วิธีครองรักให้ยั่งยืน
หนังสือมงคลชีวิต ฉบับธรรมทายาท ที่พระอาจารย์สมชาย ฐานวุฑฺโฒ เป็นผู้เรียบเรียงได้กล่าวถึงธรรมะในหัวข้อเรื่อง "วิธีการครองรักให้ยั่งยืน" ซึ่งนับว่าเป็นหลักธรรมที่สามีภรรยาควรหามาอ่านอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้จึงขอคัดลอกเนื้อหาเรื่องนี้จากหนังสือเล่มดังกล่าวมาลงทั้งหมด เพื่อให้เกิดความสะดวกในการศึกษาธรรมะเกี่ยวกับการครองเรือนตามหลักคำสอนในพระพุทธศาสนาต่อไป
1. วิธีทำให้ความรักยั่งยืน
การเป็นสามีภรรยากัน เป็นเรื่องที่ว่ายากก็เหมือนง่าย แต่ครั้นจะว่าง่ายก็เหมือนยากเพราะเพียงแต่เราตั้งคำถามว่า ทำอย่างไรสามีภรรยาจึงจะมีความรักยั่งยืนอยู่กินราบรื่นเพียงประเด็นเดียว แล้วลองเที่ยวหาคำตอบดูเถอะ ถามสิบคนก็ตอบสิบอย่าง บ้างก็ว่าเกี่ยวกับดวงชะตาคู่ธาตุ ต้องวางฤกษ์วางลัคนาให้เหมาะ ๆ บ้างก็ว่าเป็นเรื่องของพรหมลิขิต ที่หัวสมัยใหม่หน่อยก็ว่าสำคัญที่แหวนหมั้นขันหมากเงินทุนให้มาก ๆ ไว้ ความสุขในชีวิตสมรสจะมีเอง
แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเรื่องมงคลสมรสไว้สั้น ๆ เพียงคำเดียวว่าสังคหะ แปลว่า การสงเคราะห์กัน และให้ปฏิบัติตามหลัก "สังคหวัตถุ 4" เพื่อเป็นการยึดเหนี่ยวน้ำใจกัน ดังนี้
1. ทาน คือ การให้ปันแก่กัน
คนเราถ้ารักกันอยู่ด้วยกัน ต้องปันกันกินปันกันใช้ หามาได้แล้วควรรวมกันไว้เป็นกองกลางแล้วจึงแบ่งกันใช้ หากไม่เอามารวมกัน อาจเกิดการระแวงกันได้ ที่ใดปราศจากการให้ ที่นั่นย่อมแห้งแล้งเหมือนทะเลทราย การปันกันกินนี้ รวมทั้งการปันทุกข์กันในครอบครัวด้วย เมื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมีความทุกข์ มีปัญหา ก็ควรนำมาปรึกษากันได้
2. ปิยวาจา คือ พูดกันด้วยวาจาไพเราะ
แม้การตักเตือนกันก็ต้องระมัดระวังคำพูด ถ้าถือกันเป็นกันเองเกินไป อาจเกิดทิฏฐิมานะ ทำให้ครอบครัวไม่สงบสุข โดยถือหลักว่า ก่อนแต่งงานเคยพูดไพเราะอย่างไรหลังแต่งงานก็พูดไพเราะอย่างนั้น
3. อัตถจริยา คือ ประพฤติตนเป็นประโยชน์ต่อกัน
เมื่อรู้ว่าอะไรดีหรือไม่ดี ควรหรือไม่ควร ก็นำมาเล่าสู่กันฟัง พยายามศึกษาหาความรู้ทางธรรม เอาใจมาเกาะกับธรรมให้มากสามีภรรยานั้น เมื่อทะเลาะกันมักโยนความผิดให้อีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งแท้จริงแล้ว ย่อมมีความผิดด้วยกันทั้งคู่ อย่างน้อยก็ผิดที่ไม่หาวิธีเหมาะสมตักเตือนกัน ปล่อยให้อีกฝ่ายหนึ่งทำความผิด
4. สมานัตตตา คือ การวางตนให้เหมาะสมกับที่ตนเป็น
เป็นพ่อบ้านก็ทำตนให้ มกับเป็นพ่อบ้าน เป็นแม่บ้านก็ทำตนให้สมกับเป็นแม่บ้านต่างก็วางตนให้เหมาะสมกับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายทั้งในบ้านและนอกบ้าน ซึ่งข้อนี้จะประพฤติปฏิบัติให้ดี ต้องฝึกสมาธิให้ใจผ่องใสเป็นปกติ เพราะคนที่ใจผ่องใสจะรู้ว่าในภาวะเช่นนั้น ควรจะวางตนอย่างไร ไม่ระเริงโลกจนวางตนไม่เหมาะสมโดยสรุป คือ การปฏิบัติสังคหวัตถุ 4 คือ การปฏิบัติตนตามวิธีการทำบุญในพระพุทธศาสนา 3 ประการ คือ
ทาน - การให้ปันสิ่งของ
รักษาศีล - เพื่อให้มีคำพูดที่ไพเราะ และเพื่ออุดข้อบกพร่องของตนจะได้เป็นคนมีประโยชน์
เจริญภาวนา - การฟังธรรมและทำสมาธิ เพื่อให้ใจผ่องใสเกิดปัญญา จะได้วางตนเหมาะสมกับที่ตนเป็น
2. หน้าที่ของสามีภรรยา
มีความเห็นว่า การที่คู่รักจะรักกันยั่งยืนนั้น ทั้งสามีและภรรยาก็ต้องทราบถึงหน้าที่ที่ต่างฝ่ายพึงต้องปฏิบัติต่อกันให้ครบถ้วน และเมื่อปฏิบัติหน้าที่สามีภรรยาต่อกัน ทั้งสองฝ่ายก็ต้องทำด้วยหลักการของสังคหวัตถุ 4 ก็จะทำให้การทำหน้าที่สามีภรรยาสมบูรณ์แบบและดำเนินไปด้วยการยึดเหนี่ยวน้ำใจกันอย่างมั่นคงยาวนานเท่านาน
1. หน้าที่ของสามีที่พึงปฏิบัติต่อภรรยา มี 5 ข้อ
1.1 ยกย่องให้เกียรติ คือ ยกย่องว่าเป็นภรรยา ไม่ปิด ๆ บัง ๆ หากภรรยาทำดีก็ชมเชยด้วยใจจริง หากทำผิดก็เตือน แต่ไม่ตำหนิต่อหน้าสาธารณชนหรือคนในบ้านเพราะจะเสียอำนาจการปกครองสิ่งใดเป็นเรื่องส่วนตัวของภรรยา เช่น การเลี้ยงเพื่อน พบปะญาติมิตร ควรให้อิสระตามสมควร
1.2 อย่าดูหมิ่น คือ ไม่เหยียดหยามว่าต่ำกว่าตน ไม่ดูถูกเรื่องตระกูล ทรัพย์ความรู้ การแสดงความคิดเห็น ไม่กระทำเรื่องที่เกี่ยวกับครอบครัวโดยไม่ปรึกษาหารือและห้ามทุบตีด่าทอเด็ดขาด
1.3 ไม่นอกใจ คือ ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับหญิงอื่นในฐานะเป็นภรรยาเหมือนกันเพราะเป็นการดูหมิ่นความเป็นหญิงของภรรยา ให้เอาใจเขามาใส่ใจเรา ภรรยาทุกคนจะปลื้มใจที่สุด ถ้าสามีรักและซื่อตรงต่อตนเพียงคนเดียว
1.4 มอบความเป็นใหญ่ให้ คือ มอบให้เป็นผู้จัดการภาระทางบ้าน ไม่เข้าไปก้าวก่ายในเรื่องการครัว การปกครองภายใน นอกจากเรื่องใหญ่ ๆ ซึ่งภรรยาไม่อาจแก้ไขได้
1.5 เครื่องแต่งตัว คือ ขึ้นชื่อว่าผู้หญิงล้วนชอบแต่งตัวสนใจเรื่องสวย ๆ งาม ๆ ถ้าได้เสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวสวย ๆ งาม ๆ แล้วชื่นใจ ถึงจะโกรธเท่าโกรธ ถ้าได้เครื่องแต่งตัวถูกใจประเดี๋ยวก็หายสามีต้องตามใจบ้าง
2. หน้าที่ของภรรยาที่พึงปฏิบัติต่อสามี มี 5 ข้อ
2.1 จัดการงานดี คือ จัดบ้านให้สบายน่าอยู่ จัดอาหารให้ถูกปากและทันความต้องการ จัดเสื้อผ้าเครื่องใช้ให้สะอาดอยู่เสมอ
2.2 สงเคราะห์ญาติข้างสามีคือ การช่วยเหลือด้วยความเอื้อเฟื้อ กล่าววาจาไพเราะ ให้ความช่วยเหลือตามฐานะที่ทำได้
2.3 ไม่นอกใจ คือ จงรักภักดี ซื่อสัตย์ต่อสามีเพียงผู้เดียว
2.4 รักษาทรัพย์ให้ดี คือ ไม่ฟุ่มเฟอย แต่ก็ไม่ตระหนี่ รู้จักใช้ทรัพย์ให้เป็น
2.5 ขยันทำงาน คือ ขยันขันแข็งทำงานบ้าน ไม่เอาแต่กิน นอน เที่ยว หรือเล่นการพนันประเพณีแต่งงานของไทยเรา เวลาเจ้าบ่าวเจ้าสาวรับน้ำพุทธมนต์ มักจะสวมมงคลแฝดไว้ที่ศีรษะ ดูคล้าย ๆ กับยึดคนสองคนไว้ด้วยกัน ความมุ่งหมายนั้นก็คือ จะยึดคนทั้งสองไว้ไม่ให้แยกจากกัน นั่นเป็นการผูกเพียงภายนอกผิวเผิน ซึ่งช่วยอะไรไม่ได้จริง
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนให้ยึดเหมือนกัน แต่แทนที่จะสอนให้ยึดด้วยด้ายทรงสอนให้ยึดด้วยคุณธรรมเรียกว่าสังคหะ แทน การสงเคราะห์ที่ทั้งสองฝ่ายปฏิบัติต่อกันจะเป็นเงื่อนใจ 2 วง วงหนึ่งคล้องไว้ในใจสามี อีกวงหนึ่งคล้องไว้ในใจภรรยา ถ้าทำได้ตามหลักธรรมนี้แล้ว ต่อให้มนุษย์คนใด ก็มาพรากไปจากกันไม่ได้ แม้แต่ความตายก็พรากได้เพียงร่างกายส่วนดวงใจนั้นยังคล้องกันอยู่นิจนิรันดร์
3. ข้อเตือนใจ
มีข้อเตือนใจอยู่ว่า แม้บางคนตั้งใจแล้วว่าจะต้องยึดใจเอาไว้ ครั้นปฏิบัติจริงก็ไม่วายเขว พอสามีทำท่าจะหลงใหลนอกลู่นอกทาง กลับวิ่งไปหาหมอเสน่ห์ยาแฝด เสียเงินเสียทองเสียเวลา แต่แล้วก็เหลว เพราะทิ้งบ้านทิ้งเรือนไปเฝ้าหมอเสน่ห์ ข้าวปลาไม่รู้จักหุงหา ปล่อยให้บ้านรกเป็นเล้าไก่ รังกา แทนที่จะคอยเอาใจสามี กลับไปกราบเท้าเอาใจหมอเสน่ห์เพื่อจะมาแข็งข้อเอากับสามีสถานการณ์ก็ยิ่งเลวร้ายลงทุกที ที่ถูกควรปักใจให้มั่นในศีล ในทาน ในการทำความดี ปฏิบัติหน้าที่ของเราไม่ยอมให้บกพร่อง แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง
*----------------------------------------------------------------------------------------------------------*
หนังสือ PD 001 หลักการสร้างความสุขในครอบครัว
หนังสือเรียน หลักสูตร Pre-Degree