ผลารปฏิบัติธรรม
เรื่อง : ธัมม์ วิชชา
ประกอบเหตุ
สังเกตผล
ทนเอาเถิด ประเสริฐนัก
การที่เมล็ดพันธุ์ของพืชพันธุ์ทั้งปวง จะงอกงามได้ก็ต้องอาศัยการดูแลเอาใจใส่ คอยรดน้ำพรวนดินอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งต้องอดทนเพื่อรอวันเวลาที่พืชพันธุ์ต่าง ๆ เหล่านั้นจะเติบโตโดยธรรมชาติ แม้เมล็ดพันธุ์แห่งธรรมะภายในก็ดุจเดียวกัน การที่แสงสว่างจะบังเกิด ดวงธรรมจะผุดซ้อน หรือองค์พระจะผุดขยายได้ จำเป็นที่เราต้องให้ความสนใจ หมั่นประกอบเหตุ สังเกตผล และอดทนต่ออารมณ์ที่มาขวางกั้นการบรรลุธรรมของเราให้ได้
และที่แน่ ๆ ก็คือ ถ้าเราได้ประกอบเหตุสังเกตผลอย่างจริงจังแล้ว ธรรมะภายในย่อมงอกงาม ในใจอย่างแน่นอน ดังตัวอย่างประสบการณ์ภายใน จากผลการปฏิบัติธรรมของพระภิกษุธรรมทายาทเหล่านี้
พระธรรมทายาทพิมุข โฆสยโส
"ตอนแรก ๆ ที่นั่ง ใจไม่สงบเลย เพราะหลับตา ทีไรเป็นต้องคิดเรื่องครอบครัว อาตมาก็จะปล่อยให้คิดไปเลย เพราะภาวนา "สัมมา อะระหัง" ไม่ได้ จะปวดกระบอกตา แล้วอาตมาก็ยังเอาใจมาไว้ที่กลางท้องไม่เป็น แต่เมื่อได้ทำตามที่หลวงพ่อสอนว่า รู้สึกสบายตรงไหนก็ให้เอาใจไปไว้ตรงนั้น อาตมาก็เลยนั่งไปเรื่อย ๆ ไม่กำหนดอะไรเลย
"วันหนึ่งตอนใกล้ ๆ จะหมดชั่วโมง อยู่ ๆ ความคิดก็หายไป เหมือนเราคิดมามาก จนความคิด หมดสต็อก พอหยุดคิด ใจก็สงบ แล้วก็เห็นเป็นแสง สีขาวที่มองแล้วรู้สึกสบายใจ แล้วแสงนั้นก็ขยายเป็น วงกลม ๆ อาตมาก็มองไปเรื่อย ๆ จึงเห็นพระพุทธรูป ใส ๆ ใหญ่ประมาณ ๑ ฝ่ามือ ตั้งอยู่ในนั้น อาตมา ไม่รู้ว่าพระพุทธรูปท่านตั้งอยู่ที่ไหน แต่รู้สึกเหมือนกำลังมองลงมาจากที่สูง แล้วก็เห็นท่านได้ทั้ง ๔ ด้าน เห็นชัดมากเหมือนมองด้วยตาเปล่า จิตใจก็โล่ง ว่าง แล้วอยู่ ๆ พระพุทธรูปก็ขยายใหญ่ขึ้นจนคลุมตัว แล้วก็ขยายออกไปเรื่อย ๆ จนหมดเวลานั่งเลย
"อาตมามีความสุขมาก เป็นความสุขที่เอาอะไร มาเทียบไม่ได้เลย อาตมากลายเป็นคนอารมณ์ดี ยิ้มคนเดียวได้ทั้งวัน ตอนนี้ไม่ว่าจะทำอะไร ถ้าทำใจ นิ่ง ๆ ก็จะเห็นพระพุทธรูปใส ๆ อยู่ในกลางท้องได้ แต่ถ้าหลับตาทำสมาธิ ภาพพระพุทธรูปจะชัดกว่าและขยายได้"
"ตอนอยู่ที่ศูนย์อบรมจังหวัดชุมพร อาตมานั่งสมาธิไปแป๊บเดียว ก็มีแสงเข้ามาวูบหนึ่ง จึงลืมตาดู แล้วก็ไปถามพระอาจารย์ว่าแสงอะไร พระอาจารย์ ท่านก็บอกว่าอย่าไปสนใจ อาตมาก็เรียนท่านว่า ผม ไม่อยากสนใจหรอกครับ แต่ผมเป็นคนอยากรู้อยาก เห็นครับ หลังจากนั้นก็ไม่เห็นอะไรอีกเลยพระธรรมทายาทสุรพล คุณเตโช
"วันหนึ่งอาตมานั่งสมาธิอยู่ดี ๆ ก็เผลอหลับไป แล้วก็เหมือนว่าจะฝันเห็นคุณยายอาจารย์ฯ นั่งสมาธิอยู่บนโขดหินหน้าปากถ้ำ พอรู้สึกตัว ก็ไม่รู้ เป็นอย่างไร อาตมารู้สึกมีแรงจูงใจอยากนั่งสมาธิขึ้นมาเลย เหมือนกับคุณยายอาจารย์ฯ จะมาบอกให้ประพฤติตัวดี ๆ ให้ทำให้ดีกว่านี้ แล้วอาตมาก็ตั้งใจนั่งสมาธิ ทำให้เริ่มเห็นองค์พระได้บ้างบางเวลา แต่ที่นั่งได้ดีมาก ๆ ก็ตอนที่ได้ขึ้นไปปฏิบัติธรรมที่จังหวัดเชียงใหม่
"วันหนึ่ง อาตมานั่งสมาธิไปตามปกติ คือเอา ขาขวาทับขาซ้าย และทำใจโล่ง ๆ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก และภาวนา สัมมา อะระหัง ซึ่งหลวงพ่อ จะสอนให้ภาวนา "สัมมา อะระหัง" แบบนิ่ม ๆ แต่ทีแรกอาตมาทำไม่ได้ เพราะเป็นคนใจร้อนมาก ก็เลยภาวนา "สัมมา อะระหัง" ถี่ ๆ ไว ๆ ไปก่อน แล้วตอนหลังถึงค่อยปรับให้นิ่มได้ พอ "สัมมา อะระหัง" แบบนิ่ม ๆ เป็นแล้ว ก็เริ่มจำลูกแก้ว โดยฝึกจำด้วยใจ ไม่ใช้สมอง นึกเอาลูกแก้วมาวางไว้ที่มือซ้าย ย้ายไปมือขวา เลื่อนไปไว้ข้างหน้า แล้ว ก็เอาขึ้นไปไว้ที่กลางศีรษะ พอทำได้ก็ปล่อยให้ลูกแก้ว หล่นลงมาที่กลางท้อง ทีนี้ก็นั่งเฉยๆ ดูลูกแก้วไปแบบปกติ ใจก็สงบนิ่งไปเรื่อย ๆ ไม่คิดอะไรมากเลย ลูกแก้วที่อยู่ในกลางท้องก็ใส มีแสงสว่างอยู่ตรงกลาง ดวงด้วย อาตมาก็ดูอย่างเดียว แล้วแสงที่อยู่ตรงกลาง ลูกแก้ว ก็กลายเป็นองค์พระขึ้นมาเลย
"ตอนนั้นอาตมายังไม่เห็นอะไรมาก เห็นแต่องค์พระที่ใสเหมือนหยดน้ำ สว่างเหมือนแสงเทียนในที่มืด ค่อย ๆ ขยายต่อ ๆ กันขึ้นมาเป็นสาย จาก องค์เล็กเท่าหัวหมัด กำปั้นมือ ก็ใหญ่ขึ้น จนใหญ่กว่าตัว อาตมามีความสุขอยู่ในใจ เคยนอนกอดพ่อ กอดแม่ก็ว่าสุขมาก ๆ แล้วแต่สุขไม่เหมือนกับที่ได้ เห็นองค์พระ เพราะมีความเย็นสบายเย็นใจ พอวันต่อมานั่งอีก ก็เห็นองค์พระแบบเดิมอีก พระอาจารย์ ก็สอนให้เอาใจไปผูกไว้กับองค์พระ ให้เชื่อมใจไว้กับ องค์พระ อาตมาก็ทำตามด้วยการรักษาใจสบาย ๆ คิดถึงแต่องค์พระ จะเดิน จะก้าว หรือทำอะไร ก็จะนึกถึงท่านตลอดเวลา และเพราะใจที่ผูกพันกับองค์พระ ทำให้อาตมาเห็นองค์พระอยู่ในกลางท้องได้ตลอด ทั้งหลับตาและลืมตา"
"อาตมาเป็นชาวไทยใหญ่ บ้านเดิมอยู่ที่ประเทศ พม่า แต่ย้ายมาทำสวนทำไร่ ปักหลักชีวิตอยู่ที่อำเภอ เมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ ๔ ปีแล้ว พอได้บวชแล้ว อาตมารู้สึกสบายใจมาก ยิ่งได้นั่งสมาธิก็ยิ่งรู้สึก สนุกกับการบวชพระธรรมทายาทวิเชฏ ปญฺารตโน
"ตอนแรกที่ฝึกนั่งใหม่ ๆ ก็ปวดเมื่อยมาก ปวด กล้ามเนื้อไปหมดเลย แต่ก็ฝืนทนนั่งจนครบเวลาทุกรอบ และภาวนา สัมมา อะระหัง ตลอดเลย พอผ่านไปได้ประมาณ ๔ วัน ก็เริ่มนั่งได้ดีขึ้น นิ่งขึ้น มีความสุข วันหนึ่งในขณะที่กำลังภาวนาไปเรื่อย ๆ อยู่ ๆ ก็เห็นแสงสว่างขึ้นมาตรงกลางหน้าผาก แล้ว แสงก็ไล่ลงมาตรงจมูก แล้วก็ไล่ลงไปในกลางท้อง นั่งไปเฉย ๆ ไม่คิดอะไร เอาใจมาไว้ที่กลางท้องอย่างเดียว แล้วอยู่ ๆ แสงนั้นก็กลายเป็นองค์พระไปเลย ตอนนั้นองค์พระมีขนาดใหญ่กว่าแก้วกาแฟนิดหน่อย ใสเหมือนแก้ว แต่ไม่สว่าง อาตมาก็มองไปเรื่อย ๆ ทำใจนิ่ง ๆ เฉย ๆ ไม่สนใจอะไร แล้วองค์พระในท้องก็ใหญ่ขึ้น ๆ ใหญ่กว่าตัวเราถึง ๒ เท่า ตอนนั้นรู้สึกสบายใจ น้ำตาไหล ขนลุกไปหมด แต่พอลืมตาภาพองค์พระก็หายไป แต่ก็ไม่คิดอะไร
"พอถึงเวลานั่งอีกอาตมาก็ทำแบบเดิม พอใจ หยุดนิ่งแล้ว อาตมาก็เห็นองค์พระองค์เดิมใหญ่ครอบ ตัวเหมือนเดิม แต่คราวนี้ชัดขึ้นกว่าเดิม ชัดเหมือนเราเอาองค์พระออกมาตั้งดูข้างหน้าเลย พอหมดเวลา ก็ลืมตาขึ้น องค์พระก็ยังอยู่ แล้วก็ใสเหมือนกันกับตอนที่หลับตา ซึ่งจริง ๆ แล้วอาตมาไม่เคยรู้เรื่ององค์พระมาก่อน ไม่รู้ว่าในตัวคนเราจะมีอะไรแบบนี้ อยู่ด้วย เวลามองเห็นองค์พระจะรู้สึกดีใจ มีความสุข อยู่ในใจ และรู้สึกว่าได้ทดแทนบุญคุณโยมพ่อโยมแม่ ท่านทั้งสองต้องได้บุญกับอาตมาเยอะแน่ ๆ เลย
ดังนั้น วันนี้หากประสบการณ์ภายในของเรายังไม่ก้าวหน้าดังที่เราปรารถนา ก็พึงอย่าท้อแท้ใจ หมั่นประกอบเหตุสังเกตผลเรื่อยไป ดังคติธรรมที่พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) หลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย ได้สอนเอาไว้ว่า "ประกอบเหตุ สังเกตผล ทนเอาเถิด ประเสริฐนัก" และอีกบทกลอนหนึ่งที่จะเป็นแรงผลักดันให้เราขยันในการปฏิบัติให้มากขึ้นก็คือ
จากผลการปฏิบัติธรรมที่พระภิกษุธรรมทายาท ทุกรูปเล่ามา ถ้าเราสังเกตเนื้อความในประสบการณ์ เหล่านั้น เราจะเห็นว่า แต่ละรูปแต่ละท่านมีเครื่องขวางกั้นหนทางแห่งการบรรลุธรรมที่แตกต่างกัน บางรูปฟุ้ง บางรูปปวดเมื่อย หรือบางรูปก็ลังเลสงสัย ไม่เข้าใจ แต่เมื่อแต่ละรูปได้อดทนฝึกฝนไปตามหลักวิชชาที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านสอน ทุกรูป ก็สามารถกุมความสำเร็จจากการปฏิบัติธรรม เข้าถึง ดวงธรรม เข้าถึงองค์พระภายในกันได้
"ขุดบ่อล่อธารา ให้อุตส่าห์ขุดร่ำไป ขุดตื้นตื้นน้ำบ่มี ขุดถึงที่น้ำจึงไหล"