โอวาทพระภาวนาวิริยคุณ (หลวงพ่อทัตตชีโว)
วันอาทิตย์ที่ ๒๐ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๑
สิ่งหนึ่งที่ชาวโลก ไม่ว่าจะนับถือศาสนาไหน ชนชาติใดก็ตาม ได้เห็นสิ่งที่เป็นปาฏิหาริย์หรือที่เป็นสิ่งอัศจรรย์ แต่ว่ามักจะไม่ทราบว่า เพราะเหตุใดสิ่งเหล่านั้นจึงเกิดขึ้นมาได้ เว้นจากคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เว้นจากการประพฤติปฏิบัติธรรมอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพันแล้ว ก็ยากที่ใครจะเข้าใจกลไกที่จะทำให้เกิดปาฏิหาริย์ เกิดความอัศจรรย์
ก่อนอื่นต้องทราบว่า ปาฏิหาริย์และความอัศจรรย์ทั้งหลายนั้นเกิดขึ้นได้ด้วยอำนาจบุญเท่านั้น
แล้วอำนาจบุญชนิดไหน อำนาจบุญที่เกิดขึ้นมาอย่างไร จึงได้ส่งให้เกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่าปาฏิหาริย์ขึ้นมาได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก หากไม่เข้าใจแล้ว จะเกิดความสับสนและทำให้เกิดความท้อถอยในการประพฤติปฏิบัติธรรมในการสร้างบุญต่อไปในอนาคต
พวกเราต้องทำความเข้าใจว่า มนุษย์นี้อยู่ได้ด้วยอาหาร ๒ ประเภท
อาหารประเภทที่ ๑ อาหารเลี้ยงกาย คือข้าวปลาอาหารเป็นคำๆ จะเรียกว่าเป็นอาหารหยาบก็ได้ ไว้สำหรับหล่อเลี้ยงร่างกาย
อาหารประเภทที่ ๒ เป็นอาหารใจ ได้แก่บุญนั่นเอง
ร่างกาย มีข้าวปลาอาหารเป็นคำๆ ไว้หล่อเลี้ยง ส่วนใจมีบุญที่ทำไว้ดีแล้วเป็นเครื่องหล่อเลี้ยง ขาดข้าวปลาอาหาร ถึงแม้จะมีบุญก็ต้องตาย ถ้าหมดบุญ ถึงแม้จะมีข้าวปลาอาหารนี้ก็ต้องตาย
ทำนองเดียวกันกับรถยนต์ รถยนต์ถ้ามีน้ำมันเต็มที่แต่ไม่มีไฟฟ้า ถึงรถจะดีอย่างไร รถก็เคลื่อนไม่ได้ และถึงแม้รถจะมีไฟฟ้า มีแบตเตอรี่ดีอย่างไร ถ้าไม่มีน้ำมัน รถก็จอดตายสนิทอยู่ตรงนั้น อุปมาระหว่างรถยนต์กับคนที่อยู่ด้วยอาหาร หรือเครื่องหล่อเลี้ยง ๒ ประเภทนี้ ความอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในมนุษย์โลกก็ทำนองเดียวกัน
มนุษย์เรานี้ มีบุญที่หล่อเลี้ยงอยู่ ๒ งบใหญ่ๆ
๑. คือบุญในอดีตที่เราทำมาดีแล้ว
๒. บุญปัจจุบันที่เรากำลังทำอยู่
บุญในอดีตก็แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือบุญในอดีตช่วงไกล ได้แก่บุญที่เราได้ทำมาดีแล้ว นับด้วยร้อยชาติ พันชาติ หมื่นชาติ แสนชาติ จนกระทั่งถึงวันที่เราเข้าท้องแม่เรา บุญในอดีตอีกส่วนหนึ่งเป็นบุญในอดีตช่วงใกล้ คือบุญที่เราทำดีแล้วตั้งแต่วันคลอดออกจากครรภ์มารดา จนกระทั่งเมื่อวานนี้
บุญในอดีตที่ทำไว้ดีแล้วนี้ จะตามหล่อเลี้ยงทั้งกาย ทั้งใจของเราอย่างต่อเนื่อง แต่การคำนวณปริมาณบุญที่เหลืออยู่นั้นไม่เหมือนกับเวลาเราเติมน้ำมันให้กับรถยนต์ เราสามารถวัดได้ว่า เติมมากี่ลิตร ใช้ไปแล้วขณะนี้เหลือกี่ลิตร หรือถ้าเราชาร์จแบตเตอรี่ เราก็วัดไฟฟ้าได้ว่า ไฟฟ้าเราขณะนี้มันมีอยู่กี่โวลต์ กี่แอมป์ แล้วก็ใช้ไปอีกเมื่อไหร่จะหมด เราคำนวณได้ เนื่องจากมีเครื่องไม้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันมาวัดให้เราได้
แต่ว่าบุญที่เราทำ ตั้งแต่ร้อยชาติ พันชาติ หมื่นชาติ แสนชาติมาจนกระทั่งเมื่อวานนี้ เราไม่สามารถจะหาเครื่องไม้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์มาวัดได้ การที่จะวัดบุญได้ จะต้องปฏิบัติธรรมจนกระทั่งเข้าถึงธรรมกาย ศึกษาวิชชาธรรมกายให้ชำนาญ แล้วจะเห็นบุญ และจะสามารถวัดบุญได้ว่า บุญของเราข้ามภพข้ามชาติมีเท่าไหร่ ชาตินี้มีเท่าไหร่
แต่ทว่า มีอยู่น้อยคนนักที่จะสามารถวัดบุญตัวเองได้ แล้วจะทำอย่างไร รู้อยู่ว่าขาดบุญเมื่อไหร่ ก็ขาดชีวิตเมื่อนั้น มีอยู่ทางหนึ่งที่ปลอดภัยคือ เมื่อยังวัดบุญไม่ได้ว่ามีมากมีน้อย เหลือมากเหลือน้อยเท่าไหร่ ก็ก้มหน้าก้มตาสร้างบุญกันไป คือสร้างบุญใหม่ขึ้นในวันนี้ จะสร้างโดยการ
๑. ให้ทาน เช่น ให้ทานด้วยข้าวปลาอาหาร ถวายสังฆทาน หรือจะสร้างมหาธรรมกายเจดีย์อย่างที่เรากำลังทำอยู่นี้ ก็เป็นบุญในงบที่เรียกว่าให้ทาน ทำทาน
๒. สร้างบุญด้วยการรักษาศีล
๓. สร้างบุญกันด้วยการทำภาวนา
บุญทั้ง ๓ งบนี้ จะเป็นบุญงบใหม่ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน สำหรับหล่อเลี้ยงใจ บุญในอดีตมีอยู่เท่าไหร่นั้นไม่รู้ และบุญจะหมดเมื่อใด ก็ไม่ทราบ แต่สิ่งที่เราทำได้ขณะนี้คือ เรากำลังสร้างบุญอยู่ โดยถือหลักง่ายๆ ว่า บุญใหม่ของเราในวันนี้ จะเป็นบุญเก่าของเราวันพรุ่งนี้ บุญใหม่ของเราปีนี้ จะเป็นบุญเก่าของเราปีหน้า บุญใหม่ของเราในชาตินี้ จะเป็นบุญเก่าของเราในชาติเบื้องหน้าต่อไป คือมีโอกาสเมื่อไหร่ต้องทำบุญกันเมื่อนั้น นี่คือลักษณะของผู้ไม่ประมาท เพราะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ชัดเจนว่า คนที่ไม่ประมาทคือคนที่รู้จักระแวงภัยที่น่าระแวง เช่น ระแวงว่าบุญจะหมดเสียก่อน ก็ต้องป้องกันภัยนั้นก่อนที่จะมาถึง โดยรีบสร้างบุญกันอย่างไม่ลดละ นี้คือลักษณะของผู้ไม่ประมาท
แล้วบุญที่เราสร้างด้วยความไม่ประมาทนี้ จะก่อให้เกิดปาฏิหาริย์ได้ ก่อให้เกิดความอัศจรรย์ได้อย่างไร ให้เราเข้าใจตรงนี้ว่า
ให้มองความจริงของชีวิตอย่างนี้ว่า เนื่องจากแต่ละวันที่ผ่านมา แต่ละวินาทีที่ผ่านไป เนื่องจากเรายังไม่หมดกิเลส โอกาสที่เราจะคิดดี พูดดี ทำดี ให้เกิดเป็นบุญก็มี โอกาสที่เราจะคิดร้าย พูดร้าย ทำร้ายให้เกิดบาปก็มี
แล้วทั้งบุญทั้งบาปที่เราเคยสร้างเอาไว้นั้น ทั้งหมดสะสมเก็บเอาไว้ในใจของเรา บุญที่สะสมเอาไว้ในใจ ก็เหมือนกับช่างไฟ เขาชาร์จแบตเตอรี่เอาไว้ แล้วบาปที่เคยทำเอาไว้ข้ามภพข้ามชาติ ก็จะคอยตามตัดรอน คอยตามบีบคั้น คอยตามทำลายโชคลาภ ทำลายชีวิตของเรา
โบราณเลยอุปมาเอาไว้ว่า บุญที่เราทำไว้ จะคอยให้ความสุขความร่มเย็น เหมือนอย่างกับเงาที่คอยตามตัวเรา แต่บาปที่เราทำเอาไว้ เหมือนกับสุนัขล่าเนื้อที่คอยตามขย้ำขยี้เนื้อนั้น ถ้าตามไม่ทันก็แล้วไป แล้วถ้าตามทันแล้วมันกระโดดกัดก้านคอเมื่อนั้น ถ้าไม่ตาย ก็แทบตายกันทีเดียว ถ้าบาปนั้นมันตามทันและเป็นบาปกรรมหนัก
บาปนั้นจะตามทันตอนบุญใกล้จะหมด ยกตัวอย่างง่ายๆ เมื่อไม่กี่วันมานี้ เครื่องบินตกจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนเสียชีวิต และในระดับรัฐมนตรีที่กำลังจะเดินทางไปสุราษฎร์ธานี ก็เกิดปาฏิหาริย์เหมือนกันคือ เปลี่ยนใจไม่ไปเที่ยวบินนั้น จึงรอดชีวิตจากเครื่องบินตก
เหตุการณ์อย่างเดียวกันนี้เกิดที่วัดเราด้วย ในวันเดียวกันนั้น มีสมาชิกในวัดคนหนึ่ง เขามาหาหลวงพ่อแล้วบอกว่า วัดเราก็ทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนามานานแล้ว แต่ไม่ค่อยได้ประกาศให้ชาวโลกได้รับรู้เลย คืนนี้ผมพอจะมีเวลา ผมจะไม่กลับบ้านจะอยู่ช่วยหลวงพ่อ พอดีโยมคนนี้อยู่สุราษฏร์ธานี ทำธุรกิจอยู่ที่เกาะสมุย เขาอยู่ช่วยหลวงพ่อทำ internet เขาบอกว่าจะ set program ให้ดีเสียก่อนแล้วถึงจะกลับ แล้วเขาก็อดตาหลับ ขับตานอนทำทั้งคืน
รุ่งขึ้นอีกวันหนึ่ง ถึงได้เสร็จ แล้วพอตกกลางคืน เขามาบอกหลวงพ่อว่า ความจริงผมต้องไปเรือบินลำนั้น แต่ว่าอยากให้วัดได้มี internet ไว้เผยแผ่พระพุทธศาสนาได้เต็มที่ จึงอยู่ที่วัดทำให้ ผมก็เลยไม่ได้กลับบ้านที่สุราษฏร์ธานี ไม่อย่างนั้นหลวงพ่อคงได้ไปสวดพระอภิธรรมให้ผมที่เกาะสมุยแล้ว อย่างนี้ไม่เรียกว่าปาฏิหาริย์แล้วจะเรียกว่าอะไร
ญาติโยมของเราคนนี้ บุญเก่ากับบาปเก่าต้องบอกว่าเท่ากัน แต่เพราะรักที่จะสร้างบุญใหม่ด้วยการเผยแผ่ธรรมะของพระพุทธเจ้า ให้ชาวโลกเขาได้รับรู้ โดยอยู่ช่วยทำ internet ให้ มีความเมตตากรุณาต่อชาวโลก อยากจะให้เขาได้ปฏิบัติธรรม นี้เป็นบุญใหญ่ ก็เลยตั้งใจช่วยหลวงพ่อ บุญใหม่ที่ทำแค่ข้ามคืนข้ามวันเท่านั้น สามารถต่อชีวิตให้ญาติโยมของเราคนนี้ได้เป็นอัศจรรย์ อย่างนี้ไม่เรียกว่าปาฏิหาริย์แล้วจะเรียกว่าอะไร
พวกเราทุกคน อย่าเบื่อต่อการสร้างบุญ สร้างกุศล ให้ตั้งใจทำไป เราไม่ทราบว่าบุญเก่าข้ามภพข้ามชาติมีเท่าใด หรือบาปเก่าข้ามภพข้ามชาติเรามีเท่าใด ที่พอจะรู้ได้ก็คือบุญใหม่บาปใหม่ที่ทำในชาตินี้ เมื่อรู้แต่ส่วนชาตินี้เราจึงประมาทไม่ได้ ต้องตั้งใจสร้างบุญ สร้างบารมี สร้างความดี ตั้งแต่วินาทีนี้ให้ยิ่งๆ ขึ้นไป
บาปใหม่ก็อย่าได้ไปทำ ใครเขาจะว่า เขาจะนินทาอย่างไร อย่าไปสนใจ แล้วสร้างบุญใหม่กันเรื่อยไป จนกระทั่งละโลกนี้ มีแต่บุญเป็นปาฏิหาริย์คอยคุ้มครองเราเรื่อยไป แม้ภพชาติต่อไปมาบังเกิดใหม่ บุญที่ทำเอาไว้ดีแล้ว บุญใหม่ที่เราทำในชาตินี้ จะไปสร้างปาฏิหาริย์ คุ้มครองเราชาติต่อๆ ไปอีก
ปาฏิหาริย์และความอัศจรรย์ทั้งหลาย ล้วนเกิดขึ้นได้ด้วยอำนาจบุญ ที่อธิบายมาเป็นเพียงแง่มุมหนึ่งที่เกิดปาฏิหาริย์ ส่วนแง่มุมอื่นๆ ยังมีอีกมาก ให้ทราบว่าปาฏิหาริย์ทั้งหลายจะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อใจของเราอิ่มอยู่ในบุญ แต่ถ้าหมดบุญเมื่อใด ไม่มีใครสามารถช่วยได้ เพราะฉะนั้นพวกเราจะต้องไม่ประมาท หมั่นสั่งสมบุญใหม่ให้มาก จะได้ปลอดภัยไปทุกชาติๆ นะ