วารสารอยู่ในบุญ ธรรมะออนไลน์

พระธรรมเทศนา ปุจฉา-วิสัชนา บทความข่าว ผลการปฏิบัติธรรม ตักบาตรพระ บาลีน่ารู้ กฏแห่งกรรม ฝันในฝัน บวชพระ

บทความอยู่ในบุญ จุดเปลี่ยนชีวิต "แม่..." ที่ไม่รังแกลูก โดย ธัน ธนวรรธ

: โดย ธัน  ธนวรรธ

บันทึกเรื่องราวของชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นจากการมาวัดพระธรรมกาย :-

            มีแรงบันดาลใจ และเหตุผลหลายประการด้วยกัน ที่ทำให้ตัดสินใจนำเสนอเรื่องราวในแง่มุมของปัญหาการหย่าร้าง หรือแยกทางกันระหว่างสามีกับ ภรรยา ที่เคยรักกันมาก ซึ่งมีลูกที่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน มาเสนอ ในคอลัมน์นี้
 


             เพราะปัญหานี้ เป็นปัญหาที่พบมากเหลือเกินในสังคมปัจจุบันนี้ จนกลายเป็นเป็นเรื่องธรรมดาของสังคมไปแล้วแต่ ความธรรมดานั้น ก็ไม่ได้ทำให้ใครเคยชิน จนสามารถยอมรับได้กับความรู้สึกทั้งหมดที่เกิดขึ้น เพราะสิ่งนี้ได้ทำร้ายความรู้สึกของทุกฝ่ายทุกคนที่เกี่ยวข้อง และที่สำคัญคือ ลูก

             แน่นอน !! ไม่มีใครเลย อยากให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น โดยเฉพาะกับครอบครัวตัวเอง

             แต่ถ้าหากต้องเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราจะทำอย่างไร เพื่อเยียวยาและสร้างความเข้าใจอย่างถูกต้องให้กับลูก ผู้เป็นที่รักดั่งดวงใจและให้เขาพบความสุขที่แท้จริง แทนการสูญเสียที่ผันผ่านเข้ามาอย่างไม่ได้ตั้งใจในวัยอันบริสุทธิ์เช่นนั้น

             และในวันนี้ อ้อย หรือ สรัลรัตน์ ชื่นดี เธอสามารถให้มุมคิดจากจุดนี้ได้ดี แม้จะเลี่ยงไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ในที่สุดก็พบทางออกที่ดีให้แก่ลูก

             ซึ่งข้อคิดประเด็นนี้เหมาะมากสำหรับผู้อ่านทุกครอบครัว ยิ่งคนที่มีครอบครัวอบอุ่นอยู่แล้ว ยิ่งสมควรอ่าน เพื่อเลือกสรรหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกหลาน เรื่องนี้อาจเป็นแรงบันดาลใจให้คุณสร้างความสมบูรณ์แบบ ที่มีต่อครอบครัวให้เพิ่มขึ้น อย่างที่คุณ ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้



             ชีวิตในวัยสดใสของอ้อย เริ่มต้นเหมือนวัยรุ่นทั่วไป พบรักในวัยทำงาน จนตัดสินใจแต่งงานในที่สุด

             " หลังจากตัดสินใจแต่งงานได้ไม่นาน จึงลงทุนเปิดร้านขายโทรศัพท์มือถือที่มาบุญครอง ให้สามีเป็นคนดำเนินการจัดการ ส่วนตัวอ้อยคงทำงานอยู่บริษัทเดิม ออกไปทำงาน ๖ โมงเช้า กว่าจะถึงบ้านก็ ๓ ทุ่ม ทั้งที่แสนเหนื่อยกลับพบว่า รายได้ที่รับมา หมดไปจนแทบไม่เหลือ ตอนหลังถึงมาสืบรู้ว่า เงินสูญสลายไปกับการพนัน และผู้หญิง..."

             เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตถึงทำให้สามีเธอเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้ แต่เธอยังมีความหวังเสมอที่จะนำความรู้สึกดีๆ เดิมๆ กลับคืนมา โดยตัดสินใจมีลูก เพราะคิดว่าความผูกพันจะแก้ปัญหาได้ ไม่นานเธอก็ ตั้งครรภ์

             คุณคิดว่าอ้อย ตัดสินใจถูกไหม..??..??

             " ..รู้สึกที่ตัวเองตัดสินใจเช่นนี้คิดผิดมาก สามียิ่งห่างจากเราไปอีก บางคืนไม่กลับบ้านเลย ยิ่งทำให้เรายิ่งเครียดหนักขึ้นไปอีก สับสนมาก เสียใจได้แต่เงียบ ในที่สุดพบว่า เขามีภรรยาอีกคน ความรู้สึกตอนนั้นรับไม่ได้เลย เขาบอกว่ารักเราที่สุด ทุกอย่างที่เขาทำ ก็ทำไปเพื่อครอบครัว แต่การกระทำเช่นนี้หรือ คือสิ่งที่บอกว่ารักเรา... เราร้องไห้จนไม่เป็นอันกินอันนอน ไม่น่าเชื่อว่าทำไมเป็นไปได้ถึงขนาดนั้น พอหมดปัญญา อ้อยคิดหาทางออกโดยการฆ่าตัวตาย..!!..!!.."

             ยาฆ่าแมลงหัวกะโหลกไขว้ ถูกเปิดขวดขึ้น เตรียมจะกรอกปากให้ตายพร้อมลูกที่อยู่ในท้อง ขณะนั้นคราบน้ำตายังคงไหลนองหน้าอย่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุด และโชคร้ายอะไรจะเป็นของเธอเช่นนั้น มืออันเปียกชุ่มที่เต็มไปด้วยน้ำตาและเปรอะไปด้วยยาฆ่าแมลงในขวดนั้น ได้เผลอสัมผัสโดนปากอย่างไม่รู้ตัว ทำให้เธอมีอาการหายใจไม่ทัน ปากแห้ง อึดอัดอย่างรุนแรง และเสี้ยววินาทีแห่งความตายนี้เอง ทำให้เธอได้คิดว่าทำไมช่างทรมานขนาดนี้ เราคิดถูกแล้วหรือ จะยอมตายด้วยเรื่องเพียงแค่นี้หรือ เราต้องมีชีวิตอยู่สิ ต้องสู้ได้แม้ไม่มีเขา เราจะเลี้ยง ลูกเองให้ได้

             แต่ด้วยบุญเก่าที่เธอสั่งสมตามมาทัน ทำให้เธอ รอดมาได้ด้วยความอดทน พยายามช่วยเหลือตัวเองจนอาการดีขึ้น              รวมทั้งความปลอดภัยของลูกน้อยที่อยู่ในครรภ์ เพราะยาเข้าสู่ร่างกายเธอไม่มาก

             หลังจากเหตุการณ์นี้ มีอะไรเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นบ้าง..??

             ..ดูเหมือนความสุขจะกลับมาหาเธออีกครั้ง เพราะสามีได้กลับมาคืนดีกับเธอ แต่เรื่องราวกลับไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะตราบใดที่สามีเธอยังคงทำตัวเช่นเดิม ดื่มเหล้าหัวราน้ำในแวดล้อมบ้านที่เปิดโรงไพ่ขนาดครอบครัว งานการเดี๋ยวทำเดี๋ยวหยุด ไม่รับผิดชอบอะไร ซ้ำกลับกลายเป็นการเพิ่มภาระให้กับเธอมากขึ้น เธอจึงเริ่มมีความคิดอยากแยกกันอยู่กับสามี เพราะไม่อยากให้ลูกของเธอต้องพานพบกับ สิ่งเหล่านี้

             " ช่วงนั้น เราเตรียมวางแผนแยกกันอยู่กับสามี เพราะทนไม่ได้ที่ลูกต้องพบสภาพเช่นนี้ไปด้วย แต่ก็พลาดอีก ที่ตัวเองกลับตั้งท้องอีกครั้งอย่างไม่ตั้งใจ จึงตัดสินใจไปหาหมอเพื่อที่จะทำแท้งเอาเด็กออก เพราะหากแยกทางกับเขาแล้ว เอาลูกไปด้วยถึงสองคน ผู้หญิงตัวคนเดียวอย่างเราคงเลี้ยงลูกไม่ไหว ..."

             " ..เด็ก ๓ เดือนแล้วครับ" เป็นคำตอบจากหมอ เธอจึงฉุกคิดตัดสินใจใหม่ ว่าจะรักษาลูกไว้ เพราะรู้สึกถึงความมีชีวิตของลูกที่เริ่มเติบโตและรับรู้ได้แล้ว เธอคงต้องรับผิดชอบต่อชีวิตน้อยนั้นแล้ว แม้จะไม่ต้องการก็ตาม

             ความทุกข์ใจยังคงดำเนินต่อไป สุดท้ายเธอก็ได้กำเนิดบุตรชายที่น่ารักมากอีกคน แต่ด้วยความรู้สึกกดดันและบีบคั้นที่ผ่านไป แต่ละวันได้ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากพ่อของเด็กเข้าไปพัวพันกับการขายยาบ้า ดื่มเหล้าจัดขึ้น มีอาการประสาทหลอน จนทำร้ายร่างกายเธออย่างทารุณโดยที่พ่อเด็กเองก็ไม่รู้ตัว

                 ถ้าคุณเป็นเธอ คุณจะตัดสินใจอย่างไร

             อยู่กับพ่อเด็กต่อไป หรือ แยกทางกับเขาอย่างเด็ดขาดเพื่อตัวเธอเอง และลูก..


             ใช่..!! เธอเลือกที่จะแยกทาง

             ตอนนี้เธอกลายเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ต้องมากไปด้วยความรับผิดชอบ ต้องเลี้ยงลูกเองทั้ง ๒ คน

             " หลังจากที่แยกทางกับพ่อของลูกอย่างเด็ดขาดแล้ว ในใจในบอกตัวเองเสมอๆ ว่า เราต้องเป็นผู้หญิงแกร่งแล้วนะ ต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง ไม่มีเขา เราก็อยู่ได้ แต่ลึกๆ แล้วอยู่ได้ด้วยทิฏฐิมานะตัวเดียวจริงๆ เราต้องแสดงออกตลอดเวลาว่า เราแกร่ง เราก็เป็นผู้หญิงอกสามศอกคนหนึ่ง ที่มีความสามารถมากพอ ที่จะดำรงชีวิตอย่างมีความสุขพร้อมลูกได้แม้ไม่มีเขา..."

             เธอพยายามไขว่ขว้าหาที่ยึดอะไรสักอย่างที่แสดงออกถึงความเข้มแข็ง ความไม่มีทุกข์ ความร่าเริง โดยไปร่วมสังสรรค์กับเพื่อนๆ ทุกเย็น ไปดื่มเหล้า ดื่มเบียร์ เข้าผับ ในตอนเย็นหลังเลิกงานทุกวัน เธอยังบอกอีกว่า เธอ
 

             สามารถดื่มได้เรื่อยๆ โดยไม่เมา บางทีถึงเช้าก็มี แต่ที่ทำไปไม่ใช่เพราะเธอติด ทำไปเพื่อบอกให้โลกรู้ว่า เธอเข้มแข็งนะ เธอร่าเริงได้ แม้ขาดเขา...

             เธอรู้เสมอว่าการกระทำเช่นนี้นั้นไม่ดีสำหรับการให้ลูกรับรู้ แต่ทำอย่างไรได้ ในเมื่อเธอยังไม่พบทางเลือกที่ดีกว่า
ดื่มเพื่อแกร่ง เข้มแข็ง และร่าเริง... เธอเข้าใจอย่างนั้นจริงๆ

             และที่น่าสังเกตจากจุดนี้คือ เรื่องลูก เธอยังคงเลี้ยงลูกดีอยู่หรือ..??

             " ทุกครั้งที่ปิดเทอม อ้อยจะส่งลูกไปต่างจังหวัดให้ไปอยู่กับคุณตา คุณยายซึ่งมีหลานๆเป็นวัยรุ่น การทำแบบนี้ คิดว่าจะทำให้ลูกสามารถปรับตัวได้เก่ง เข้ากับคนได้ง่าย"

             แต่หากเธอมารับรู้ในภายหลังว่าแวดล้อมลูกๆเธอนั้น เต็มไปด้วยวัยรุ่นที่ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะแวดล้อมไปด้วย ยาเสพติด ประกอบกับมีพฤติกรรมหนีเรียน เสี่ยงต่อการเสียคน ค่อนข้างมาก เธอจึงใช้วิธีอธิบายถึงข้อดีข้อเสียให้ลูกเข้าใจ แต่ก็ กังกลว่าในอนาคต ถ้าลูกโตมากกว่านี้ ลูกจะยังคงเชื่อฟังเราอยู่ไหม และจะสามารถดูแลลูกเหมือนตอนนี้ได้อีกรึเปล่า

             ..น่าคิด ซึ่งเธอก็กำลังคิดอยู่เหมือนกันว่าจะหาทางออกอย่างไร..??
และแล้วทางเลือกใหม่ ในชีวิตก็ก้าวเข้ามา โดยมีคุณสุดเขต ศรีมาเอ่ยชวนเธอไปปฏิบัติธรรมที่พนาวัฒน์ จ.เชียงใหม่ จากจุดเริ่มต้น ที่ดีเช่นนั้นเปลี่ยนแปลงชีวิตเธออย่างสิ้นเชิง และเป็นจุดเริ่มสิ่งดีๆ ให้เข้ามาในชีวิตเธออย่างมากมาย


             " เรารู้สึกเข้าใจอะไรเพิ่มมากขึ้น จากการได้มานั่งสมาธิ ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ฟัง คำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ และพระอาจารย์ทุกวัน ทำให้รู้และเข้าใจถึงเป้าหมายการเกิดมาเป็นมนุษย์ว่า แท้จริงแล้ว เราเกิดมาเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง แสวงบุญ สร้างบารมี และความสุขที่แท้จริง คือสุขที่เกิดจาการหยุดนิ่ง สงบ มีอิสระที่ได้รับจากการฝึกสมาธิ พอมาทราบตรงนี้ ทำให้รู้ตัวว่าเราเดินผิดทางมาตลอดด้วย ความไม่รู้ หลังจากนั้นพอกลับไปที่กรุงเทพฯ เราก็หักดิบเลิกเหล้า เลิกไปดื่มกับเพื่อน..."

             เมื่อเธอเข้าใจเป้าหมายที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว การทำหน้าที่กัลยาณมิตร และผู้นำบุญ เป็นสิ่งต่อไปที่เธอตัดสินใจทำอย่างทุ่มเท

             " จากการที่เข้าวัดมาประมาณ ๙ เดือน แล้วทำหน้าที่กัลยาณมิตรชวนคนไปปฏิบัติธรรมอย่างไม่ขาดเลย โดยที่เราเป็นเสมือนเลขากลุ่ม คอยประสานงานให้คนไปปฏิบัติธรรม โทรตาม ทำหน้าที่ไม่ขาด และยังได้ขึ้นไปปฏิบัติธรรมที่พนาวัฒน์ถึง ๓ ครั้ง มาวัดทุกวันอาทิตย์ ทำอย่างนี้จนหลายคนเขาสงสัยว่า ทำไมเราทุ่มเทขนาดนี้ ทำแล้วเราได้อะไรบ้าง ต้องขอตอบว่า "อ้อยได้ความสุข มีความสุขมาก จากเมื่อก่อนคิดว่าความสุขคือการไปสังสรรค์ หยิ่งด้วยทิฏฐิว่าเรามีความสุข เราเลี้ยงลูกได้ เราประสบความสำเร็จ แต่ที่ผ่านมามันไม่ใช่เลย เหมือนเราไปยึดอะไรสักอย่างที่มันผิด รู้สึกผิด แต่กลับบอกว่ามันถูก..."

             ชีวิตเธอเปลี่ยนไปมากหลังจากที่เข้าวัดปฏิบัติธรรม และที่สำคัญที่สุด คือการแสวงหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกรักทั้ง ๒

             " ..เราเองทำหน้าที่ผู้นำบุญกัลยาณมิตรมาตลอดไม่ขาดเลย มาศูนย์กัลยาณมิตรทุกวันพฤหัสฯ และก็ประสบความสำเร็จในการชวนลูกทั้ง ๒ คนมาวัด มาเป็นอาสาสมัคร มาทำหน้าที่ผู้นำบุญเหมือนอย่างเรา พาเขามาบูชาเจดีย์ มาเข้าโรงเรียนอนุบาลฝันในฝัน ฟังธรรมจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อจนเขาเข้าใจถึงเป้าหมายการเกิดมาของชีวิตว่า เขาเกิดมาทำไม ทั้งๆ ที่คนโตอายุ ๑๐ ขวบ คนเล็ก ๘ ขวบ เคยคิดว่าเด็กไม่น่าจะเข้าใจอะไรมาก แต่แปลกเอามากๆ เขาเข้าใจเกือบทุกอย่างได้ดีทีเดียว เข้าใจเรื่องการสร้างบารมี เข้าใจเรื่องการทำหน้าที่ผู้นำบุญ ถึงขนาดถามเราว่า แม่ๆ ถ้าชาติหน้าแม่ไม่เจอวัดไม่เจอหลวงพ่อ แม่จะทำอย่างไร? ..คือใจเขาอยากจะติดตามสร้างบารมีกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อไป ทุกชาติ เราก็ตอบเขาไปว่าต้องเจอซิลูก เพราะเราจะเร่งสร้างบารมีอย่าให้ขาด เราต้องอดทน ไม่ท้อถอย เพื่อจะได้มาเจอหมู่คณะสร้างบารมีร่วมกันอีก และมากไปกว่านั้นเขายังรู้สึกว่าเขาเข้าวัดช้าไป เขาน่าจะเข้าวัดได้ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ เหมือนน้องวันสว่าง ที่เป็นเด็กมีบุญ ทำให้แม่รู้สึกอยากทำหน้าที่เป็นผู้นำบุญตั้งแต่อยู่ในท้องจนกระทั่งวินาทีที่เข้าไปคลอดที่โรงพยาบาล เขาเลยรู้สึกว่า เขาน่าจะเป็นอย่างนี้บ้าง..."

             เธอนับว่าเป็นคุณแม่ที่โชคดี และประสบความสำเร็จเอามากๆ ที่มีลูกที่รักและเข้าใจเรื่องการทำบุญตั้งแต่เล็กๆ ลองมาดูถึงวิธีการของเธอกัน...

             " ก็คือทำเป็นต้นแบบให้ดู ถ้าอยากให้ ลูกดีอย่างไร เราต้องเป็นต้นแบบในสิ่งนั้นให้ได้ และที่สำคัญเราค่อยๆ พูดข้อดี และประโยชน์ของการมาวัด ด้วยวิธีการที่ฉลาดให้เขาฟัง เพราะเด็กๆ วัยนี้ส่วนใหญ่จะมีทางเลือกหลายอย่างที่ค่อนข้างมอมเมาจิตใจ พอพาเขามาวัดครั้งแรกเราก็พาเขาเข้าไปในกลุ่มเพื่อนวัยเดียวกับเขา โดยพาไปสมัครเป็นอาสาสมัครช่วยงานวัดวันอาทิตย์ ซึ่งวัดนี้ดีมากที่มี ระบบรองรับ คือจะมีพี่ๆ มีพระอาจารย์เป็นกัลยาณมิตรคอยอบรมแนะนำให้ ทำให้เขา คิดเป็น เข้าใจเรื่องบุญบาป เป้าหมายชีวิตของการเกิดมาเป็นมนุษย์ จนทุกวันนี้ลูกๆ ติดวัด จะมากันไม่ขาดในทุกอาทิตย"

เห็นคุณแม่บอกว่าฝ้ายทำหน้าที่ผู้นำบุญด้วย ฝ้ายทำอย่างไรบ้าง

น้องฝ้าย : ก็จะเอาหนังสือธรรมะไปให้เพื่อนที่โรงเรียนอ่าน บอกว่าเธอเอาไปให้ คุณพ่อคุณแม่เธอนะ แล้วกลับมา                เล่าให้เราฟังด้วยว่าพ่อแม่เธอ ว่าอย่างไรบ้าง แล้วก็ชวนเพื่อนๆ แถวบ้านมาวัด อย่างวันนี้ก็ชวนพี่เก่งมา                อาทิตย์หน้าจะชวนก้อยมา  ที่ชวนเพื่อนแถวบ้านก่อน เพราะมีโอกาสพูดคุยกับคุณพ่อคุณแม่เขาด้วย                จะง่ายกว่าชวนเพื่อนในห้องเรียน เพราะเพื่อนในห้อง โอกาสที่จะเจอคุณพ่อคุณแม่เขายากกว่า

             " ส่วนน้องฟอร์ดลูกชายคนเล็ก เดี๋ยวนี้มา วัดไม่ขาดเลย เขาจะรีบตื่นตั้งแต่ตี ๕ มีบางครั้งที่คุณยายสงสัย ก็เลยถามว่า วันนี้ทำไมตื่นเร็ว น้องฟอรด์เขาจะตอบว่า "จริงๆ ไม่อยาก ตื่นหรอก แต่มันเป็นหน้าที่ ต้องไปวัดไปทำหน้าที่ต้อนรับหลวงพ่อ" ฟังอย่างนี้แล้วคนเป็นแม่อย่างเราก็ปลื้มใจ ปลื้มมาก ที่ลูกเข้าใจเส้นทางการสร้างบารมี เข้าใจว่าชีวิตเกิดมาทำไม อดีตที่ผิดพลาดในครอบครัวเรา จะอธิบายตามตรงให้ลูกฟังว่า มันอาจเป็นอดีตที่ผิดพลาด ของเรา ที่เคยทำมา แต่อนาคตเราสร้างใหม่ได้ เราต้องทำให้ดีเพราะตอนนี้เรามีโอกาสแก้ตัวแล้ว ซึ่งลูกๆก็เข้าใจ ประกอบกับการที่เราได้มาพบพระเดชพระคุณหลวงพ่อแล้ว เราต้องสร้างบุญ สร้างความดีใหม่ๆ ให้กับชีวิตเรา เพื่อเราจะได้พบชีวิตใหม่ที่ดีขึ้น

             เพราะจากสภาพครอบครัว ลึกๆ ก็กลัวเหมือนกันว่าลูกจะมีปัญหา แต่โชคดีที่เรานำเขาเข้ามาในเส้นทางที่ถูกต้องที่สุดได้ทันเวลา เพื่อให้เขามีที่พึ่ง มีธรรมะ รู้จักการคิดเป็นจะได้ไม่ดำเนินชีวิตผิดพลาด ไม่พลั้งเผลอกลายเป็นเด็กติดยา เกเร แต่จะทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกันคือทำแต่ความดี ตั้งใจเรียน รักการนั่งสมาธิ บำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ ซึ่งเขาก็สนุก มีความสุขและเต็มใจ..."

             จากจุดพลิกผันของชีวิตในเรื่องนี้ เราพบว่า คุณแม่สามารถสร้างความเข้าใจและมอบหนทางที่ถูกต้องให้กับลูก ซึ่งสิ่งนี้จำเป็นมากที่เราจะต้องสอนลูกตั้งแต่ยังเล็กๆ เพื่อเขาจะได้ไม่กลายเป็นเด็กมีปัญหาต่อไปในอนาคต

             อย่าเสียเวลาไปคิดแทนลูกว่า เขาคงไม่อยากมาวัด เพียงคำปฏิเสธจากเขาไม่กี่ครั้ง เพราะในเมื่อต้องเสียเวลาคิดเหมือนกันแล้ว มาคิดดีกว่าว่า จะใช้ศิลปะอย่างไร ในการชักชวนเขามา

             หากเราเลือกแล้วที่จะไม่ให้ลูกเป็นเด็กติดยา ไม่ต้องการให้เขาเป็นเด็กเกเร ต้องการให้เขาใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ หรือสิ่งที่ปรารถนาในใจที่อยากให้เขาเป็น เราจะพบว่าวิธีการเช่นนี้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดี อย่างที่คุณแม่ตัวอย่างในเรื่องนี้ได้ทำสำเร็จมาแล้ว

             เพราะเธอคือ คุณแม่ ที่ไม่รังแกลูก

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

บทความอยู่ในบุญทั้งหมด ฉบับที่ ๑๘ ประจำเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๔๗

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล