มุสาวาทวรรค สิกขาบทที่ ๘
คำแปลพระบาลีที่เป็นพุทธบัญญัติ
“อนึ่ง ภิกษุใดบอกอุตตริมนุสสธรรมแก่อนุปสัมบัน เป็นปาจิตตีย์ เพราะมีจริง”
เนื้อความย่อในหนังสือนวโกวาท
“ภิกษุบอกอุตตริมนุสสธรรมที่มีจริงแก่อนุปสัมบัน ต้องปาจิตตีย์”
อธิบายความโดยย่อ
คำว่า อุตตริมนุสสธรรม หมายถึงธรรมที่ข้ามพ้นพวกมนุษย์, ธรรมที่ล่วงเลยพวกมนุษย์แล้วทำให้ลุถึงความเป็นพรหม หรือภาวะนิพพาน (พึงดูรายละเอียดใน ปาราชิก สิกขาบทที่ ๔)
คำว่า อนุปสัมบัน คือ ผู้ที่ยังมิได้อุปสมบทเป็นภิกษุหรือเป็นภิกษุณี ได้แก่ สามเณร สามเณรีนางสิกขมานา นักบวชลัทธิอื่น และคฤหัสถ์ทุกคนทั้งชายและหญิง
การบอกอุตตริมนุสสธรรมตามสิกขาบทนี้ที่เป็นมูลเหตุให้ทรงบัญญัติสิกขาบทก็โดยเหตุที่มีภิกษุต้องการปัจจัย ๔ มาเลี้ยงชีพ เพราะถิ่นนั้นอดอยากแร้นแค้นขึ้นมา ภิกษุทั้งหลายจึงโกหกชาวบ้านว่าท่านรูปนั้นได้บรรลุธรรมชั้นนี้ท่านรูปนี้ได้บรรลุธรรมชั้นนั้น ทำให้ชาวบ้านเชื่อและศรัทธาเลื่อมใส ถวายปัจจัย ๔ เลี้ยงดูภิกษุเหล่านั้น
เจตนารมณ์ของสิกขาบทนี้
สิกขาบทนี้ทรงบัญญัติไว้เพื่อป้องกันมิให้ภิกษุพูดโอ้อวด แสดงตนเป็นผู้วิเศษ แม้สิ่งที่พูดจะมีจริงเป็นจริงในตน เพราะเป้าหมายของการบวชก็คือการบรรลุธรรมถึงความบริสุทธิ์เฉพาะตน มิใช่เพื่อเมื่อบรรลุแล้วโอ้อวดและการพูดเช่นนั้นแสดงว่ามีวัตถุประสงค์คือเพื่อให้ได้ปัจจัย ๔ เพื่อเกียรติยศชื่อเสียง และเพื่อให้ชาวบ้านศรัทธาเลื่อมใส
อนาปัตติวาร
ในสิกขาบทนี้ท่านแสดงภิกษุผู้ได้รับยกเว้นไม่ต้องอาบัติไว้คือ
(๑) ภิกษุบอกอุตตริมนุสสธรรมที่มีจริงแก่อุปสัมบัน
(๒) ภิกษุผู้เป็นต้นบัญญัติหรือ ภิกษุอาทิกัมมิกะ ได้แก่ ภิกษุฝั่งแม่น้ำวัคคุมุทา