การช่วยกันสร้างเครือข่ายคนดีมีความสำคัญอย่างไร ทำไมถึงต้องสร้าง?
ก่อนอื่นต้องมาทำความเข้าใจกันเสียก่อน คำว่า "เครือข่ายคนดี" มาจากคำว่า "กัลยาณมิตตตา"
โดยตัวเนื้อหาสาระแล้ว พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนเอาไว้ว่า ไม่ว่าเราจะประกอบอาชีพใดๆ ก็ตาม ถึงแม้เราจะมีความสามารถในการประกอบธุรกิจนั้นๆ มากมายอย่างไร เราก็ยังมีความจำเป็นที่จะต้องมีคนดีเอาไว้เป็นเพื่อนมากๆ
เพราะฉะนั้น เครือข่ายคนดี ในที่นี้ จึงหมายถึง การมีคนดีเป็นเพื่อนมากๆ ซึ่งมี ความสำคัญอย่างมาก เพราะว่าเราจะได้ซึมซับเอาความดีมาไว้ในตัวเองได้จากรอบทิศ
เนื่องจากในวันหนึ่งๆ เราหมดเวลาส่วนมาก ไปกับเรื่องของการทำมาหากิน
ส่วนความรู้ ความดี โดยเฉพาะธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่จะเอามาใช้ปรับปรุงแก้ไขตัวเอง มาใช้ปราบกิเลสที่อยู่ในตัว เราแทบจะไม่มีเวลาไปค้นคว้าพระไตรปิฎกมาศึกษากันเลย
ยิ่งเวลาสำหรับไปวัดแทบหากันไม่ค่อยจะได้
แล้วทำอย่างไรจึงจะให้ความดีมาถึงบ้านได้ ก็มีทางเดียว คือการคบคนดีไว้เป็นมิตรมากๆ
เพราะฉะนั้น ความสำคัญของการสร้างเครือข่ายคนดี หรือการมีเพื่อนเป็นคนดีมากๆ จึงอยู่ตรงที่ว่า ยิ่งสร้างได้มากเท่าไร ความดีก็จะไหลเข้าสู่ตัวเรา เข้าสู่บ้านเรา ได้มากเท่านั้น
แล้วไม่สร้างก็ไม่ได้ เพราะเป็นธรรมดาว่า ถึงเราไม่สร้างเครือข่ายคนดี แต่ก็จะต้องมีคนเข้ามาหาเรา เข้ามาคบกับเราอยู่ดี
เพราะว่าธรรมชาติของคนเรา ย่อมอยู่คนเดียวเพียงลำพังในโลกไม่ได้ จึงต้องมีการพึ่งพาอาศัยกัน เนื่องจากทักษะในด้านการทำมาหากิน และความรู้ในด้านธรรมะ ที่แต่ละคนมีอยู่นั้น ไม่พอ ในการดำรงชีวิต
เพราะฉะนั้น พอมีรายได้จากอาชีพก็เอาเงินที่ได้มา ไปแลก ไปเปลี่ยน เป็นปัจจัย ๔ มาหล่อเลี้ยงชีวิต นี่คือความจำเป็นที่คนเราจะต้องพึ่งพาอาศัยกัน
ในเมื่อต้องพึ่งพาอาศัยกันอย่างนี้ จึงเกิดเพื่อนขึ้นมาโดยอัตโนมัติ เช่น เวลาไปซื้อข้าวซื้อของ จนกระทั่งคุ้นเคย ก็เลยกลายเป็นเพื่อนกัน หรือว่าอยู่บ้านใกล้เรือนเคียง ถึงคราวป่วยคราวไข้ ก็ต้องพึ่งพาอาศัยกัน เป็นต้น
แต่ว่าการพึ่งพาอาศัยกัน ก็ต้องระมัดระวังให้ดี เพราะในโลกนี้ย่อมมีทั้งคนดีและคนเลว มีทั้งของแท้และของปลอม
แล้วทำอย่างไรจึงจะได้แต่ของแท้ ของดี ไม่ใช่ได้ของเก๊ ของปลอม ของเทียม ก็ได้มาจากคนดีที่เราคบ
เพราะฉะนั้น ถ้าเราไม่รีบเลือกคบคนดีๆ แต่กลับไปคบคนชั่วเข้า คนชั่วเหล่านั้นก็จะเอาของปลอมมาให้เรา หรือสื่อสารสิ่งที่ผิดๆ ให้กับเรา ผลสุดท้าย เราเลยอยู่ท่ามกลางคนชั่ว คนพาล ไปโดยที่ไม่รู้ตัว
ไม่อย่างนั้น เราก็จะกลายเป็นคนที่ไม่มี ทางเลือก เพราะว่าบ้านนี้เมืองนี้มีโจรเกิดขึ้น เต็มไปหมดแล้ว
เมื่อโจรเต็มบ้านเต็มเมือง คอรัปชั่นเต็มบ้าน เต็มเมือง เด็กนักเรียนยกพวกตีกันเต็มบ้านเต็มเมือง แก๊งยาเสพติดเต็มบ้านเต็มเมือง แล้วพวกเราจะอดทนอยู่เฉยๆ หรือว่าจะมาช่วยกันแก้ไข
ถ้าเราอดทนอยู่เฉยๆ ชาตินี้ชีวิตก็คงจะแย่ลงไปทุกวัน ยิ่งลูกหลานที่จะเกิดมาในภายหน้า ก็จะลำบากหนักเข้าไปอีก
แต่ถ้ามาร่วมมือกันสร้างเครือข่ายคนดีเสียตั้งแต่วันนี้ คือไม่ว่าจะประกอบอาชีพอะไร พอได้เงินมา ก็แบ่งเงินส่วนหนึ่งมาสร้างเครือข่ายคนดี โดยใช้ในการต้อนรับแขก ใช้ในการไปคบค้าสมาคมกับคนอื่น พอรู้ว่าใครเป็นคนดีอยู่ที่ไหน เราก็ตามไปคบกับเขาถึงที่นั่น
ในที่สุด ก็จะกลายเป็นการเอาความดีไปแลกเปลี่ยนกันในสังคม ความดีที่เรามีอยู่ก็เอาไปให้เขา ใครมีความดีอะไรก็เอามาให้เรา ความดีที่ได้มา ก็จะฆ่าความไม่ดีที่เรามีอยู่ให้หมดไป ความดี ที่เรามี เมื่อแจกไปให้คนอื่น ก็จะไปฆ่าความไม่ดีของคนอื่นให้หมดไป
เมื่อแลกเปลี่ยนความดีเพื่อไปฆ่าความเลวกันไปเรื่อยๆ อย่างนี้ คนดีก็จะเกิดขึ้นในบ้านในเมือง มากมาย แล้วตัวเราเอง รวมทั้งลูกหลาน บริวารว่านเครือเนื้อหน่อของเรา ก็จะพลอยเป็นคนดีตามหมู่คณะไปด้วย
เพราะฉะนั้น การสร้างเครือข่ายคนดี จึงกลายเป็นการสร้างสังคมที่ดีขึ้นมา คือ
ดีทั้งการเพิ่มพูนศีลธรรมให้กับตัวเองและคนรอบข้างในสังคม
ดีทั้งในการประกอบอาชีพ เพราะจะได้ไม่มีการบีบคั้นกันทางด้านการค้า ไม่มีการทำลายกันทางด้านธุรกิจ ไม่มีการเลื่อยขาเก้าอี้ ไม่มีการ หักหลังกัน
เมื่อการสร้างเครือข่ายคนดีมีความสำคัญ มีความจำเป็นอย่างนี้ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เวลาทำมาหากินได้ ก่อนจะเอามากิน ก่อนจะเอามา ใช้จ่ายในเรื่องอื่นๆ ก็ควรแบ่งงบส่วนหนึ่งไปสร้างเครือข่ายคนดีกันเสียก่อน แล้วเราจะเจริญ ทุกคนจะเจริญ โลกนี้จะเจริญ ด้วยเครือข่ายคนดีหรือกัลยาณมิตตตานี่เอง
