บทความพิเศษ
เรื่อง : บ.ธรรมาวุธ
|
|
จนกระทั่งพระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ท่านได้บังเกิดขึ้น และเอาชีวิตเป็นเดิมพันในการประพฤติปฏิบัติธรรม ในคืนเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ ณ อุโบสถ วัดโบสถ์ (บน) บางคูเวียง จ.นนทบุรี จนกระทั่งสามารถค้นพบวิชชาธรรมกายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อทำความเพียรหยุดในหยุด เข้าไปสู่สภาวธรรมที่ละเอียดมากขึ้น ท่านจึงได้ทราบเรื่องราวของพญามาร ที่เป็น ฉากหลังของชีวิต ดังพระธรรมเทศนาที่ท่านเคยเทศน์ไว้ในกัณฑ์ที่ ๒๑ เรื่อง ทานวัตถุ-ฉากหลัง ตอนหนึ่งว่า "เมื่อไปสุดแล้ว เราจะพบฉากหลังในฉากหลังเข้าไปอีกฉากหลังในฉากหลังนี้จะมีอีกเท่าไร ยังไม่รู้ได้ มีเห็นมีหาย ภิกษุ สามเณร ควรจะรู้ ถ้าไม่รู้ก็เสียคนทีเดียว เป็นบ่าวเป็นทาสเขาไปทั้งชาติ เอาตัวรอดไม่ได้ เรียกว่า ตัณหา ทาโส อทานิสิ ไม่ผิดล่ะ ไม่คลาดเคลื่อนเลยทีเดียว เพราะอะไร เพราะไม่รู้ฉากหลัง ก็เป็นบ่าวเป็นทาสเขาตาย ถ้ารู้ฉากหลัง บังคับฉากหลังได้ละก็ ก็เลิกเป็นบ่าวเป็นทาสเขา มันก็เป็นเจ้าเป็นนายเขาบ้าง นี่เป็นชั้นๆ ให้เข้าใจทีเดียว ให้เข้าใจให้แน่ทีเดียว ไอ้ผู้ปกครอง เราลับๆ ใช้เราลับๆ อยู่ เราไม่รู้เลย พระสมณโคดม บรมครูเอง พอไปเห็นกายมนุษย์ละเอียดเข้าเท่านั้น ทรงรับสั่งแล้ว อเนกชาติสํสารํ สนฺธาวิสํ อนิพฺพิสํ คหการํ คเวสนฺโต ทุกฺขา ชาติ นั่นทรงรับสั่งแล้ว เรานี่เวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จักจบนี้ เพราะท่านนี่เอง พาให้เราเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จักจบ เมื่อไปพบชั้นหนึ่ง และไปพบจนกระทั่งถึงตัวสร้างบ้านสร้างเรือน กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา สร้างบ้าน สร้างเรือน สร้างกายท่านไม่มีจบ นั่นไปพบเรื่องนั้น ก็ยิ่งคำนึงยกใหญ่ทีเดียว จึงได้ทำลายล้าง กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหาเสีย ออกจากไตรภพไป หลบ ออกจากไตรภพไป ไอ้กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา ทำอะไรท่านไม่ได้ แต่ว่าทำไม่ได้
ทำไม่ได้ ขั้นหยาบๆ ขั้นละเอียดนั้นอยู่ในความปกครองเขา เมื่อเป็นเช่นนั้น เราจะต้องคาดคั้นทีเดียว จะต้องคาดคั้นทีเดียว ต้องไต่เข้าไปทีเดียว เป็นกายๆ เข้าไป อย่าเข้าใจว่า ไอ้ที่เขาใช้ให้ทำชั่วด้วยกาย วาจา ใจ เขากระซิบให้ทำอย่างนั้น เขากระซิบให้ทำอย่างนี้น่ะ ไอ้นั่นก็เป็นบ่าวเป็นทาสเขานะซี เขาถึงใช้ได้ตามชอบใจ ให้ไปทำผิดวินัยซะป่นปี้ เหลวไหลป่นปี้ ให้กายเป็นเลว เป็นเปลวไป นี่เพราะอะไรล่ะ ก็เพราะไอ้ฉากหลังมันบังคับ เขาไม่ได้แกล้ง ฉากหลัง มันบังคับ ไม่รู้เท่าทันฉากหลัง ฉากหลังบังคับเสียหาย ป่นปี้ นี้แหละให้ระวังฉากหลังเป็นตัวสำคัญ จะทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดในสากลโลกทั้งสิ้น จะทำงานใหญ่ งานโตงานย่อยเท่าหนึ่งเท่าใด ให้ระวังให้รอบตัว ทีเดียว ระวังให้รอบตัว ฉากหน้าฉากหลังให้ระวังให้รอบตัวทีเดียว"
|
ในเรื่องของการปราบมารและการค้นคว้าวิชชา ธรรมกายของพระเดชพระคุณหลวงปู่ เพื่อให้ไปถึง ที่สุดของฉากหลังที่คอยบังคับบัญชาให้ทำความชั่วต่างๆ อยู่นี้เป็นกิจที่ท่านได้ทำอย่างจริงจังจนตลอด ชีวิตของท่าน ซึ่งภารกิจเบื้องลึกถือเป็นพระคุณ อันใหญ่หลวงต่อมวลมนุษย์ตรงนี้ น้อยคนนักที่จะมี โอกาสได้รู้ นอกจากทีมของท่าน ซึ่งประกอบด้วยพระภิกษุ สามเณร และอุบาสิกาแม่ชี ที่มีธรรมะ ขั้นสูงในโรงงานทำวิชชาเท่านั้น คุณยายเซี่ยงไฮ้ จากจังหวัดสุพรรณบุรี อดีตแม่ชีที่เคยได้นั่งทำวิชชาอยู่กับหลวงปู่ได้เล่าถึงเรื่องการปราบมารของหลวงปู่ให้ฟังว่า คนเก่าคนแก่ ในยุคของหลวงพ่อจะรู้ว่า หลวงพ่อนี้ท่านมีพระคุณ อย่างไร คุณของท่านไม่มีประมาณ มนุษย์เราไม่รู้ เรื่องว่ามารเขาทำกับเราอย่างไร หลวงพ่อท่านค้นพบ วิชชานี้ วิชชาปราบมารนี่ ท่านก็ทำวิชชาปราบมาร มนุษย์เราไม่รู้ว่า เขาทำให้เราเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ แล้วที่ให้ไปแก้โรคนี่ คือว่าเอาวิชชาธรรมกาย ให้เอา ชนะกับมารที่มันส่งมาในกลางตัวของมนุษย์ แล้วโรค ก็หายไป ..ตอนที่รบสงครามโลกครั้งที่ ๒ หลวงพ่อท่านบอกว่าไม่ต้องกลัว นั่งเข้าธรรมะ นั่งอยู่ในกายธรรมเรื่อยๆ ให้อยู่ในกายธรรมไม่เป็นไรหรอก แล้วที่สะพานพุทธนะ ช่วยกันนั่งธรรมะเอาบุญบารมี ที่ได้สร้างไว้ด้วยกันทั้งหมด แล้วก็ที่อื่นด้วย รวมกัน ปัดเอาลูกระเบิดอย่าให้โดนสะพาน ให้ไปเสียให้พ้น แล้วก็ให้เก็บวัดปากน้ำอยู่ในกายธรรม ไม่ให้มันมอง เห็น ..อัศจรรย์จริงๆ ฉันเคยเห็นหลวงพ่อท่านลอยได้ เวลานั่งกันเยอะๆ เห็นหลวงพ่อท่านลอยขึ้นไป ลอยแล้วก็มานั่งอย่างเก่าได้ ลอยสองสามเมตร เห็น ท่านลอยตอนที่ท่านสอนภาวนา เป็นกายหยาบลอย ท่านนั่งขัดสมาธิ แล้วสอนให้นั่งวิปัสสนา สักประเดี๋ยว พอนั่งหลับทำสมาธิ ท่านก็ลอยขึ้นไป ..ท่านสั่งให้ตั้งใจทำธรรมะ ให้รอดพ้นจากมาร มารมันจะแกล้ง เราให้เป็นไปต่างๆ นานา แกล้งให้เราป่วยให้เราเจ็บ ..หลวงพ่อท่านทำเพื่อมนุษย์ ท่านช่วยมนุษย์ทุกคน แต่คนมองไม่เห็น ท่านนั่งช่วยกายมนุษย์ทุกคน ท่าน ช่วยตลอดเวลา ตอนที่ฉันนั่งสมาธิอยู่กับท่าน ก็ ทำวิชชากันทั้งคืน ทั้งวัน กลางคืนก็ผลัดเปลี่ยนกัน กลางวันก็เปลี่ยนกัน เป็นหน้าที่ๆ หลวงพ่อท่าน ไม่ได้เป็นพระธรรมดานะ ทุกกาย ทุกส่วน ท่านก็คอยดูคอยระวัง คอยรักษาอยู่ ท่านจึงได้เห็นว่า คนนี้ไปเป็นอย่างนั้นๆ การที่ศิษยานุศิษย์จักได้มีโอกาสหล่อรูปเหมือน พระเดชพระคุณหลวงปู่ด้วยทองคำ ในวันที่ ๑๐ ตุลาคม ที่จะถึงนี้ ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของท่าน ผู้ซึ่งบังเกิดขึ้นมาเพื่อปราบมาร ดังคำที่ท่านได้กล่าว ไว้ว่า ดีที่สุดคือพระพุทธเจ้า ชั่วที่สุดคือมาร ผู้เทศน์ (พระมงคลเทพมุนี สด จนฺทสโร) มารู้ตัวเมื่อบวชว่า ต้นธาตุใช้ให้จุติมาเกิดเพื่อปราบมาร จึงเป็นโอกาสแห่งบุญที่เกิดขึ้นได้โดยยาก เป็นบุญใหญ่ที่พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง เราจึงควรทุ่มเทแรงกาย แรงใจ กำลังทรัพย์และกำลังสติปัญญาด้วยความปลื้มใจ เพราะวิชชาธรรมกายเป็นวิชชาที่เกิดขึ้นได้ยากในโลก ต้องมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลกเท่านั้น ผู้คนจึงจะมีสิทธิ์ได้รับรู้ถึงหนทางแห่งการหลุดพ้น ที่มีชื่อว่า "มัชฌิมาปฏิปทา" นี้ และหากพระเดชพระคุณหลวงปู่ไม่ได้ทุ่มเทเอาชีวิตเป็นเดิมพัน จนค้นพบเส้นทางแห่ง การตรัสรู้ธรรม ณ ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ขึ้นมาอีกครั้ง ความลับของสรรพชีวิตก็ยังคงซ่อนงำต่อไป
|
ดังนั้นการได้หล่อรูปเหมือนของท่านด้วยทองคำ จึงเป็นการแสดงความกตัญญูครั้งยิ่งใหญ่ และเป็นมหัคตกุศลที่จะติดตัวเราไปทุกภพทุกชาติ เมื่อหลวงปู่ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย ผู้ค้นพบวิชชาปราบมาร ได้หวนกลับคืนมาด้วยรูปทองคำกองทัพธรรมอันเกรียงไกรก็พร้อมที่จะกรีฑาทัพขยายวิชชาธรรมกายไปทั่วโลกอย่างมั่นคง และสันติสุขอันไพบูลย์ก็จักบังเกิดขึ้นกับโลกใบนี้ อย่างแท้จริง