เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนา
พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย)
วันพุธที่ ๓๑ เดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๖
หลวงพ่ออยากให้ลูกทุกคนได้หันกลับมาพิจารณาตัวเราดูว่า ตลอดปี พ.ศ.๒๕๔๖ ที่ผ่านมา ตั้งแต่วันต้นปีจนถึงวันสุดท้ายของปี เราได้ใช้เวลา ๓๖๕ วัน เพื่อการสร้างบารมีให้ครบถ้วนบริบูรณ์ ยังมีความประมาทชะล่าใจในการดำเนินชีวิต หรือไม่ได้สั่งสมบุญบารมีทุกวันกันหรือยัง ถ้าใครยังก็ต้องมาคิดตั้งหลักของชีวิตใหม่ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ.๒๕๔๗ เป็นต้นไป ต้องตั้งใจใหม่กันว่า เราต้องเป็น คนที่แตกต่างจากเดิม อย่าเป็นคนเดิมๆ ที่ประมาทในการดำเนินชีวิต ไม่ได้สั่งสมบารมีกันอย่างเต็มที่
เราใช้บุญเก่ากันทุกวัน ที่เรายังสามารถ นั่ง นอน ยืน เดิน ยังรับประทานอาหารได้ ไปเที่ยวสนุกสนานเพลิดเพลิน ทำมาหากินได้ ยังมีแหวนเพชรใส่ มีเสื้อผ้าสวยๆ งามๆ รถ หรูๆ บ้านน่าอยู่ก็เพราะบุญเก่าของเรายังมีใช้อยู่ทุกวัน
บุญเก่าใช้ไปๆ ก็หมดไปทุกวัน แต่บุญใหม่ ซึ่งมีความจำเป็นสำหรับภพต่อๆ ไปในอนาคต และส่วนหนึ่งมีความจำเป็นทั้งในปัจจุบันนี้ด้วย บุญปัจจุบันสำคัญตอนใกล้จะละโลก เพราะเขาตัดสินกันที่ใครใจใสหรือใจหมอง ถ้าใจใสเพราะสั่งสมความดีก็ไปสวรรค์ ถ้าใจหมองด้วยบาปอกุศลก็ไปอบาย เราใช้บุญใหม่เพื่อเดินทางไปสู่สุคติ แล้วก็ไปเสวยสุขซึ่งเป็นส่วนของบุญบนโลกสวรรค์ ส่วนเศษของบุญก็ไว้ใช้ในเมืองมนุษย์ส่งผลในภพชาติถัดๆ ไปอีกยาว นาน เราจะมีชีวิตสุขสำราญ โดยมีอุปกรณ์ในการสร้างบารมีแค่ไหน ขึ้นอยู่กับปัจจุบันนี้ที่เรา ประกอบเหตุในการสั่งสมความดี
ปัจจุบันเราใช้บุญเก่ากันไปทุกวัน แต่ถ้าบุญใหม่นานๆ ทำที แล้วเราจะไปหวังเอาดีในภพเบื้องหน้าได้อย่างไร เราเป็นผู้ออกแบบ ชีวิต ไม่ใช่ใครจะมาลิขิตชีวิตของเรา เราอยากจะให้ชีวิตของเราในปัจจุบันและใน ภพต่อๆ ไปเป็นอย่างไร ก็แล้วแต่ใจของเราจะไขว่คว้าเอา
วิธีการในการสร้างบุญกุศล พระสัมมา-สัมพุทธเจ้าทรงสอนเอาไว้แล้วในบุญกิริยาวัตถุ ๓ ที่แปลว่า ทางมาแห่งบุญ ๓ ทาง คือ ทาน ศีล ภาวนา เราก็ต้องทำ ถ้าเราไม่ทำก็ไม่ได้บุญมาใช้ อยู่ๆ จะให้บุญหล่นทับนั้นไม่มี หรือจะหวังแค่อนุโมทนาบุญกับคนอื่น หรือหวังให้เขาทำบุญแล้วอุทิศบุญแบ่งให้เรา ก็ได้ทีละ นิดหน่อย อย่าไปหวังเลย อย่าไปยืมจมูกคนอื่น เขาหายใจ สู้เราทำเองไม่ได้ ได้บุญมากกว่า
อุปกรณ์ในการสร้างบารมีในอนาคต ประกอบไปด้วย รูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มรรคผล นิพพาน วิชชาธรรมกาย เกิดมาระลึกชาติได้ ก็มีกำลังใจจะสร้างความดีกันตั้งแต่เกิดเลย แล้วก็เข้าถึงธรรมกันตั้งแต่ยังเยาว์วัย มีสมบัติอย่างนี้ครบถ้วนบริบูรณ์จึงจะเหมาะสมกับการเกิดกันในภพชาติต่อไป
รูปสมบัติ คือ ต้องมีร่างกายที่แข็งแรง อายุยืน ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ แล้วก็รูปงามเป็นที่ดึงดูดตาดึงดูดใจของเพื่อนมนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลาย ครบถ้วนทั้ง อายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ
ทรัพย์สมบัติ มีไว้สำหรับทำให้เราสร้างบารมีอย่างอื่นได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น เพราะว่าเราไม่ต้องเสียเวลามาทำมาหากิน ช่วยลดปัญหาแรงกดดันในชีวิต
คุณสมบัติ คือ ความฉลาด ความรู้ ความสามารถ เราก็จะได้ ต้องมีให้พร้อม
ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มรรคผลนิพพาน ความสมปรารถนาในทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหมด ขึ้นอยู่กับบุญที่เราได้กระทำเอาไว้ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นภพหน้าจะดีได้ก็ขึ้นอยู่กับภพนี้ เราทำไว้ดี แล้วก็ต้องทำทุกๆ วัน ถ้านานๆ ทำที รูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ ก็กะพร่องกะแพร่งไม่สมบูรณ์
พิจารณาตัวเราในปัจจุบัน ทั้งทางกาย วาจา ใจ เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม เครื่องประดับ-ประดา บ้านช่อง พวกพ้องบริวาร ดวงปัญญา เป็นต้น เราจะเห็นว่ายังมีข้อบกพร่องมากทีเดียว จึงจำเป็นจะต้องแก้ไขในปัจจุบันนี้ เพราะฉะนั้น ปี พ.ศ.๒๕๔๗ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม นี้เป็นต้นไป เริ่มสั่งสมบุญกัน อย่าให้ขาดเลยแม้แต่วันเดียว ให้เตือนตัวเองด้วยการนำเอาปฏิทินแผ่นโต และเอาปากกาสีแดงขีดเอาไว้เป็นเครื่องหมายว่า ทุกๆ วันเราได้สั่งสมบุญทั้ง ทาน ศีล ภาวนา ครบถ้วน
ทุกคืนก่อนเข้านอนให้สำรวจตัวเองว่า ตลอดทั้งวันตั้งแต่ตื่นนอนกระทั่งก่อนเข้านอน เราทำความดี ครบถ้วนแล้วหรือยัง ทั้งทาน ศีล ภาวนา
ทำทาน เช่น ใส่บาตรพระตอนเช้า ให้วิทยาทาน ความรู้ ตั้งแต่สมาชิกภายในบ้านและนอกบ้านแล้ว ให้อภัยทานคนที่เคยล่วงเกินเรา ให้ธรรมทานเป็นกัลยาณมิตรกับเพื่อนมนุษย์ เป็นต้น รักษาศีล อย่างน้อยศีล ๕ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่พูดปด ไม่ดื่มสุราเมรัย เราครบถ้วนไหม และก็ทำภาวนา นั่งสมาธิทุกวัน
ถ้าวันนี้ทำแค่ทาน ก็ขีดเส้นเดียว ถ้าทำทานกับรักษาศีล ขีด ๒ เส้น ทำครบทั้งทาน ศีล ภาวนา ขีด ๓ เส้น เราพิจารณาการทำความดี ไปทุกๆ วัน พอถึงวันสิ้นปี พ.ศ.๒๕๔๗ เราก็นำปฏิทินทองนั้นมาดู เปิดดูทุกแผ่นเลยทุกวัน ทั้ง ๓๖๕ วัน เราทำบุญไม่เคยขาดเลยแม้แต่เพียงวันเดียว จะทำให้เรามีความปีติและภาคภูมิใจ เป็นความปีติที่เงินทองหาซื้อไม่ได้ และก็ภาพแห่งความดีจะเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ.๒๕๔๗ จนกระทั่งถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๗ เรื่อยไปเลย จะเป็นภาพแห่งความดีเกิดขึ้น พอเราดูไปทีละวันๆ เราจะ กระทำอะไรก็แล้วแต่ คิดพูดทำ ทั้งกาย วาจา ใจ จะเป็นภาพเกิดขึ้นให้ปลื้มปีติ แล้วภาพก็จะถูกเก็บไว้เป็นกรรมนิมิต คือภาพแห่งการ กระทำที่จะมาฉายให้เราเห็นอยู่คนเดียว ตอนวันสุดท้ายของชีวิต ก่อนที่เราจะหลับตาลาจากโลกนี้ไป
เพราะฉะนั้น เริ่มตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ.๒๕๔๗ เป็นต้นไป ขีดเส้นบนปฏิทินเมื่อทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา ขีดทุกๆ วัน เพื่อความปลื้มปีติและภาคภูมิใจของปี พ.ศ.๒๕๔๗ นี้นะลูกนะ