ในวันสุดท้ายก่อนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน พระองค์ได้ตรัสปัจฉิมโอวาทสรุปพระธรรมคำสอนทั้ง ๘๔,๐๐๐ ธรรมขันธ์ของพระองค์ไว้ในคำๆ เดียว นั่นคือ "ความไม่ประมาท" เหตุใดพระองค์จึงทรงสรุปคำสอนของพระองค์ไว้ในคำๆ นี้ ในฐานะของนักสร้างบารมีจำเป็นจะต้องมองให้ออก มองให้ทะลุ มองให้เข้าใจ แล้วถึงจะเกิดเป็นปัญญาในการออกแบบชีวิตให้รอบคอบรัดกุมไม่ประมาท เพราะความประมาทเป็นสาเหตุที่ทำให้เราติดอยู่ในสังสารวัฏ
ปฏิรูปเทส ๔ แหล่งบ่มเพาะความคิดเป็นพระพุทธเจ้าในภายหน้า
หลวงพ่อเคยเทศน์ให้ฟังแล้วว่า บุคคลธรรมดาจะเกิดความคิดปราบกิเลสให้หมดจากใจอย่างเด็ดขาด และมุ่งมั่นสร้างบารมีอย่างอุทิศชีวิตเป็นเดิมพันไปเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในภายหน้า จะต้องได้เกิดในปฏิรูปเทส ๔ คือ ถิ่นที่อยู่ที่มีสิ่งแวดล้อมเหมาะสมแก่การทุ่มชีวิตละชั่ว ทำความดี และกลั่นใจให้ผ่องใส อันประกอบด้วยอาวาสเป็นที่สบาย อาหารเป็นที่สบาย บุคคลเป็นที่สบาย และธรรมะเป็นที่สบาย
สิ่งแวดล้อมที่เป็นปฏิรูปเทส ๔ นี้ นอกจากไม่บีบคั้นให้กิเลสกำเริบได้ง่ายแล้ว ยังบ่มเพาะความคิดอยากทำความดีอย่างทุ่มเทชีวิตจิตใจไปเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเบื้องหน้าอีกด้วย แต่ถ้าไม่ได้เกิดในปฏิรูปเทสแล้ว ก็ยากที่จะมีความคิดไปปราบกิเลส ไปเป็นพระพุทธเจ้าภายหน้า เพราะสิ่งแวดล้อมบีบคั้นให้ทำความชั่ว ก่อบาปกรรมได้ง่ายกว่าทำความดี
ผู้ที่สามารถหลุดพ้นไปจากวัฏสงสารได้ในอดีตที่ผ่านมา ทุกท่านล้วนต้องเกิดในปฏิรูปเทส ๔ อย่างต่อเนื่องมาหลายภพหลายชาติ จึงจะปราบกิเลสได้หมดสิ้น สำเร็จเป็นพระอรหันต์
แต่ถ้าถามว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็บังเกิดขึ้นมาแล้วนับพระองค์ไม่ถ้วนแล้ว เราเองก็เป็นมนุษย์เหมือนกับพระองค์ท่านและเกิดมาในวัฏสงสารนี้พร้อม ๆ กัน มีโอกาสได้เกิดในปฏิรูปเทส ๔ เหมือนอย่างกับท่าน แต่เหตุใดเราจึงยังติดอยู่ในวัฏสงสาร ไม่หมดกิเลสเป็นพระอรหันต์ตามท่านไป
ก็เพราะว่า
๑) ยังมีความประมาทอยู่มาก ยังไม่ทุ่มชีวิตทำความดี ละเว้นความชั่ว กลั่นใจให้ผ่องใสอย่างจริงจัง ปล่อยให้วันคืนล่วงไปกับสิ่งที่ไม่มีสาระแก่นสาร
๒) ความเสื่อมสังขาร การเปลี่ยนภพ และการเปลี่ยนชาติทำให้ลืมการสร้างบารมีในอดีต
สำหรับผู้ที่เกิดมาในปฏิรูปเทส ๔ และตนเองก็ได้ตั้งใจสั่งสมความดีมาตลอดชีวิตอย่างจริงจัง แต่เนื่องจากกายและใจของมนุษย์นั้นไม่ใช่ธาตุบริสุทธิ์จึงถูกบีบคั้นให้ลืมการทำความดีได้โดยง่าย
เริ่มตั้งแต่ร่างกายยังโดนเบียดเบียนด้วยความแก่ ความเจ็บป่วย และความตาย ทำให้สร้างบารมีได้ไม่เต็มที่เห็น จำ คิด รู้
นอกจากนี้ใจของคนเราซึ่งมีคุณสมบัติ ๔ ประการ คือ
๑. การเห็น หรือสัมผัส
๒. บันทึกจดจำ
๓. คิดไตร่ตรอง
๔. รู้และเข้าใจ
แต่ถึงแม้ใจของเราจะได้เห็น จำ คิด รู้ ในเรื่องที่เป็นการสั่งสมความรู้ ความสามารถ และความดีในชาติหนึ่งๆ มามากเท่าไหร่ แต่เมื่อต้องพบกับการเปลี่ยนภพเปลี่ยนชาติ ไปเกิดในภพชาติใหม่ ใจก็ลืมของเก่า ถ้าไม่ศึกษาเรื่องนี้ให้ดี ก็มีโอกาสหลุดไปจากการเกิดในปฏิรูปเทศ ๔ และเส้นทางการสร้างบารมีได้ง่าย
แม้ไม่ประมาท แต่ภพชาติยังกำบังปฏิรูปเทส ๔
ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีเป็นตัวอย่างในเรื่องภพชาติมากำบังได้อย่างชัดเจน คือท่านทำการค้าเจริญรุ่งเรือง มีชีวิตที่พรั่งพร้อม ประสบความสำเร็จทุกอย่าง แต่ยังมีความรู้สึกลึก ๆ ว่าชีวิตยังขาดอะไรบางอย่างไป แต่ก็หาคำตอบไม่ได้ จนมาได้ยินว่ามีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นแล้ว จึงรู้ว่าสิ่งที่ท่านแสวงหามาตลอดชีวิต คือการได้พบพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเอง
ตัวอย่างนี้แสดงให้เห็นว่า แม้ท่านอนาถบิณฑกเศรษฐีจะมีบุญบารมีมากพอต่อการเป็นพระโสดาบัน และเคยเกิดมาพบพระสัมมาสัมพุทธเจ้านับพระองค์ไม่ถ้วน ก็ยังลืมการสร้างความดีที่เคยตั้งใจทำมาได้
หลวงพ่อจึงขอย้ำถึงสิ่งที่จะทำให้เราลืมเลือนภาพการสร้างความดี นั่นคือ
๑. ลืมเพราะประมาทในชีวิต ไม่ตั้งใจทำความดีอย่างต่อเนื่องเป็นนิสัย
๒. ลืมเพราะสังขารเสื่อม คือ ความแก่ ความเจ็บป่วยมาเบียดเบียน
๓. ลืมเพราะเปลี่ยนชาติ
เปลี่ยนชาติ คือ การตายจากสังขารในชาตินี้ไปเกิดในสังขารของชาติใหม่ ยิ่งทำให้ลืมได้มากยิ่งขึ้นไปอีก แต่ความดีที่เคยทำมานั้นไม่ได้หายไป เพราะได้ถูกบันทึกไว้ในใจแล้ว หากได้พบพระอรหันต์หรือผู้มีธรรมะที่สอนให้ระลึกชาติได้ ก็จะสามารถมองเห็นภาพที่ตนเองเคยทำมาแล้วในอดีตทั้งหมด เหมือนการกรอวิดีโอหรือภาพยนต์ ซึ่งการเกิดใหม่นี้อาจจะเป็นสถานที่เดิมที่เคยเกิดมาในชาติที่แล้ว แต่แตกต่างเพียงแค่คนละช่วงเวลา หรืออาจจะไปเกิดในสถานที่ใหม่ ไม่เหมือนกับชาติที่แล้วก็ได้ขึ้นอยู่กับกำลังบุญ
๔. ลืมเพราะเปลี่ยนภพ
ภพ คือ สถานที่
เปลี่ยนภพ คือ หลังจากตายแล้ว เปลี่ยนไปเกิดอยู่ในสถานที่ใหม่
เช่น การเปลี่ยนจากมนุษย์ไปเป็นเทวดา มีความเป็นอยู่เปลี่ยนไป สมบัติมีความละเอียดประณีต และปริมาณแตกต่างกันตามกำลังบุญของผู้เป็นเจ้าของ บนสวรรค์เทวดาและนางฟ้ามักเพลิดเพลินจนลืมการสร้างความดี แข่งกันอวดสมบัติซึ่งก็เป็นกิเลสอย่างหนึ่งของเทวดา แม้มีตาทิพย์ที่สามารถระลึกชาติได้ก็ไม่ได้ใช้ เพราะมัวเมาอยู่ในชีวิตที่มีแต่ความสุข ความเพลิน
ตรงจุดนี้ คนที่เคยสร้างความดีมาด้วยกัน แต่ความตั้งใจในการทำความดีไม่เท่ากัน หลังจากตายไปแล้ว บุญก็ส่งผลทำให้ได้ไปเกิดบนสวรรค์คนละชั้น ซึ่งระยะเวลาในสวรรค์แต่ละชั้นยาวนานแตกต่างกันมาก การที่จะได้มาเกิดด้วยกันอีกและได้เกิดในปฏิรูปเทสอีกครั้งก็เป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่าข้ามชาติเสียอีก
บางคนไปติดสบายอยู่บนสวรรค์ ซึ่งเป็นสถานที่เสวยบุญเท่านั้น ถ้าบุญน้อยลงไป ก็อยู่ไม่ได้ ต้องจุติลงมาเกิดในภพใหม่ ซึ่งก็ไม่แน่นอนว่าจะได้กลับมาเกิดในปฏิรูปเทส ๔ เหมือนเมื่อตอนก่อนขึ้นสวรรค์อีกหรือไม่
บางคนไปทำกรรมชั่วมามาก หลังจากตายแล้ว ก็ต้องไปลำบากด้วยโทษทัณฑ์ต่างๆ ในนรก ผู้ที่ไปตกนรกเพราะกรรมชั่วของตนนั้น ยิ่งยากต่อการได้โอกาสกลับมาเกิดในปฏิรูปเทสมากๆ เพราะระยะเวลาในนรกยาวนานกว่าสวรรค์หลายเท่า ทั้งต้องได้รับความทรมานอย่างสาหัสจากนรกแต่ละขุม
นรกบางขุมนั้นกินเวลานานมากๆ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิดขึ้นหลายพระองค์แล้ว สัตว์นรกก็ยังไม่พ้นจากการทรมานในนรกขุมนั้นเลย และเมื่อพ้นจากนรกแล้วก็มักจะต้องเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานต่อไปอีกนานๆ
พอกรรมเบาบางเมื่อไหร่จึงจะได้เกิดเป็นคน แต่พอเกิดเป็นคนก็อาจมีร่างกายไม่สมบูรณ์ หรือไม่ก็มักติดนิสัยมาจากตอนเกิดเป็นสัตว์ ทำให้ทำความชั่วเพิ่มขึ้นไปอีก เช่น พ่อที่ข่มขืนลูก ลูกที่ข่มขืนแม่ เป็นต้น ซึ่งทำไปเพราะไปติดนิสัยจากตอนเกิดเป็นสุนัขที่สำส่อนทางเพศ โดยไม่เลือกว่าเป็นพ่อแม่หรือลูกของตัว เรื่องนี้ก็เคยได้ฟังกันมาแล้วในช่วง Case Study จากโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา และพอเป็นอย่างนี้ก็ต้องวนไปตกนรกอีกครั้ง กว่าจะมีโอกาสได้มาเกิดในปฏิรูปเทส ๔ อีกครั้งก็เป็นเวลายาวนานมาก และยังต้องหลุดไปจากเส้นทางการสร้างบารมีอีกด้วย