เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนา
พระเดชพระคุณพระภาวนาวิริยคุณ (หลวงพ่อทัตตชีโว)
วันอาทิตย์ที่ ๖ เดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๖
การบูชา และอธิฐานผ้าไตร
เนื่องจากพวกเราได้ตั้งกองเป็นประธานกฐินกันในปีนี้ ในวันนี้จึงมารับผ้าไตรจีวร เพื่อเอาไปอธิษฐานกันที่บ้าน หลวงพ่อจึงขอถือโอกาสพูดเรื่องหลักการบูชาอธิษฐานผ้าไตรที่ ให้เราได้บุญอย่างเต็มที่ และคนในบ้านเราจะได้ไม่ทำอะไรที่ผิดพลาดกับของที่ควรบูชาว่า เขามีวิธีปฏิบัติอย่างไร
ความสำคัญของผ้าไตรจีวร
ก่อนอื่นหลวงพ่อขอให้ทำความเข้าใจว่า ผ้าไตรนี้ เป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้กับกิเลส อย่ามองว่าเป็นเพียงผ้าหรือเครื่องนุ่งห่มของพระภิกษุเท่านั้น โบราณจารย์ท่านมองว่า ผ้าไตรจีวรนี้ คือ ธงชัยของพระอรหันต์ ผู้ที่มุ่งเอาชนะกิเลสมาร
กองทัพทางโลกเวลาจะออกรบ ทหารผู้ถือธงชัยเฉลิมพล เขาต้องคัดแล้วคัดอีก แม้แต่กองทัพของพระอินทร์เวลาออกสู้รบกับอสูรก็ต้องมีธงชัยนำหน้า ธงชัยนี้จะตกถึงพื้น ไม่ได้ ถ้าตกถือว่าแพ้ เพราะว่าเวลากองทัพจะเคลื่อนที่ไปทางไหนต้องอาศัยธงนำ หากพลาดพลั้งให้ฝ่ายตรงข้ามจนถึงกับปล่อยให้ธงชัยตกถึงพื้น กองทัพจะไม่มีทิศทางไป ทหารแม้มีมากก็กลายเป็นน้อย เพราะไม่รู้จะไปทางไหน มีแต่ความพ่ายแพ้สถานเดียว
ในทางโลกให้ความสำคัญต่อธงชัยฉันใด ในทางธรรมก็ฉันนั้น ผู้ที่จะต่อสู้กับกิเลสต้องนุ่งห่มด้วยผ้าไตรจีวรชุดนี้ เพราะ
๑. เป็นชุดนักรบของกองทัพธรรมใช้ต่อสู้กับกิเลส แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ก็ทรงใช้ เพราะทรงพิจารณาแล้วว่า ชุดนี้เหมาะสมที่สุด
๒. เปรียบเหมือนกับเสื้อเกราะหรือเสื้อยันต์ นักรบในทางโลก เขามีเกราะสวมใส่ไว้ต่อสู้กับฝ่ายตรงกันข้ามฉันใด นักรบในกองทัพธรรมก็ฉันนั้น
๓. เป็นธงชัยอยู่ในตัวเสร็จ คือไม่ว่าพระภิกษุจะนุ่งห่มหรือไม่ก็ตาม หรือเอาไปซักตากอยู่ แม้ไม่ได้อยู่ติดตัวแล้ว ถึงกระนั้น ก็มองว่าผ้าไตรจีวรเป็นธงชัยให้ท่านนึกถึงการสู้รบกับกิเลสตลอดไป ซึ่งเป็นการต่อสู้ที่ยาว นานเป็นกัปๆ
๔. เป็นเครื่องนุ่งห่มชุดสุดท้ายของการหลุดพ้นจากวัฏฏะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระอรหันต์ และพระอรหันต์เถรี จะใช้ผ้าไตรจีวรนี้หุ้มห่อกายเนื้อของท่านหมดกิเลสเข้าพระนิพพาน
หลักการบูชาและอธิษฐานผ้าไตร
เมื่อพวกเราเข้าใจความสำคัญของผ้าไตรจีวรดีแล้ว เราก็เอาผ้าไตรนี้ไปอธิษฐานจิตที่บ้านตลอดเข้าพรรษา เพื่อให้ได้บุญมาก เราควรปฏิบัติดังนี้
๑. วางผ้าไตรในที่ที่เหมาะสม จริง ๆ ส่วนมากพวกเราจะวางเอาไว้ที่โต๊ะหมู่บูชาบางท่านอาจจะใส่พานแว่นฟ้าตั้งอยู่ที่ห้องรับแขก ห้องโถง หรือที่ทำงาน เพื่อให้ญาติสนิทมิตรสหายได้รับรู้ แล้วได้มาร่วมบุญกฐินด้วย ใครจะเห็นดีเห็นงามอย่างไรก็ไม่ว่า แต่ขอให้อยู่ในจุดที่เหมาะสม จุดที่วางผ้าไตรต้องให้สูงพอสมควร ถ้าต่ำนักเวลาใครเดินผ่าน ชายเสื้อกระโปรงกางเกงของเขาไปโดนเข้าจะไม่เหมาะไม่ควร กลายเป็นว่าไม่เคารพกับธงชัยของพระอรหันต์ เป็นโทษกับเขาได้
๒. ภาชนะที่รองรับผ้าไตรดูให้เหมาะสม ถ้าเป็นพานก็อย่าให้เล็กอย่าให้โตเกินไป โต๊ะเก้าอี้ที่จะมารองพานก็ต้องดูให้เหมาะสม อย่าทำล้อเล่น ถ้าล้อเล่นแล้วเดี๋ยวมีคนในบ้านที่เราอยากจะให้ร่วมบุญด้วยนั่นแหละ แต่เขาไม่ค่อยได้เข้าวัด แล้ววางตัวไม่เหมาะไม่สมกับของที่ควรแก่การบูชา ก็จะแบกบาปไปโดยไม่รู้ตัว
๓. จัดดอกไม้ ธูป เทียนไว้บูชาผ้าไตร บางคนอุตส่าห์จัดดอกไม้ดอกไร่มาปักใส่แจกัน เอาพวงมาลัยมาบูชาผ้าไตร เป็นสิ่งที่ดี หลวงพ่อขออนุโมทนาด้วย แต่ต้องคอยดูแลอย่าปล่อยดอกไม้เหี่ยวแห้งไปโดยไม่ได้เปลี่ยน บางท่านเอาดอกไม้เทียมบูชา ก็ดูสดเข้าท่าดี แต่อย่าปล่อยให้ฝุ่นจับ ดอกไม้เทียมแม้จะดูสดแต่คงไม่หอม บางท่านก็มีกุศโลบาย เอาดอกไม้เทียมกับดอกไม้จริงปักปนๆ กันไป จะใช้อะไรก็แล้วแต่ แต่ดอกไม้ธูปเทียนที่มาบูชา ต้องดูแลรักษาความสด ความสะอาดให้ดี ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นคนทำอะไรมักง่าย
๔. ใช้วัสดุที่เหมาะสมทำความสะอาดผ้าไตร เวลาทำความสะอาดก็ต้องระมัดระวัง บางทีคนในบ้านเห็นฝุ่นจับผ้าไตร เลยเอาผ้า เครื่องดูดฝุ่น หรือไม้ขนไก่ ที่ไม่เหมาะกับของควรบูชามาปัดทำความสะอาด ตรงนี้ต้องระวัง ถ้าเป็นเด็กก็ดูอธิบายให้ดี
๕. เมื่อถึงคราวอธิษฐานผ้าไตรก็เปล่งเสียงอธิษฐานดัง ๆ ด้วยใจที่เลื่อมใสศรัทธา เปล่งทุกคำชัดเจน เป็นการให้ความเคารพต่อพระรัตนตรัยด้วยวาจา จะอธิษฐานก็ขอให้อธิษฐานด้วยความเต็มใจ จะกราบ จะไหว้ จะทำอะไร ขอให้ทำด้วยความระมัดระวัง อย่าให้กลายเป็นล้อเล่น
๖. การชวนใครร่วมทำบุญ ถ้าเขายังไม่อยู่ในสภาพที่พร้อม พูดไปแล้วเดี๋ยวเขาเอามาล้อเล่น ให้ปล่อยไปก่อน อย่าเพิ่งไปชวน แทนที่จะได้บุญเดี๋ยวจะกลายเป็นได้บาปไป
วิธีดูแลรักษาโต๊ะหมู่บูชา
เมื่อพูดถึงเรื่องการบูชาและอธิษฐานผ้าไตร บางบ้านตัวเองอาจจะดูแลระมัดระวังดี แต่ไม่ได้สอนลูกหลานหรือคนใช้ให้ทำตาม หลวงพ่อขอถือโอกาสสอนวิธีดูแลรักษาโต๊ะหมู่บูชาพระ ดังนี้
๑. อย่าเอาผ้าที่เราใช้ปัดกวาด เช็ด ถู โต๊ะ เก้าอี้ มาทำความสะอาดโต๊ะหมู่บูชา ถ้าผ้ามีฝุ่นกรวดทรายติดมา จะทำให้ถลอกเป็นรอยได้ง่าย โต๊ะหมู่พอขาดความเงางามเสียแล้วก็หมดท่า
๒. ผ้าผืนที่ใช้เช็ดทำความสะอาดโต๊ะหมู่ อย่าเอาไปใช้เช็ดพระพุทธรูป แม้ไม่เคยไปใช้เช็ดโต๊ะหรือเก้าอี้ตัวอื่นเลยก็ตาม ถ้าจะเช็ดพระพุทธรูปควรใช้ผ้าที่เนื้อนุ่มละเอียดกว่านั้น เพราะฝุ่นที่ติดมากับการเช็ดโต๊ะหมู่เป็นฝุ่นหยาบ ถ้าไปใช้เช็ดกับพระพุทธรูป เดี๋ยวจะเป็นรอยขนแมว เสียความเงางาม
ความพิถีพิถันบ่งบอกถึง ความประณีตของใจ
ใครไม่เคยพิถีพิถันเกี่ยวกับผ้าขี้ริ้วที่ใช้เช็ดโต๊ะหมู่ เช็ดพระพุทธรูป วันนี้ขอให้พิถีพิถันด้วย เพราะสิ่งนี้ฟ้องถึงความประณีตในใจของเรา
พระพุทธรูป ดวงแก้วที่คุณยายอาจารย์ใช้กราบใช้ไหว้ในกุฏิ ท่านจะเก็บไว้อย่างดีพอถึงปีก็เอามาสรงน้ำ เสร็จแล้วจะใช้ผ้าที่เนื้อละเอียดที่สุดเช็ดให้แห้ง ยังไม่พอ ยังมีน้ำอบไทยพรม ทุกคืนจะมีดอกไม้มาบูชา ส่วนมากจะใช้ดอกมะลิใส่พานบ้าง ใส่จานแก้วบ้าง เรียงร้อยอย่างดีเอามาบูชา
เหยือกและถ้วยชามต่างๆ ที่ใช้บูชาข้าวพระวันอาทิตย์ต้นเดือนก็เก็บรักษาอย่างดี อย่าไปใส่อย่างอื่น ไม่เคยไปให้ใครมาใช้กินอาหาร หรือให้ใครเลย เอาไว้บูชาข้าวพระโดยเฉพาะ
ถ้าเรามีจิตใจที่ละเอียดอ่อนรู้จักที่จะจัดอันดับสิ่งของ ไม่ว่าภาชนะที่เราใช้ แม้แต่ผ้าขี้ริ้วที่เราใช้ ก็มีความระมัดระวังมีความละเอียด คนอย่างนี้จึงจะสามารถแยกแยะธรรมะได้ว่า ธรรมะข้อนี้ลุ่มลึกกว่าข้อนี้ ลุ่มลึกไปตามลำดับอย่างไร แล้วก็คนอย่างนี้แหละที่จะมองคนด้วยกันออก แค่เห็นหน้าท่าทางหรือได้ยินคำพูดเพียงคำสองคำ ก็จะบอกได้ว่า คนๆ นี้มีภูมิธรรมแค่ไหน
สิ่งเหล่านี้ไม่ฝึกไม่ได้ แม้แต่พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ หรือพระมหากัสสปะ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงยกย่องและให้เกียรติว่า เป็นขุนพลที่สำคัญของกองทัพธรรม กว่าจะมารับตำแหน่งเหล่านี้ได้ ท่านต้องมีความละเอียดลออที่ฝึกแล้วฝึกอีกมานับภพนับชาติไม่ถ้วนเช่นกัน
ถ้าเราเข้าใจอย่างนี้ การที่เรารับผ้าไตรไปวันนี้ ไปบูชาและอธิษฐานจิตที่บ้าน ก็จะเป็นบุญตั้งแต่วินาทีแรกที่เรารับผ้าไตรไป จนกระทั่งถึงวินาทีสุดท้ายที่เรามาร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินอย่างพร้อมหน้ากัน