เรื่องที่ ๔๔๗ หวิดดับ...หลับใน
รถวิ่งไปโดยคนขับหลับใน เสียหลักแฉลบลงข้างทางพุ่งไถลปะทะกับสิ่งกีดขวางต้นไม้ หลักข้างถนน พังหักระเนระนาด
คุณอนงค์ คำภา ถ่ายภาพกับเอ้ หลังจากไปรับตัวมาจากโรงพยาบาล
|
สถานีขนส่งประจำอำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี กำลังย้ายไปอยู่ที่แห่งใหม่ ร้านรับถ่ายเอกสารและรับทำ พ.ร.บ. ซึ่งอยู่ในบริเวณขนส่งเดิมก็ไม่มีความหมาย ทำมาหากินไม่ได้แล้ว เพื่อความอยู่รอดของชีวิตและครอบครัว เธอจำเป็นต้องตัดสินใจหาทำเลในสถานีขนส่งแห่งใหม่ เรื่องแค่นี้เองไม่ทำความยุ่งยากหนักใจมาให้เธอเท่าใดนัก สำหรับแม่วัย ๕๒ ปี ที่ต้องประคับประคองชีวิตครอบครัวฟันฝ่ามรสุมชีวิตครั้งนี้ให้รอด ถ้าผู้นำครอบครัวที่ร่วมชีวิตกันมากว่า ๒๐ ปี ยังคงอยู่ช่วยกันคิดแก้ปัญหา บัดนี้ชีวิตคู่มาถึงจุดที่ต้องหย่าร้าง
คุณอนงค์ คำภา บอกเล่าว่า ช่วงนั้นชีวิตต้องการกำลังใจมากๆ อาชีพค้าขายก็ต้องไปเริ่มนับหนึ่งใหม่ ที่ดินต้องซื้อใหม่ เพื่อปลูกบ้านทำร้านถ่ายเอกสาร และขายประกัน พ.ร.บ. เคยมีคู่คิดเป็นแค่ช้างเท้าหลัง แต่ตอนนี้ต้องรับเป็นหัวหน้าครอบครัวเอง ตัดสินใจเองทุกอย่าง ช่วงนั้นเป็นภาวะที่มีความวิตกกังวลมาก
จังหวะดี ที่มีเพื่อนชวนไปปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิ เมื่อมีโอกาสฝึกให้ใจหยุดภายในกายมากขึ้น ทำให้เธอได้สัมผัสแหล่งที่มาแห่งกำลังใจ จึงตัดสินใจไปปฏิบัติธรรมที่สวนบัว ๑ สัปดาห์
จุดเกิดเหตุที่รถพุ่งเข้าชน
|
ผลจากการประพฤติธรรมในครั้งนั้น ทำให้ชีวิตของเธอพบจุดเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น สามารถทำให้คลายทุกข์ เลิกคำนึงถึงเหตุการณ์ที่นำมาซึ่งความเศร้าหมองในอดีต ไม่วิตกกังวลกับเรื่องในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง อยู่กับปัจจุบันทำหน้าที่ในปัจจุบันให้ดีที่สุด ร้านที่ปลูกขึ้นใหม่สามารถปลูกสร้างได้สำเร็จเรียบร้อยด้วยวงเงินถึงเก้าแสนบาท การค้าก็เจริญรุ่งเรืองดี ขนาดที่ว่าเศรษฐกิจที่ว่าแย่กัน แต่เธอกลับมีรายได้อย่างสม่ำเสมอ ภายในสัปดาห์เดียวเฉพาะขาย พ.ร.บ. ได้ถึง ๒๐,๐๐๐-๓๐,๐๐๐ บาทก็มี ไม่ต้องทุกข์ใจเหมือนแต่ก่อน
ในช่วงเศรษฐกิจยุบตัว ลูกสาวคนที่ ๒ เอ้ หรือ นฤมล ตลับนาค ซึ่งมีอาชีพรับตกแต่งภายในอยู่แถวบางบัวทอง กรุงเทพมหานคร เจอภาวะงานขาดมือ อยู่ไม่ได้จึงตัดสินใจพาครอบครัวย้ายมาอยู่กับแม่ที่ลพบุรี บ้านของคุณอนงค์จึงมีสมาชิกเพิ่มขึ้นมาอีก โดยเฉพาะเจ้าตัวเล็กที่กำลังซน กำลังหัดพูด เพิ่มสีสรรภายในบ้านให้มีเรื่องชวนหัว และเวียนหัวมากขึ้น เพราะเอ้และสามีประกอบอาชีพใหม่ ขายเครื่องเสียงและเครื่องไฟฟ้าตามตลาดนัด ต้องออกตั้งแต่เช้ากว่าจะกลับมาพักที่บ้านก็ดึก ๕ ทุ่ม เที่ยงคืน เป็นประจำ บางนัดต้องไปขายข้ามจังหวัดถึงสุพรรณบุรีเลยทีเดียว
คุณอนงค์เป็นห่วงลูกสาวจึงมอบพระมหาสิริราชธาตุ รุ่นพิชิตมาร ไว้ให้ลูกห้อยบูชา ๑ องค์ ไว้บูชาให้ท่านคุ้มครองให้ปลอดภัย เอ้ก็เชื่อตามที่แม่บอก ก่อนนอนทุกคืนหลังจากไหว้พระ สวดมนต์บูชาพระรัตนตรัยแล้ว ทุกคืนจะนำองค์พระมหาสิริราชธาตุ ซึ่งเอ้นับถือเหมือนมีพระพุทธเจ้าคุ้มครอง ขอพรคุยกับท่านทุกคืนว่า ขณะเดินทางขอให้ปลอดภัย
รถที่คุณเอ้ขับในวันที่เกิดเหตุ
|
ในคืนวันที่ ๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๓ ย่างเข้าตีสองของวันใหม่ เอ้ขับรถยนต์กระบะยี่ห้อ อึชุชุ สีตะกั่ว หมายเลขทะเบียน พ ๗๑๐๙ ลพบุริ ต้วยความเร็ว ๑๓๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง มุ่งตรงจากอำเภอบ้านหมี่ เพื่อกลับอำเภอโคกสําโรง ลพบุรี วันนี้เอ้ต้องขับรถกลับบ้านคนเดียว เพราะสามีไม่ได้ไปขายของด้วย เธอจึงเร่งความเร็วของรถเป็นพิเศษ ถนนช่วงนั้นเป็นเสันตรง ยามดึกสงัดบรรยากาศรอบข้างเงียบ รถพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เอ้บอกว่า แล้วจู่ๆ ประสาทความรับรู้ของเอ้ก็ดับวูบลง หลับในตอนนั้นเลย รถวิ่งไปโดยคนขับหลับใน เสียหลักแฉลบลงข้างทางพุ่งไถลปะทะกับสิ่งกีดขวางต้นไม้ หลักข้างถนน พังหักระเนระนาด แนวรถด้านซ้ายคนขับทั้งแถบตั้งแต่หน้าถึงท้ายรถถูกกระแทกแล้วกระแทกอีก รถพุ่งไหลไปประมาณ ๕ เมตร จึงสงบนิ่งลงได้ เมื่อไถลไปปะทะกับต้นไม้ใหญ่พอทื่จะหยุดแรงปะทะมันได้
ท้องฟัาเริ่มสร่าง พลเมึองดีขับรถผ่านมาเส้นทางนี้ เห็นรถประสบอุบัติเหตุจึงลงไปดู หน้ารถเละชนิดแม้นแต่ซากของคนขับก็ยังไม่แน่ใจว่าถ้านำออกมาได้ ชิ้นส่วนจะได้ออกมาครบหรือไม่ แต่เป็นที่น่าประหลาดใจยิ่งเมื่อพยายามหาคนขับเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ เมื่อในรถไม่มี จึงหันไปมองรอบๆ รถ เดินหาจากบริเวณที่เกิดเหตุ ห่างออกไปอีก ๓๐๐ เมตร พบร่างสาวนอนสลบอยู่บนกอหญ้าที่หนาเหมีอนใครอุ้มเธอมาวางไว้
แม้รถจะจำสภาพแทบไม่ได้ แต่คนก็รอดอย่างอัศจรรย์
|
เมื่อถูกเรียก เอ้ก็ค่อยๆ รู้สีกตัว ลึมตาขึ้นมามองทุกๆ คน ต้วยความงวยงง แล้วก็หลับตาลงสลบต่อไป พลเมีองดีจึงรีบนำส่งโรงพยาบาล
เอ้รู้สึกตัวอย่างสมบูรณอีกครั้ง เมื่อคุณหมอตรวจเช็คร่างกายแล้ว ปรากฏว่าร่างกายเธอไม่เป็นอะไรเลย กระดูกทุกชิ้นในร่างกายไม่มีหัก เพียงแต่มีอาการอ่อนเพลียเล็กน้อย หมอจึงให้นอนพักรอดูอาการเท่านั้น เธอรู้สีกแปลกใจมากว่าร่างของเธอหลุดออกมาจากรถตอนที่รถพุ่งชนกับสิ่งกีดขวางได้้อย่างไร
แล้วยังมีอีกเหตุการณ์ที่ตอกยํ้าศรัทธาของเธอ ในความศักดิ์สิทธิ์ของพระมหาสิริราชธาตุ คือในขณะที่เธอหมดสติไป ได้มีขโมยมาแอบค้นของมีค่าในตัวเธอไปจนหมด กระเป๋าสตางค์ สร้อยข้อมีอ นาฬิกา ต่างหู เอาไปหมด แต่เจ้าหัวขโมยไม่เห็นสร้อยคอทองคำหนัก ๑ บาท ที่เธอห้อยองค์พระมหาสิริราชธาตุอยู่ ทั้งที่ในวันนั้นเธอสวมเสื้อคอยู ติดซิปด้านหน้า ก้มนิดเดียว สร้อยก็หลุดออกมานอกเสื้ออย่างเห็นได้ชัด แต่ขโมยกลับมองไม่เห็น "ท่านศักดิ์สิทธิ์จริงๆ"
๓ วันต่อมา คุณยายอนงค์ จูงมือหลานชายเข้าไปรับแม่เอ้ที่โรงพยาบาลเพื่อกลับบ้าน ทุกคนได้มาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง
"หนูเหมือนตายเเล้วเกิดใหม่ค่ะแม่" เอ้ พูดพร้อมกับดึงลูกน้อยเข้ามากอดในอ้อมอกอย่างตื้นตันใจและรู้สึกดีใจที่ผ่านพ้นวินาทีวิกฤตนั้นมาได้ โลกมนุษย่ที่เราอาศัยอยู่นี่ เปรียบเสมือนตลาดกลางในการค้าบุญและบาป ใครทำความดีก็มีกำไรชีวิต จะพบความสุขทั้งในปัจจุบันและอนาคต ทั้งโลกนี้ และโลกหน้า ชาตินี้ก็คุ้มค่ากับการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ มาเพื่อสั่งสมบุญบารมีล้วนๆ บุญกุศลที่ทำไว้ไม่หนีหายไปไหน จะติดตามเราไปเหมือนเงาตามตัว ส่วนผู้ที่ทําบาปอกุศลเอาไว้ ก็จะได้รับผลกรรม เสวยวิบากกรรมอันเผ็ดร้อน บาปกรรมที่ทำไว้ก็เปรียบเสมีอนล้อเกวียนที่หมุนไปตามรอยเท้าโคไม่สามารถจะหลีกพ้นจากบาปกรรมที่ได้ทำเอาไว้
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ในขุททกนิกายธรรมบทว่า
"บุคคลที่ทำกรรมชั่วไว้ ถึงจะหนีไปทางอากาศ ก็พ้นจากกรรมชั่วไปไม่ได้ หนีไปในท่ามกลางมหาสมุทร ก็พ้นจากกรรมชั่วไปไม่ได้ หนีเข้าไปในซอกเขา ก็พ้นจากกรรมชั่วไม่ได้ ไม่มีสถานที่ใด ที่จะพ้นจากการรับผลกรรมชั่วได้เลย"
พระพุทธองค์จึงสอนให้ละชั่วทุกอย่าง ทั้งทางกาย วาจา และใจ เพราะเป็นเหตุให้เกิดชาติ ไม่มีที่สิ้นสุด ทรงสอนให้ทำความดีทุกรูปแบบ ไม่ให้ดูหมิ่นบุญว่ามีประมาณเล็กน้อย แล้วไม่ยอมทำความดี ประมาทในการสั่งสมบุญ แล้วยังสอนให้ทำจิตให้ผ่องใส สะอาดบริสุทธิ์ยิ่งๆ ขึ้นไป เพราะตราบใดที่ยังไม่หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ บาปอกุศลก็จะคอยติดตามเป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิตและการสร้างความดีเรื่อยไป