เรื่องจากปก
เรื่อง : บ.ธรรมาวุธ
|
บุญจึงเป็นของอัศจรรย์ เปรียบดั่งต้น มหาสมบัติของมนุษย์ คือ เป็นต้นเหตุแห่งการได้มา ซึ่งรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ ครั้นละโลก แล้วบุญจักเป็นชนกกรรมนำไปสู่สรวงสวรรค์เสวยทิพยสมบัติอันตระการ ครั้นเมื่อบุญบารมีเต็มเปี่ยม ย่อมเอาชนะหมู่มารทั้งหลาย ขจัดกิเลสอาสวะจนสิ้น บรรลุโลกุตรธรรมเสวยนิพพานสมบัติอันเป็นที่สุด
เมื่อเข้าใจในเรื่องของบุญเช่นนี้ กัลยาณชนทั้งหลายก็ต่างมุ่งหวังที่จะเป็นผู้มีบุญมาก และการที่จะเป็นผู้มีบุญมาก ได้ก็ต้องหมั่นทำบ่อยๆ เมื่อทำบ่อยขึ้นดวงบุญในตัวก็จะขยายมากขึ้น และเคล็ดวิชา ที่สำคัญซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้แนะนำไว้ก็คือ การทำบุญที่จะให้ได้บุญมาก ต้องทำให้ถูกเนื้อนาบุญ โดยเฉพาะการทำบุญกับพระสงฆ์ผู้มีศีลมีธรรม อันบริสุทธิ์ เป็นทักขิไณยบุคคล บุญที่ได้ก็ยิ่งใหญ่ไพศาล พระเดชพระคุณหลวงปู่ ท่านเป็นพระผู้มีคุณธรรม คุณวิเศษในตัว อีกทั้งยังเป็นผู้ที่เปี่ยมด้วย เมตตากรุณาและมีความบริสุทธิ์ กาย วาจา ใจ เป็นเนื้อนาบุญอันเยี่ยมของปวงเทวดาและมนุษย์ ทั้งหลาย ดังมีประจักษ์พยานจากคำบอกเล่าของบุคคลในยุคของหลวงปู่หลายๆ ท่าน เช่น
พระครูภาวนากิตติคุณ วัดเกษมจิตตาราม ในอดีตท่านเคยอยู่รับใช้ใกล้ชิดหลวงปู่ ได้เล่าว่า "ทราบกิตติศัพท์เกี่ยวกับหลวงพ่อวัดปากน้ำจากหลวงจบกระบวนยุทธ ตอนไปสมัครเป็นผู้แทนที่จังหวัดอยุธยา หลวงจบฯ บอกว่า พระที่เก่งที่เยี่ยม ทั่วประเทศไทยต้องยกให้หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ จึงตัดสินใจไปหาหลวงพ่อวัดปากน้ำ ตอนนั้นบวชมาได้ ๒ พรรษา ..อยู่กับหลวงพ่อก็ได้ใกล้ชิดท่าน ได้ปลงผมให้ท่านเพราะเป็นคนมือเบา อยู่กับหลวงพ่อ ๕-๖ ปี ได้ไปรับใช้ท่านอยู่จนท่านมรณภาพ เส้นผมที่ปลงแล้วจะนำไปรวมกันไว้ เพื่อ นำไปทำพระของขวัญ อาตมาได้เข้าไปทำวิชชากับหลวงพ่อในโรงงานทำวิชชา มีครั้งหนึ่งสงสัยในสิ่งที่ เห็น หลวงพ่อสดก็ปรากฏที่ศูนย์กลางกาย แล้วก็มีเสียงมาพร้อมกับภาพว่า ใช่แล้วที่เห็นไม่ต้องสงสัย ทำไปเถิดลูก นั่นแหละใช่แล้ว ทำให้เรามั่นใจยิ่งขึ้น ..หลวงพ่อจะทำวิชชาตลอดเวลา ทั้งกลางวันและกลางคืน ..หลวงพ่อเป็นพระที่มีเมตตาสูงมาก ขนาดจีวรที่ท่านห่ม มีคนไปขอจีวร ท่านถามว่า "จีวรผืนนี้เอาไหมลูก" "เอาครับ"หลวงพ่อเปลื้องให้เลยอาตมาเองได้พระของขวัญจากหลวงพ่อสด พระของขวัญนี้ศักดิ์สิทธิ์มาก ช่วยให้รอดตายมาก็หลายครั้ง ครั้งแรก ตอนนั่งรถยนต์ คนขับมันดันวิ่งตัดหน้ารถไฟนิดเดียวเอง พ้นมาอย่างอัศจรรย์ ครั้งที่สอง รถแท็กซี่เช่าไปทำบุญ ปรากฏรถพลิกคว่ำแถวกำแพงเพชร รถตกลงไปในคลอง ดีนะที่ไม่ตกเหว ตอนนั้นนึกถึงหลวงพ่อสดตลอด ท่านช่วยเราจึงรอดมาได้ ..ตอนเดินธุดงค์ ไปด้วยกัน ๔ รูป ขอหลวงพ่อสดไปอยู่ปริวาสกรรม ตอนนั้นบวช มาได้ ๔ พรรษา ปี พ.ศ.๒๔๙๙ ไปอยู่ที่จังหวัดปราจีนบุรี ไปเจอคุณโยมที่ทำงานโรงพยาบาลที่ปราจีนบุรี เล่าให้อาตมาฟังว่า ผมไปได้รูปของหลวงพ่อวัดปากน้ำมา ภรรยาผมไม่เลื่อมใส ผมจึง เอาไว้บนหิ้งบูชา พอตกกลางคืนรูปท่านเปล่งรัศมีทั้งคืน เปล่งรัศมีเต็มบ้าน ตั้งแต่นั้นมา ภรรยาผมจุดธูปเทียนบูชาหลวงพ่อวัดปากน้ำทุกคืนเลย หลังกลับจากธุดงค์ก็ไปเล่าให้หลวงพ่อสดฟังท่านก็บอก ว่า เขายังไม่เห็นของจริง เขาก็ไม่เชื่อหรอก ..มีแม่ชี ที่อยู่วัดปากน้ำคนหนึ่ง ลูกจะไปฆ่าคน หลวงพ่อ ท่านก็รู้ว่า คนนี้ถ้าเราไม่โปรด มันจะติดคุกติดตะราง ตกนรกหมกไหม้ ท่านก็เรียกแม่ชีคนนั้นมา แล้ว บอกว่า ลูกเอ็งจะแจวเรือผ่านมานะ ถ้าผ่านมาแล้ว เอ็งเรียกขึ้นมาหาหลวงพ่อหน่อย แม่ชีก็นั่งคอย ลูกผ่านมาจริงๆ แม่ชีก็เลยบอกลูกว่า หลวงพ่อท่าน สั่งให้ขึ้นไปหาหน่อย พอขึ้นไปหาหลวงพ่อท่าน ก็บอกว่า ไอ้ที่คิดไว้เลิกล้มเสียนะ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร การฆ่าเป็นบาปติดไปหลายชาติ จะตกนรกหมกไหม้ มันก็ว่าทำไมหลวงพ่อรู้ ผมเตรียมปืนใส่ท้องเรือไว้แล้ว มันโกงไร่ โกงนา โกงสวน เอาไว้ไม่ได้ แต่พอหลวงพ่อทักต้องเลิกล้มเลย ถ้าหลวงพ่อไม่โปรดต้องติดคุกติดตะราง มีครั้งหนึ่งสามเณรประพัฒน์ วัดปากน้ำ ได้ไปเจอกับสามเณรวัดตะเคียน ซึ่งเคยไปเรียนธรรมะกับหลวงพ่อวัดปากน้ำ ก็จำได้ว่า เคยไปเที่ยวสวรรค์กันมา แต่หลวงพ่อวัดตะเคียนบอกว่า ข้าไม่เชื่อ เอ็งหรอก เอ็งได้วิชชาจริงหรือเปล่าเอ็งดูสิว่าพระที่อยู่ในย่ามมีกี่องค์ เขาให้พระมาไม่เคยนับเลย เณรประพัฒน์นั่งเข้าที่สักพัก แล้วก็บอกหลวงพ่อวัดตะเคียนว่า ร้อยกับสององค์ครับหลวงพ่อ พอหลวงพ่อเทพระในย่ามออกมานับได้ร้อยกับสององค์ จริงๆ แน่แค่ไหน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ หลวงพ่อวัด ตะเคียนแทบจะกราบเณรเลย แล้วพูดว่า คิดว่าวิชาวิปัสสนามันหมดแล้ว ท่านนึกว่า วิชามรรคผลไม่มีแล้ว หลวงพ่อวัดตะเคียนเลยไปเรียนธรรมะกับหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ"
คุณยายทองสุก สำแดงปั้น ซึ่งเป็นศิษย์ คนสำคัญของหลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ มีหน้าที่ ทั้งทำวิชชาและออกไปเผยแผ่วิชชาธรรมกายตามบัญชาของหลวงปู่ ซึ่งถือเป็นนักรบกองทัพธรรม ที่ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม ท่านมีอุปนิสัยใฝ่เรียนรู้และทดลองวิชชาที่หลวงปู่ได้สั่งสอนอยู่เสมอ วันหนึ่ง หลวงปู่ก็ถามท่านขึ้นมาว่า "สุก เอ็งทำจันทรคราสได้ไหม"ท่านรับปากว่า "ได้เจ้าค่ะ"หลังจากนั้นก็พยายามทดลองทำอยู่นาน โดยอาศัยวิชชาธรรมกาย จนกระทั่งสามารถทำจันทรคราสได้สำเร็จ ซึ่งคุณยาย ทองสุก สำแดงปั้นได้เล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นว่า "พระอาจารย์ (หลวงปู่วัดปากน้ำ) ตื่นขึ้นมาล้างหน้า ก็บอกกับลูกศิษย์ว่า เอ วันนี้มีจันทรคราส ดิฉันก็ตอบไปว่าลูกเองที่เจ้าคุณพ่อใช้ให้ทำจันทรคราส เพิ่งทำได้วันนี้ ทำตั้งแต่พระจันทร์เต็มดวงจนเหลือครึ่งซีก พระจันทร์เกือบจะหมดถึงทำได้ ที่ทำได้อย่างนี้ เดินฌานสมาบัติในกระจก ในหินก็แทรกได้ ไปได้ เม็ดฝนบนอากาศก็นับเม็ดฝนได้ จึงดำริในใจว่า พระอาจารย์ที่เราเล่าเรียนวิชชานี้ เห็นจะไม่มีที่ไหนอีกแล้วในพระราชอาณาจักรทั่วประเทศไทย จะไม่มีพระสงฆ์องค์ใด ที่สามารถสั่งสอนเราได้ ต่อให้ไปประเทศอินเดียอีก พม่าอีก เขมรอีก ก็ไม่มี รู้ทีเดียวว่า พระอาจารย์เรานี่ไม่ใช่สงฆ์สามัญเสียแล้ว ที่รู้ก็เพราะเห็นด้วยตาเนื้อนะ วันหนึ่งฝนตก พระอาจารย์กวาดฝนที่ตกในกุฏิ แลเห็นพระอาจารย์ ยืนอยู่บนดอกบัว ยืนอยู่ข้างละดอก รัศมีลุกขึ้น โชติช่วงเลย ตัวฉันเองเห็นด้วยตาเนื้อ จึงทราบแน่ชัด ว่า พระอาจารย์เรานี่ไม่ใช่สงฆ์สามัญ สงฆ์สามัญจะนับเม็ดทรายไม่ได้ จะเดินฌานสมาบัติไม่ได้ เข้านิโรธแทรกในหินไม่ได้ จะวิชชาสูงอย่างนี้ไม่ได้ เพราะพระอาจารย์นี่สูงที่สุดจะไปหาที่เปรียบปานอย่างนี้ไม่ได้อีกแล้ว"
|
แม่ชีธัญญาณี สุดเกษ แม่ชีผู้เป็นรัตตัญญู และเป็นหัวหน้าแม่ชีวัดปากน้ำในปัจจุบัน
ซึ่งท่านมีหน้าที่ในการดูแลเรื่องอาหารและงาน ครัวต่างๆ ของวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ท่านเล่าว่า "มีครั้งหนึ่งพ่อของฉันมาเลี้ยงพระ แล้วหลวงพ่อก็ถามว่า มีลูกกี่คน คนนี้ข้าขอไว้ แต่ท่านไม่ได้พูดว่า จะให้ไปเป็นแม่ครัว แต่เณรที่อยู่ในโรงงานทำวิชชาบอกว่า ดิฉันมีหน้าที่ตรงนี้โดยตรง เขาบอกว่าในเหตุต้องมาดูแลเรื่องอาหาร เรื่องเสบียง ฉันไม่ค่อยได้นั่งธรรมะ ส่วนใหญ่จะอยู่แต่ในครัว ..หลวงพ่อท่านจะเป็นคนถือศีลเคร่งมาก หมายถึงอะไรที่ผิด ศีล หลวงพ่อจะไม่เอา เช่น นม เนย จะไม่ฉันเลยถ้ายามวิกาลไปแล้ว ..มีอยู่วันหนึ่งเอาน้ำปานะเข้า ไปถวายท่าน ท่านถามว่า "น้ำอะไร" "น้ำส้มโอเจ้าค่ะ" ท่านบอกว่าให้เอากลับไป ฉันไม่ได้ลูกมันใหญ่ เราไม่รู้ ท่านบอกว่าถ้าเป็นส้ม เป็นมะตูมได้ เวลาที่หลวงพ่อป่วย ถึงแม้ท่านจะหิว แต่ถ้ายังไม่ถึงเวลา ท่านก็ไม่ยอมฉัน ..เวลาหลวงพ่อเทศน์ให้ญาติโยมที่มาถวายอาหารท่านจะเทศน์เรื่องอานิสงส์การให้ทาน ผู้บริจาคทานจะได้บุญมาก ช่วงสุดท้ายของการเทศน์ หลวงพ่อก็จะสอนให้ทำใจหยุดนิ่ง แล้วก็จะคำนวณบุญให้ว่า เจ้าภาพที่มาทำบุญได้บุญแค่นี้ แค่นั้น โยมนั่งฟังจะเข้าใจหรือไม่ก็ตาม แต่ก็ปลื้มแล้วกัน ..คราวหนึ่งหลวงพ่อสดบอกสมเด็จวัดโพธิ์ ตอนนั้นยังไม่ได้เป็นสมเด็จพระสังฆราช ท่านบอกว่า ต่อไปจะได้เป็นใหญ่ในหมู่สงฆ์ แต่สมเด็จวัดโพธิ์ไม่เชื่อ หลังจากหลวงพ่อสดสิ้นไปแล้ว พอปีที่ท่านได้เป็นสมเด็จพระสังฆราช ท่านก็มากราบหลวงพ่อบนหอหลวงพ่อที่วัดปากน้ำ มีอยู่ครั้งหนึ่งช่วงที่หลวงพ่ออาพาธ วันนั้นสมเด็จวัดโพธิ์จะมาเยี่ยมหลวงพ่อสดแต่นั่งรถรับจ้างมา หลวงพ่อสดบอกให้พระเณรเตรียมตั้งแถวต้อนรับ พอรถรับจ้างมา ถึง ท่านก็งงว่าใครบอกว่าท่านมา พระเณรบอกว่า หลวงพ่อสดบอกว่า วัดโพธิ์จะมาให้มาคอยต้อนรับ สมเด็จวัดโพธิ์เชื่อมั่นศรัทธาหลวงพ่อสดมาก เพราะ มีญาณวิเศษหยั่งรู้ล่วงหน้าได้ หลวงพ่อสดท่านรัก สมเด็จช่วงมาก(สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์) เวลาใครเอาทุเรียนมาถวายหลวงพ่อ ท่านจะจับพูสวยๆ แล้วบอกให้เอาไปให้ท่านช่วง ซึ่งตอนนั้นท่าน ช่วงยังเป็นพระหนุ่ม อายุยังไม่มาก ยังไม่ได้เป็นสมเด็จ แล้วท่านก็บอกว่า ฉันแล้วดีต่อไปจะได้เป็นสมภาร แล้วก็จริงตามที่ท่านพูดไว้"
คุณลุงสายัณห์ ศรีธนชัย สาธุชนที่เคยไปทำบุญ กับพระเดชพระคุณหลวงปู่ โดยมีความอยากรู้ถึง ภพภูมิเบื้องหน้าของมารดาที่เสียชีวิต หลังทราบ กิตติศัพท์ว่าหลวงปู่สามารถบอกให้รู้ได้ว่าผู้ละโลกตายแล้วไปไหน คุณลุงจึงพาพ่อไปวัดปากน้ำทันที "พอมาถึงวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เป็นเวลาที่หลวงพ่อท่านลงรับแขกพอดี มีญาติโยมมานั่งล้อมท่านเยอะมาก รอจนได้โอกาส ได้จังหวะที่คนน้อยลง ลุงก็รีบเข้าไปกราบหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ก็ถามท่านตรงๆ ว่า "หลวงพ่อครับ แม่ของผมเสียชีวิตไปแล้ว ผมเป็นห่วงแม่อยากทราบว่า แม่ผม ไปอยู่ที่ไหนครับ"หลวงพ่อท่านก็หันไปสั่งแม่ชีที่นั่งอยู่ใกล้ท่าน ท่านสั่งว่า "เอ้าแม่ชีตรวจให้คุณคนนี้เขาหน่อยซิว่า แม่เขาตอนนี้ไปอยู่ที่ไหน" แม่ชีก็นั่งตรวจหลับตาอยู่สักครู่หนึ่งไม่เกิน ๕ นาที แล้วก็บอกว่า "ไปอยู่ในนรกแต่ยังไม่ลงนรก ยังรอการตัดสินอยู่ ยังอยู่ในระหว่างพิจารณา" ลุงก็ถามต่อว่า "แม่ผมทำกรรมอะไรไว้ ทำไมถึงต้องไปอยู่ในนรก" แม่ชีก็บอกว่า "แม่เคยทำกรรมมาเมื่อชาติก่อนเป็นกรรมเก่าไม่ใช่ชาตินี้ ชาติก่อนสมัยหนึ่งตอนที่แม่ทำอาหารอยู่ ได้คั้นกะทิใส่กระทะไว้ แล้วก็วางไว้บน พื้น ยังไม่ได้เอาไปตั้งไฟ แล้วที่บ้านก็เลี้ยงไก่ด้วย ทีนี้ไก่เข้ามาในครัวมาเหยียบเอากระทะหกเสียหายหมด แม่ก็เกิดความโมโห จึงคว้าไม้ขว้างไปถูกขา ของไก่อย่างจัง ปรากฏว่า ไก่ตัวนั้นไม่ได้ตายเดี๋ยวนั้น หรอก ขามันบวม บวมหลายวันแล้วก็ตาย กรรมอันนี้แหละ เพิ่งมาตามทัน" แล้วแม่ชีก็บอกหมดเลยว่า อาการป่วยด้วยโรคมะเร็งที่ขาของแม่บวมเหมือน ขาไก่ที่มันบวมนั่นแหละ ..แล้วลุงก็ถามต่ออีกว่า "แล้วอย่างนี้ผมจะต้องทำยังไงครับถึงจะช่วยแม่ได้" ตอนนั้นพ่อก็ไปด้วย หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านก็บอกว่า "ต้องสร้างโรงเรียน แล้วก็ถวายสังฆทาน" พอทราบอย่างนั้นวันนั้นลุงมีเงินเท่าไรก็ถวายหมดเลย ร่วมสร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรม พ่อร่วมด้วย ลุงร่วมด้วย ไม่รู้ว่าจำนวนเท่าไรแต่มีค่ามากต่อลุงในสมัยนั้น พอร่วมทำบุญเสร็จ ท่านก็ให้แม่ชีจัดการแทน บอกว่าให้ส่งบุญนี้ไปให้แม่ของลุง ส่งไปให้เดี๋ยวนั้นเลย หลวงพ่อท่านก็ช่วยด้วยส่งบุญให้แม่ พอได้รับปั๊บ แม่ก็พ้นจากนรกไปเป็นเทวดาอยู่ที่ชั้นดาวดึงส์ พ้นไปเลย เวรกรรมก็ตามไม่ได้เพราะบุญนี้แรงกว่า"
|
จากเรื่องราวคำบอกเล่าจากบุคคลยุคต้นวิชชา ดังกล่าว ทำให้เราได้เห็นถึงความเมตตากรุณาที่พระเดชพระคุณหลวงปู่มีต่อมหาชนทั้งหลาย รวมทั้ง ยังได้ประจักษ์ถึงคุณธรรมและคุณวิเศษของท่าน อย่างแจ่มชัด คุณธรรม คุณวิเศษเหล่านั้น ยังมีคุณต่อเนื่องมายังปวงศิษย์ในยุคปัจจุบันนี้ด้วย การหล่อ รูปเหมือนของพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำด้วยทองคำ ในวันศุกร์ที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ที่จะถึงนี้ ถือเป็นหน้าที่ที่ใหญ่ยิ่งของศิษยานุศิษย์ทั่วโลก ที่จะมีโอกาสในการแสดงความกตัญญูต่อ มหาปูชนียาจารย์ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย เป็นการสร้างสิ่งอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ เพราะหลวงปู่ทองคำองค์นี้ จักเป็นทางมาแห่งบุญของมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย ที่มากราบไหว้บูชา เป็นดุจกุญแจไขสู่แสงสว่าง เปิดเผยหนทางแห่งการหลุดพ้นให้แก่สรรพสัตว์ ทั้งปวงเพราะเมื่อผู้มากราบไหวเกิดแรงบันดาลใจ ในการปฏิบัติธรรมตาม พระเดชพระคุณหลวงปู่ แล้วได้รู้เห็นธรรมตามท่าน จักเป็นคุณอันมหาศาลต่อชีวิตของบุคคลผู้นั้น ...และเป็นบุญอัศจรรย์ ครั้งสำคัญในชีวิตของผู้ที่ทุ่มเทใจ ทุ่มเทปัจจัย และทุ่มเททองคำ เพื่อทำหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ในการหล่อรูปเหมือนของท่านขึ้นมา เพื่อเป็นศูนย์รวมใจวิชชาธรรมกาย เมื่อใดที่ทองคำของเรา เป็นเนื้อเดียวกับรูปเหมือนของท่าน ใจของเราเป็นใจเดียวกับท่าน สมบัติอัศจรรย์จักเกิดขึ้นกับเราผู้มีใจกตัญญู เพราะหลวงปู่คือต้นวิชชา บุญใหญ่ในครั้งนี้จึงเป็นดั่งการสร้างต้นมหาสมบัติทั้งรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ แก่ชีวิตตราบบรรลุมรรคผลนิพพาน