(ภาพต่อจากฉบับที่แล้ว เรื่องอาภัพ ๑๘ ประการ)
๘. เมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์ ย่อมไม่เป็นคน นิยตมิจฉาทิฏฐิ หมายถึง พวกที่มีความเห็นผิด อันไม่มีขอบเขต เป็นรากเหง้าของวัฏฏะ ไม่มีโอกาสหลุดพ้นจากภพ เป็นผู้ถูกห้ามหนทางสวรรค์ และหนทางมรรคผลนิพพาน
การสร้างบารมีเพื่อที่จะเป็นพระพุทธเจ้าได้นั้น จะต้องอาศัยกำลังใจอันมหาศาลและใช้ระยะเวลาในการสร้างบารมีที่ยาวนาน จนกว่าจะได้มาตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง พระพุทธเจ้าจึงแบ่งได้เป็น ๓ ประเภท ตามพระบารมีที่ได้สั่งสมอบรมมา คือ
๑.พระปัญญาธิกพุทธเจ้า คือ พระพุทธเจ้าที่ทรงสร้างบารมีประเภทมีปัญญาแก่กล้า มีปัญญาบารมีมาก คือรีบจะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ก็จะมีพุทธบริษัท ๔ อยู่จำนวนหนึ่งที่จะพาเข้านิพพาน
ใช้ระยะเวลาในการสร้างบารมี ๒๐ อสงไขยกับอีกแสนมหากัป เริ่มตั้งแต่ทรงดำริในพระทัยว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าใช้เวลา ๗ อสงไขย เมื่อสั่งสมกุศลธรรมแล้ว เปล่งวาจาว่าอยากจะเป็น พระพุทธเจ้าใช้เวลาอีก ๙ อสงไขย แล้วหลังจากได้รับพุทธพยากรณ์ครั้งแรกว่า จะได้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคตกาลภายภาคเบื้องหน้าใช้เวลาอีก ๔ อสงไขยกับอีกแสนมหากัป รวมแล้วใช้เวลาสร้างบารมีทั้งหมด ๒๐ อสงไขยกับอีกแสนมหากัป
๒.พระสัทธาธิกพุทธเจ้า คือ พระพุทธเจ้าที่ทรงสร้างบารมีประเภทมีศรัทธาแก่กล้า คือมีศรัทธามาก ยืดเวลาไปอีกอยู่ในระดับกลาง ยังไม่รีบเข้านิพพาน จะขอรวบรวมพุทธบริษัท ๔ ให้ได้มากๆ แล้วจะได้พาเข้านิพพานทีละมากๆ
ใช้ระยะเวลาในการสร้างบารมี ๔๐ อสงไขยกับอีกแสนมหากัป เริ่มตั้งแต่ทรงดำริในพระทัยว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าใช้เวลา ๑๔ อสงไขย เมื่อสั่งสมกุศลธรรมแล้วเปล่งวาจาว่าอยากจะเป็นพระพุทธเจ้าใช้เวลาอีก ๑๘ อสงไขย และหลังจากได้รับพุทธพยากรณ์ครั้งแรกว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าใช้เวลา ๘ อสงไขยกับอีกแสนมหากัป รวมแล้วใช้เวลาสร้างบารมีทั้งหมด ๔๐ อสงไขยกับอีกแสนมหากัป
๓.พระวิริยาธิกพุทธเจ้า คือ พระพุทธเจ้าที่พระองค์ทรงสร้างบารมีประเภทมีความเพียร แก่กล้า เรียกว่า ปรารถนาจะนำพาพุทธบริษัท ๔ เข้านิพพานไปให้ได้มากๆ จะใช้เวลานานแค่ไหนก็ยอม เหมือนอย่างพระศรีอาริย ์
ใช้ระยะเวลาในการสร้างบารมี ๘๐ อสงไขยกับอีกแสนมหากัป อีกหนึ่งเท่าของประเภท สัทธาธิกพุทธเจ้า เริ่มตั้งแต่ทรงดำริในพระทัยว่าอยากจะเป็นพระพุทธเจ้าใช้เวลา ๒๘ อสงไขย เมื่อสั่งสมกุศลธรรมแล้ว เปล่งวาจาว่าอยากเป็นพระพุทธเจ้าอีก ๓๖ อสงไขย และหลังจากได้รับพุทธพยากรณ์ครั้งแรกว่า จะได้เป็นพระพุทธเจ้าใช้เวลาอีก ๑๖ อสงไขยแสนมหากัป รวมแล้ว ๘๐ อสงไขยกับอีกแสนมหากัป
พระพุทธเจ้าแบ่งได้ ๓ ประเภท ตามพระบารมีที่ได้สั่งสมอบรมมา
พระพุทธเจ้าทั้ง ๓ ประเภท เมื่อจะได้รับคำพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าเป็นครั้งแรกนั้น ถ้าหากพระโพธิสัตว์เปลี่ยนใจไม่ปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้า แต่มีความประสงค์ที่จะเป็นพระสาวกของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ก็สามารถบรรลุเป็นพระอรหันตสาวกได้ทันที คือมีกำลังบารมีมากถึงขนาดนั้น แต่ว่าถ้าตั้งใจอย่างแน่วแน่แล้วมักจะไม่ค่อยเปลี่ยนใจ ที่เปลี่ยนใจก็มีมากเหมือนกัน ไม่เปลี่ยนใจก็มาก มากกว่า เมล็ดทรายในท้องมหาสมุทรทั้ง ๔ นั่นแหละ
อันที่จริง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราพระองค์นี้ พระองค์ปรารถนาจะมีอายุยืนถึง ๑ กัป ได้ทรงให้นัยกับพระอานนท์ถึง ๑๖ ครั้งว่า ตถาคตเจ้ารู้วิธีการที่จะทำให้อายุยืนถึง ๑ กัป ไม่ใช่กัปแค่ ๑๒๐ ปี อย่างที่เขาเขียนกันในตำรับตำรานะ ๑ กัปนี่ยาวเลยนะ ยาวนานมาก พระองค์ทรงรู้วิธีการ คือเข้าอนิมิตเจโตสมาธิ โดยมีอิทธิบาท ๔ คือ มีฉันทะปรารถนาจะอายุยืนๆ อย่างนั้น มีวิริยะ คือ ความเพียรที่จะให้อายุยืนๆ มีจิตตะ คือ มีใจจดจ่อที่จะทำให้อายุยืนให้ได้เลย และมีวิมังสาคือดูว่า ทำอย่างไรอายุจะยืน แล้วเข้า อนิมิตเจโตสมาธิโดยอาศัยธรรมกายอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งทำได้เฉพาะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์เดียว