อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ

พระมหาสิริราชธาตุ รุ่นดูดทรัพย์ สำหรับ ผู้สร้างพระธรรมกายประจำตัวภายในมหาธรรมกายเจดีย์นั้น จะได้รับของที่ระลึกเป็นพระธรรมกายของขวัญ

อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ แง่คิด มุมมอง สัมภาษณ์พิเศษ "อนันต์ อัศวโภคิน"

แง่คิด มุมมอง สัมภาษณ์พิเศษ
"อนันต์ อัศวโภคิน"

 



 

ผมเพิ่งเข้าวัดเป็นครั้งแรก เมื่อ ๔ ปีที่แล้ว เพราะว่าคุณขจรศักดิ์ไปตามมาให้เข้าวัด เพราะว่าผมไม่ได้เป็นคนศรัทธาอะไรเรื่องเกี่ยวกับวัดวาอารามหรือบุญกุศล เนื่องจากว่าตั้งแต่เล็กจนโตก็ไม่เคยเข้าวัด ไม่เคยห้อยพระ ไม่เคยมีห้องพระ จนกระทั่งอายุ ๔๕ เพิ่งจะเข้าวัดเป็นงานเป็นการครั้งแรกในชีวิต


คุณขจรศักดิ์เคยไปตามมาบริจาคสร้างกุฏิให้พระสงฆ์อยู่ ผมก็บอกคุณขจรศักดิ์ว่าอย่ามาตามผมเลย ผมคิดว่าไปทำอย่างอื่นได้ประโยชน์มากกว่า คุณขจรศักดิ์ก็มาตื้ออยู่หลายวัน หลายเดือนด้วยซ้ำไป


แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเข้าวัดนะครับ ก็ยังไม่ค่อยอยากเข้าวัดอยู่ดี หลบๆ เลี่ยงๆ อยู่อีกประมาณ ๕ เดือน ในเวลา ๕ เดือนนั้น เป็นเวลาที่ศึกษาหนังสือ เปรียบเทียบคำสอนแล้วก็โอวาทของหลวงพ่อ แล้วก็เปรียบเทียบกับสิ่งที่ได้เรียนรู้มา


เรื่องของพุทธศาสนา ไม่ใช่เรื่องที่จะเข้าใจอะไรได้ง่ายๆ ไม่ใช่เรื่อง อะไรที่เราจะตัดสินกันได้ง่ายๆ นะครับ ขนาดผมเอง ซึ่งเรียกว่าพอจะมีความรู้บ้าง อ่านหนังสือตำรับตำรา ใช้เวลา ๕ เดือน ถึงจะเริ่มเข้าวัดบ้างนะครับ เราจะมีโอกาสที่จะไปชี้แจงให้คนในระยะเวลาสั้นๆ ได้อย่างไรว่า วัดพระธรรมกายเป็นวัดที่มีความดี มีความตั้งใจ มีแก่นแท้ในการตั้งใจที่จะสอนคนให้เป็นคนดี ผมคิดว่า ผมเองใช้เวลา ๕ เดือน สำหรับผู้ที่เข้าใจได้ยากกว่าผม พวกเราก็ต้องใช้ความอดทนมากกว่า ๕ เดือนจริงมั้ยครับ เพราะฉะนั้นขณะนี้ก็เพิ่งแค่เดือนเดียวเท่านั้นเอง เรายังมีเวลาอีกตั้ง ๕ เดือนที่จะค่อยๆ ชี้แจง อย่างใจเย็นๆ นะครับ


หลวงพ่อท่านยังอดทนกับผมได้ ผมเคยบอกกับหลวงพ่อว่า ผมไม่มาวัดนี้นะครับ เพราะว่าเป็นวัตถุนิยม เนื่องจากการสร้างมหาธรรมกายเจดีย์ เป็นเรื่องที่สร้างอะไรใหญ่โตมโหฬารเกินความจำเป็น ผมเอาเงินไปสร้างโรงเรียน หรือเอาเงินไปสร้างมหาวิทยาลัย หรือว่าสร้างโรงพยาบาลดีกว่า ท่านก็บอกว่าคุณอนันต์จบมาจากไหน ผมก็เรียนให้ท่านทราบไปว่า ผมจบมากจากคณะวิศวะ จากจุฬา แล้วก็ไปเรียนต่อ
ท่านก็บอกว่า มีเพื่อนร่วมรุ่นกี่คน ผมก็บอกว่า ก็ประมาณ ๔๐๐ กว่าคน ท่านบอกว่าในรุ่นเดียวกันที่จบมาแล้วขณะนี้ฐานะการเป็นอยู่ดี แต่คนที่ตั้งใจทำความดี อยากเห็นคนที่ยาก คนที่ลำบาก คนที่ท้อถอยในสังคม มีกำลังใจแล้วก็ตั้งใจทำดีบ้าง มีกันกี่คน ผมก็บอกว่า ก็คงจะมีไม่มากนัก เพราะว่าทุกคนยังมีภาระ จะไปคิดถึงคนอื่นก็คงจะลำบาก


ท่านก็บอกว่า แล้วคนที่เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับคุณอนันต์ที่คิดอยากช่วยเหลือ แล้วอยากทำต่อเนื่องมีกี่คน ผมว่าใน ๔๐๐ คนนี่ มีไม่ถึง ๑๐ คน ในรุ่นเดียวกันที่อยากคิดอยากช่วยเหลือคนที่ด้อยโอกาสทางสังคม ท่านก็บอกว่า แล้วใครที่มีปัญญา มีกำลังทรัพย์ที่จะช่วยได้ตลอดเวลา ผมบอกไม่มีครับ คือมีแต่ไม่ช่วยครับ เพราะฉะนั้นก็เลยเริ่มนึกออกว่า ที่ท่านพูดนี่หมายความว่าอย่างไร


ผมเองก็มีโอกาสได้ถามหลวงพ่อนะครับ ว่าขอร้องให้ท่านช่วยตอบผม ๓ ข้อ เพราะว่าผมสงสัยมานานแล้ว เพราะว่าเวลาไปถามที่วัดไหน ก็จะถูกตอบว่าเป็นอจินไตย รู้ไปก็ไม่เกิดประโยชน์นะครับ ก็เลยดักคอไว้ก่อนว่า หลวงพ่อครับ หลวงพ่ออย่าตอบอจินไตยนะครับ
ข้อแรก นี่ก็เป็นเรื่องที่ผมอยากรู้มานานแล้วว่า แมลงสาบอายุตั้ง ๒๐๐ ล้านปี ปลาฉลามก็อายุเป็นร้อยๆ ล้านปีนะครับ แล้วมนุษย์นี่เจริญที่สุด ทำไมอายุแค่ ๓ ล้านปีเท่านั้นเอง ก็เลยถามหลวงพ่อว่า มีมนุษย์อยู่ในโลกนี้มากี่ปีแล้ว


คำถามที่ (๒) ที่กราบถามหลวงพ่อ เพราะแปลกใจว่าพระไตรปิฏกได้พูดถึงอนันตจักรวาล ก่อนหน้าที่เราจะรู้ว่า เรามีจำนวนจักรวาลนับไม่ถ้วนเมื่อ ๖๐ ปีที่ผ่่านมา ก็ได้กราบเรียนหลวงพ่อไปว่า เรื่องของจักรวาลทั้งหมดเกิดมาได้อย่างไรนะครับ ตอนจุดเริ่มต้นของจุดเริ่มต้น เกิดอะไรมาก่อน


คำถามข้อที่ (๓) ก็คือว่า ก็พยายามที่จะถามดักหลวงพ่อไว้ก่อนนะครับบอกว่า หลวงพ่อเชื่อในเรื่องบุญบาปใช่ไหมครับ มีนรกสวรรค์ใช่ไหมครับ มีนะครับ มีเรื่องของบุญ มีเรื่องของอายตนะ เวลาทำบุญก็ดูดไปอยู่อายตนะที่ๆ เราทำไว้นะครับ บาปก็ดูดไปตามอายตนะนะครับ ผมถามต่อว่าถ้าอย่างนั้น นรกสวรรค์มีจริง นิพพานก็ต้องมีจริง ถูกไหมครับ


ผมไม่อยากจะเข้าวัด โดยท่องบ่นจำเอาอย่างเดียว หรือเก่งแต่เรื่องของปริยัติ แต่ไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงคืออะไร ผมคิดว่าใน ๓ ข้อนี้นะครับ ก็ใช้เวลาศึกษาอยู่นานพอสมควร แล้วก็เริ่มเข้าใจอะไรหลายๆ อย่างนะครับ เริ่มมาเข้าวัดมากขึ้น แต่ก็ยังไม่วายมีคนมาบอกว่า ผมเป็นวัตถุนิยม คือชอบสร้างเจดีย์ใหญ่ๆ โตๆ ผมก็เลยถามบอกว่า แล้วพวกคุณไปไหนกันล่ะ เขาว่าพวกผมเหรอ เวลาวันหยุดก็ไปต่างจังหวัด ไปหาวัดที่กันดาร วัดที่มีโบสถ์เก่าๆ หรือว่ามีกุฏิสงฆ์ที่ยังซอมซ่ออยู่ ยังไม่เสร็จ และก็ชอบไปตามวัดอย่างนี้ ตามซ่อมตามอะไรต่างๆ นั้นนะครับ


ผมก็บอกว่าก็ดีเป็นสิ่งดี ผมเห็นด้วยและก็เป็นการทำนุบำรุงศาสนา แต่ว่าคุณก็เป็นวัตถุนิยมเหมือนผม ถ้าคุณจะว่าผมว่าเป็นพวกวัตถุนิยม เขาบอกว่าเขาวัตถุนิยมได้อย่างไร ในเมื่อเขาไปทำบุญกับวัดเล็กๆ เราสิสร้างอะไรใหญ่ๆ โตๆ นี่สิวัตถุนิยม ผมบอกว่าคุณก็เป็นวัตถุนิยมเหมือนกัน คุณก็เป็นพวกนิยมของเล็กๆ เห็นที่ไหนใหญ่ไม่อยากทำ อยากทำแต่ของเล็กๆ เพราะฉะนั้นการที่จะเป็นของเล็กหรือของใหญ่ ไม่ใช่เรื่องวัตถุนิยมเลยนะครับ การเป็นวัตถุนิยมคือการสร้างแล้วไม่มีคนมาใช้งาน จะสร้างอะไรก็แล้วแต่ เช่นสร้างโบสถ์ สร้างศาลาไว้จุ ๒๐๐ คน มีคนมา ๒๐ คน ก็ถือว่าสิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์ อย่างของเรานี้นะครับ สร้างไว้ในที่นี้ เราเห็นอย่างนี้ จุได้ประมาณ ๒ แสนคน แต่ไม่พอครับ ตอนนี้มา ๔, ๕ แสนคนแล้ว เวลาวันมีพิธี อันนี้ถือว่าพวกเราวัตถุนิยมไหมครับ


เราสร้างคนให้จุให้ได้แค่ ๒ แสน มา ๕ แสน จะให้ทำอย่างไรครับ ให้ติดป้ายหน้าวัดว่า เต็มแล้วไม่รับจ่ะ มาช้าไป หรือบอกว่าวัดมี ๓ รอบ รอบเช้า ๑๐ โมง รอบบ่าย ๒ โมง รอบเย็น ๖ โมง เพราะว่าจุไม่ไหว อย่างนี้วัดไม่สามารถทำได้ เพราะเราต้องรับทุกคนก็อยากจะมาประพฤติปฏิบัติธรรมนะครับ


เราไปโรงเรียน สิ่งที่เราประทับใจก็คือว่า เด็กจบการศึกษา เห็นได้ชัดเจนว่ามีใบประกาศนียบัตรให้ ถ้ายังไม่มีใบประกาศนียบัตร ก็ยังไม่รู้ว่าจบ หรือไปโรงพยาบาลมา แล้วไม่เดินแบบเซๆ แบบเจ็บป่วย ก็ไม่รู้ว่าป่วยนะครับ


แต่ในวัดนี้ เราได้มาเจอคนดีๆ เล่าเรื่องว่า การเข้าวัดทำให้ได้อะไรขึ้นมา เปลี่ยนจากคนที่สำมะเลเทเมากลายเป็นคนที่ไม่ดื่มเหล้า กลายเป็นคนที่สนใจที่จะเข้ามาดูในเรื่องของชีวิตครอบครัว สร้างครอบครัวให้ดีขึ้น กลายเป็นคนที่สนใจมาช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่อยู่ในความยากลำบาก อันนี้เป็นกำลังใจครับ เพราะว่าเรามาที่นี่ เรามีความรู้สึกเหมือนกับมาบ้านหลังที่สองของเรา มองไปทางไหนก็เจอแต่คนที่ยิ้มแย้มแจ่มใส มองไปทางไหนก็มีคนที่มองด้วยความเต็มใจ รอให้เราเอ่ยปาก หรือแม้กระทั่งเราไม่ได้เอ่ยปาก ก็อยากจะมาช่วยเรา สิ่งเหล่านี้ต่างหากนะครับ ที่เราจับต้องได้ แต่เราอธิบายให้คนข้างนอกฟังไม่ได้ เพราะเราไม่ได้จ่ายประกาศนียบัตรว่าคนนี้เป็นคนดีแล้ว ได้ประกาศนียบัตรชั้นที่หนึ่งจากวัดไป คนนี้เป็นคนดียิ่งขึ้น ได้ประกาศนียบัตร จบปริญญาตรีชั้นที่ ๒ จากวัดไป ต้องมาดูเองครับ ถึงจะเข้าใจว่าการมาวัดสร้างคนดีเป็นยังไง


เพราะฉะนั้นคนที่ไม่ได้มาวัดเราจะไม่เข้าใจว่า ทำไมคนมาวัดยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ มาทำบุญกันเยอะๆ ก็เป็นเรื่องที่ประหลาดนะครับ ผมเองบางทีก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันนะครับว่า การทำบุญก็เป็นเรื่องของเรา แล้วแต่ศรัทธาของเราว่าจะทำมากทำน้อย แต่ว่าเป็นเรื่องที่ผมคิดว่าผมเองก็เจอปัญหา หลายคนก็บอกว่าได้ข่าวว่า คนมาเข้าวัดนี่มีความเดือดร้อนเรื่องครอบครัว ผมนี่สิครับเดือดร้อนที่สุด


เข้าวัดพระธรรมกายมีปัญหาครอบครัวไหม มีครับ เพราะว่าลูกไม่ยอมมาเลย ลูกเที่ยวเป็นประจำ แต่หลังจากที่เราอดทน แล้วค่อยๆ เล่าให้ลูกฟัง แต่ก็ทะเลาะกันเป็นประจำ นี่คือเป็นเรื่องที่เราได้ยินครึ่งๆ กลางๆ นะครับว่าคนมาวัดมีปัญหาครอบครัว เช่นผมเป็นต้น แต่ตอนนี้ผมไม่มีแล้วครับ พอเครื่องบินลงปั๊บ วันรุ่งขึ้นลูกขอมาอยู่วัด ๕ วัน มาอยู่วัดทุกครั้งที่กลับมาจากเรียนหนังสือ มีเวลาที่จะกลับมาอยู่บ้านเกิดเมืองนอนได้ซักประมาณ ๓, ๔ อาทิตย์ ก็ต้องหลบมาเข้าวัดสัก ๕, ๖ วัน โดยผมไม่เคยพูดอะไรเลยครับ มีหน้าที่มาส่ง แล้วก็มารับเท่านั้นเอง


บางครั้งการทำดี เราเอาอะไรที่มันมักง่ายเอาแต่ใจไม่ได้ เพราะการทำดีนี่ไม่ใช่เรื่องง่าย เป็นเรื่องที่ยากลำบากพอสมควร เป็นเรื่องที่ต้องอดทน ใช้ความพยายาม ใช้ความสม่ำเสมอ ใช้จิตใจที่ดีอย่างแท้จริง เหมือนกับพวกเราในที่นี้ทุกคนที่มีความอดทน มีความสม่ำเสมอ แล้วก็มามากขึ้นทุกวันๆ


จริงๆ ตอนนี้พวกเราคงจะทราบว่ามีการวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา ผมก็รู้สึกปลื้มปีติเป็นอย่างยิ่ง ที่สื่อมวลชนแทบจะทุกสื่อให้ความสนใจเรื่องของพุทธศาสนา ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องดีมากนะครับ ตอนนี้เราได้โอกาสแล้วครับ ที่หลวงพ่อบอกว่า วันมาฆบูชา ปี ๒๕๔๓ จะมีคนมาถึงล้านคน ตอนนั้นผมนึกไม่ออกว่าจะมีคนมาล้านคนได้อย่างไร แต่หลังจากเห็นหนังสือพิมพ์ ลงทุกฉบับ ผมมั่นใจเลยว่าเรามีคนมาล้านคนแน่นอน


ต้องเป็นความพยายามของพวกเรามากขึ้นที่จะชี้แจงว่าข้อเท็จจริงของวัดพระธรรมกายเป็นอย่างไร แล้วผมคิดว่าหลังจากที่พวกเราไปชี้แจงแล้ว ผมจะไปกราบเรียนหลวงพ่อว่าล้านคนน้อยไปครับหลวงพ่อครับ พวกเรามาเกินล้านคนแน่นอนครับ


มีสื่อบางฉบับจะมาขอสัมภาษณ์ ยินดีเลยครับ มาที่วัดพระธรรมกาย เช้าวันอาทิตย์ ผมจะคอยต้อนรับ อยากจะย้ำว่าเรามีพระอาจารย์ที่ดี ซึ่งพวกเราก็ได้ทำตามอย่างเป็นสิ่งที่ดีแล้วนะครับ อ่านหนังสือพิมพ์มาทุกฉบับ ฟังวิทยุมาทุกช่อง ไม่เคยมีศิษย์ของวัดพระธรรมกายใช้วาจาจาบจ้วงหรือหยาบคายอะไรเลย มีแต่พูดตะกุกตะกัก พูดไม่ทันเท่านั้นเอง แต่ไม่เคยหยาบกับใครทั้งสิ้น


สำหรับพวกเราที่จะต้องไปชี้แจงให้คนเข้าใจนี้ ผมเองก็ได้รับการเตือนมาจากท่านผู้ใหญ่ ญาติสนิทมิตรสหายบอกว่า เรื่องนี้คนสนใจกันเยอะนะ คุณอย่าไปเสี่ยงขึ้นไปพูดบนเวที เดี๋ยวคุณจะเดือดร้อนเปล่าๆ เขามีคนจ้องโจมตีกันเยอะมาก อย่าไปดีกว่า ผมว่าอยู่เฉยๆ นี่ไม่เดือดร้อน เสมอตัว ไม่เจ็บตัว ไปหาเรื่องใส่ตัวเปล่า เราอยู่เฉยๆ ก็ไม่มีใครว่าอะไร


ก็อยากจะเรียนว่าอยู่เฉยๆ ไม่ได้ล่ะครับ จะต้องให้พวกเราเห็นว่าคนที่ตั้งใจที่จะทำสิ่งที่ดีให้กับสังคมเขามีเพื่อนอยู่เสมอนะครับ ไม่ใช่ว่าทำแล้วหันกลับไปมองใครก็ไม่มีใครยอมยืนเป็นเพื่อนเราหรือสนับสนุนเรา เพราะพวกเราไม่เคยกลัวอยู่แล้วในสิ่งที่ถูกต้องนะครับ
เราเองคิดว่าสิ่งที่เราทำมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการตั้งใจที่จะสร้างมหาธรรมกายเจดีย์ เรารู้วัตถุประสงค์มาโดยตลอด เพราะฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ควรจะทำให้เรามีความรู้สึกสั่นคลอนเลยว่า เราเดินมาถูกทางหรือเปล่า หนทางที่เรากำลังสร้างบุญสร้างกุศลตอนนี้ เป็นจริงอย่างที่เขาว่าไหม


ผมคิดว่าไม่น่าจะเกินซักสองสามเดือนถัดจากนี้ไป เราจะปิดเจดีย์ได้สำเร็จเป็นอัศจรรย์ ตอนแรกยังนึกไม่ออกว่าจะทำยังไง แต่ตอนนี้นึกออกแล้วครับ เพราะว่ามีคนรู้เรื่องวัดพระธรรมกายไม่ต่ำกว่า ๒๐, ๓๐ ล้านคน เราต้องการจริงๆ อีกแค่ ๗ แสนองค์เท่านั้นเอง ไม่เห็นจะลำบากเลยครับ ที่เหลือก็คือแค่ไปบอกเท่านั้นเอง เพราะว่าวัดพระธรรมกายทุกคนรู้จักหมดแล้วครับตอนนี้ พวกเราคงจะปิดมหาธรรมกายเจดีย์ได้สำเร็จแน่นอนนะครับ


 

อนันต์ อัศวโภคิน
ประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์แอนด์เฮาส์ จำกัด (มหาชน)
ประธานโครงการก่อสร้างมหาธรรมกายเจดีย์
บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล