบกระทั่งกันอยู่เสมอ ๆ นอกจากประเทศไทยกับประเทศมาเลเซียที่เป็นอยู่นี้ ความจริงประเทศไทยกับประเทศพม่า ประเทศลาว ประเทศกัมพูชา ก็มีการกระทบกระทั่งกันบ้างเป็นธรรมดา ไม่เฉพาะประเทศมาเลเซียที่อยู่ทางใต้ของเรา

            ที่ว่ากระทบกระทั่งแล้วยังเป็นเรื่องธรรมดา ก็เพราะว่าเราก็ต้องยอมรับความจริงกันว่าคนเรา ยังไม่หมดกิเลส เมื่อเรายังไม่หมดกิเลส ความเอาแต่ใจตัว ความเห็นแก่ได้ ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ในแง่มุมต่าง ๆ บ‰าง สิ่งเหล่านี้ก่อให้เกิดปัญหาขึ้นมา

            ทีนี้.. ภาคอื่น ๆ เมื่อเกิดปัญหาก็มักจะไม่ค่อยรุนแรง แต่ทางภาคใต้ของเราเกิดขึ้นแล้ว กลับรุนแรง ก็เพราะว่า ๓ ภาคอื่นนั้น ทั้งภาคเหนือและภาคตะวันตกที่ติดกับพม่า ภาคตะวันออก ซึ่งติดกับลาวและกัมพูชา ทั้ง ๓ ประเทศนั้น นับถือพระพุทธศาสนาด้วยกัน หลักการแก้ไขปัญหาของคนทั้ง ๓ ชาติ มีเหมือน ๆ กัน คือ ใช้ธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นหลัก

            แต่ว่าภาคใต้ของเราติดกับประเทศมาเลเซีย ซึ่งคนทั้งฝั่งไทยและฝั่งมาเลเซียก็ไหลเข้าออก ถึงกันตลอดเวลาตั้งแต่โบราณมาแล้ว แต่ว่าตรงนี้ต่างศาสนากัน ซึ่งเมื่อต่างศาสนาแล้ว ทิศทางหรือแนวทางในการแก้ไขปัญหาก็มีความแตกต่างกันไป เมื่อเป็นอย่างนี้ก็ต้องใช้ความอดทนกันมากหน่อย สำหรับการจะเข้าไปแก้ไขปัญหาก็ต้องคิดให้ลึก อย่ามองว่านี้เป็นปัญหาศาสนา ถ้ามองว่าเป็นปัญหาศาสนาเดี๋ยวยุ่ง แต่ถ้ามองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาเรื่องความเข้าใจ เรื่องแนวคิดไม่เหมือนกัน ก็ไม่เป็นไร ไม่ว่าอย่างไรเราก็เป็นคนไทยด้วยกัน

            แล้วก็มองให้ลึกต่อไปอีกว่า ทำไมปู่ย่าตาทวดของเราท่านอยู่กันมาอย่างสงบ ถ้าลองไปสำรวจ ดูจะพบว่า แม้ขณะนี้ที่ว่ามีความไม่สงบ แต่พระ หลวงพ่อ หลวงพี่ หลวงปู่ หลวงตา หลวงน้า หลวงลุง ก็ยังสามารถไปมาหาสู่กับพี่น้องชาวไทยที่ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธได้อย่างเป็นปกติ และท่านที่ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธก็เข้ามาในวัดกันเป็นปกติแม้ขณะนี้

            เพราะฉะนั้น ปัญหาที่เกิดขึ้นมันเป็นเพียงบางจุดของภาคใต้ จะจัดว่าเป็นปัญหาศาสนา เสียทีเดียวจึงไม่ได้ แต่เป็นปัญหาของกลุ่มคนบางคนที่ไม่เข้าใจทั้งศาสนาของตัวเอง ไม่เข้าใจทั้งศาสนาของพี่น้องที่อยู่ร่วมพื้นที่ นี้เป็นปัญหาของบุคคลบางกลุ่มเท่านั้น แล้วก็กลุ่มเล็กด้วย อย่ามองว่าเป็นปัญหาของภาคใต้ทั้งหมด 

            กลุ่มบุคคลเหล่านี้ ไม่ว่าเขาจะบอกว่าเขานับถือศาสนาอะไร เมื่อไปไล่ภูมิรู้ภูมิธรรมเข้า จริง ๆ ไม่ต้องมาก แค่ไปถามถึงหลักธรรมของศาสนาที่เขานับถือ ไปถามแค่หลักธรรมเบื้องต้นของศาสนานั้น เราจะพบว่าเขาไม่ค่อยรู้ ปัญหาภาคใต้ของเราขณะนี้เกิดขึ้นมาจากกลุ่มคนที่ไม่ รู้จักศาสนาที่ตัวเองนับถืออย่างแท้จริง จึงเกิดการกระทบกระทั่งกันขึ้นมาอย่างที่เป็นอยู่ขณะนี้

            สวนวิธีในการแก้ปัญหาภาคใต้ของเรา สิ่งที่ทุกคนต้องระมัดระวังให้ดี ก็คือ อย่าใช้ความรุนแรง ให้ใช้ความเมตตาและปัญญาให้สมดุลกันให้ดี ความเมตตาอย่างไรก็ต้องนำหน้า และ ปัญญาก็ต้องตามติด ๆ กันไป ถ้าอย่างนี้ก็มีทางแก้ปัญหาได้ ที่ไหนขาดปัญญา ที่นั่นก็มีปัญหา เพราะฉะนั้นปัญหาภาคใต้ถ้าว่าไปแล้ว มีทั้งปัญหา

            ประการแรก ปัญหาเรื่องการศึกษา จะต้องรีบให้ความรู้ทั้งด้านวิชาการ ด้านการศึกษาพื้นฐาน ความรู้ทั่วไปในทางโลก หรือความรู้ในเรื่องของการทำมาหากินแก่ประชาชน
ประการที่ ๒ ปัญหาเรื่องของศาสนา คือ ประชาชนที่อยู่ในภาคใต้ โดยเฉพาะในบริเวณที่กำลังมีปัญหาอยู่ ฟันธงลงไปได้เลยว่า ไม่ว่ากลุ่มที่นับถือศาสนาพุทธหรือนับถือศาสนาอิสลามก็ตามที ความรู้ ความเข้าใจในหลักธรรมของแต่ละท่านที่นับถือศาสนานั้น ๆ ยังลึกซึ้งไม่พอ ถ้ามี ความลึกซึ้งพอ ความอดทนของแต่ละฝ่ายจะมีมากพอ เมื่อมีความอดทนมากพอ เดี๋ยวปัญหาก็จะ ค่อย ๆ คลี่คลายด้วยตัวของมันเอง จึงต้องหาทางเพิ่มพูนความรู้ทางด้านศีลธรรมให้แก่ประชาชน ตามหลักศาสนาที่แต่ละท่านนับถือ

 

 

            ทางฝ่ายพุทธก็น่าจะมีพระภิกษุที่มีภูมิรู้ภูมิธรรมสูงไปให้ความรู้ทางพุทธศาสนาแก่ชาวไทยพุทธให้กว้างขวางขึ้น หรือว่าตกทุกข์ได้ยากในเรื่องอะไร ขาดแคลนอะไร ก็ไปช่วยกันดู ช่วยกันแก้ไข

            ส่วนทางด้านการศึกษาศาสนาของอิสลามก็เช่นกัน ท่านที่มีความรู้ทางศาสนาอิสลาม ที่เป็น ผู้บริหาร คงจะต้องมาช่วยกันดูอย่างจริง ๆ จัง ๆ แล้วประเภทที่ไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้ก็จะค่อย ๆ หมดไป หรือลดน้อยลง แล้วก็จะเกิดความละอาย กลัวบาปขึ้นมา เดี๋ยวเหตุการณ์ต่าง ๆ ก็จะดีขึ้น

            แต่อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของการแก้ไขด้านการศึกษา เรื่องหลักธรรมในศาสนาของพี่น้องชาวพุทธ ชาวอิสลาม ทั้ง ๒ อย่างนี้ ค่อนข้างจะต้องใช้เวลา แต่ว่าปัญหาเฉพาะหน้าที่ทุกฝ่าย จะเจอ ก็คือ ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ พูดง่าย ๆ ถ้าแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ แก้ปัญหาปากท้องได้ลงตัวเร็ว ความเจ็บช้ำน้ำใจต่าง ๆ ที่เกิดกระทบกระทั่งกัน ก็พออดพอทน สามารถเยียวยาแก้ไขในระยะยาวได้

            เพราะฉะนั้น อย่างไรเสียรัฐบาลก็คงจะต้องรีบยื่นมือเข้ามาแก้ไขป’ญหาเศรษฐกิจของภาคใต้ แล้วพี่น้องชาวไทยของทั้ง ๒ ฝ่าย ที่นับถือศาสนาอะไรก็ตาม ก็คงจะต้องลงไปช่วยรัฐบาล ให้การสนับสนุนทางด้านเศรษฐกิจ ใครเจ็บไข้ได้ป่วย ใครขาดแคลนในเรื่องอะไรก็ลงไปช่วยกัน เมื่อแก้ไขความเดือดร้อนเฉพาะหน้าได้แล้ว อย่างอื่นก็ค่อย ๆ แก้กันไป

            พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้คาถาวิเศษเอาไว้ ไม่เฉพาะชาวพุทธ แต่สำหรับพี่น้องชาวไทย ทุกคน คาถาวิเศษก็คือ

           ๑.อดทน อย่างไรเราก็เป็นคนไทยด้วยกัน ปู่ย่าตาทวดเราก็ช่วยกันสร้างบ้านสร้างเมืองมาด้วยกัน เพราะฉะนั้นต้องทั้งอดทั้งทน นี้เป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องท่อง

            ๒.มีเมตตา ถ้าเป็นชาวพุทธก็ต้องบอกว่าไปนิพพาน เป็นอิสลามก็ต้องบอกว่าไปสวรรค์ ไปหาพระเจ้าของเรา พูดง่าย ๆ ทั้ง ๒ ฝ่าย จะทำอะไรต้องกลัวบาป นึกถึงสวรรค์ นึกถึงนิพพาน แล้วจะได้มีจิตเมตตากันและกัน

 

            ๓.อย่าใช้ความรุนแรง ถ้ารุนแรงก็จะเดือดเนื้อร้อนใจตั้งแต่คิด พอลงมือพูด ลงมือทำก็ เดือดร้อนหนักยิ่งขึ้น เราเป็นมนุษย์ด้วยกัน กว่าจะเกิดมาเป็นมนุษย์ได้ต้องสั่งสมบุญมาหลายชาติ นับชาติไม่ถ้วนทีเดียว เพราะฉะนั้นรักษาคุณธรรมของความเป็นมนุษย์ไว้ให้ดี นึกอย่างนี้แล้ว เดี๋ยวเรื่องต่าง ๆ ก็คลี่คลายไปได้เอง และต้องให้เวลากับรัฐบาลด้วย

 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล