เรื่องที่ ๔๕๒ เกือบโดนขย้ำ
เกิดสังหรณ์ใจถึงภัยที่กำลังเข้ามาจึงหันไปมองด้านหลัง เห็นเจ้าบ๊อกเซอร์กำลังวิ่งพุ่งกระโจนใส่เธอและลูกน้อย
คุณบุษบา กลื่นชวนชื่น ผู้ยึดมั่นในพระรัตนตรัย
|
คุณบุษบา กลื่นชวนชื่น
ในช่วงปลายปิพ.ศ.๒๕๔๑ หลังจากที่สร้างองค์พระ และได้รับพระของขวัญ พระมหาสิริราชธาตุ มาบูชาแล้ว คุณบุษบาบอกว่า พอได้รับองค์พระก็ตั้งใจว่าจะสวดมนต์สรรเสริญท่านวันละ ๙ จบ ซึ่งเธอได้ตั้งใจสวดสรรเสริญทุกๆ วัน ในวันที่ ๕ ของการสวดมนต์ทำวัตรเย็น และต่อด้วยบทสวดสรรเสริญพระมหาสิริราชธาตุตามปกติ
วันนั้นนั่งสวดอยู่คนเดียวใจกำลังนิ่งเป็นสมาธิเห็นองค์พระมหาสิริราชธาตุชัดเจนอยู่ที่กลางท้อง ในรอบที่ ๘ ของการสวด เสียงของเธอที่เปล่งออกจากศูนย์กลางกาย บัดนี้ได้บังเกิดมีเสืยงอีกเสียงหนึ่งสวดดังกังวานไปพร้อมกับเธอด้วย เสิยงนั้นเป็นเสิยงผู้ชาย เสียงนี้ทําให้เธอตี่นเต้น ลองหยุดการสวดสักครู่แล้วสวดต่อไปอีก ปรากฏว่าเสียงสวดมนต์นั้นยังคงดังก้องออกมาจากกลางกายอีก จนกระทั่งเธอสวดครบ ๙ จบ เหตุการณ์ครั้งนี้ทําให้เธอเพิ่มความศรัทธาและเชื่อมั่นในพระของขวัญเธอมาก ว่ามีความศักดิ์สิทธิ์เหมือนดังที่เขาร่ำลือกัน
เหตุการณ์ทำนองนี้ย่อมเกิดขึ้นบ่อยๆ และเป็นปกติธรรมดาของผู้ที่มีความเลื่อมใสในพระรัตนตรัย ซึ่งถ้าใครมีโอกาสพบประสบอานุภาพนี้ ก็ถือว่าเป็นบุญลาภ ตอกย้ำความดีที่เพียรกระทำอยู่ ว่ากำลังเดินอยู่บนหนทางที่ถูกต้องและดีงาม
น้องนุช เหยื่อของสุนัขอันธพาล
|
คุณบุษบา กลิ่นชวนชื่นมีอาชีพรับราชการ ครอบครัวของเธอเป็นครอบครัวเล็กๆ มีบุตรสาว ๒ คน คนโตกำลังอยู่ช่วงวัยรุ่น คนเล็กอายุ ๕ ขวบ เพื่อความสะดวกในการเดินทางในชีวิตประจำวัน คุณบุษบาจึงหาโรงเรียนอนุบาลใกล้ที่ทำงาน หลังเลิกงานก็เดินไปรับลูกสาวคนเล็กกลับบ้านพร้อมกัน
โรงเรียนอนุบาลห่างจากที่ทำงานประมาณ ๔๐๐ เมตร แต่ในซอยนี้ทำให้เธอต้องเดินด้วยความระมัดระวังทุกครั้ง เมื่อต้องเดินผ่านหน้าบ้านหลังใหญ่ที่สุดในซอย เพราะบ้านหลังนี้เลี้ยงสุนัขพันธุ์ดุๆ เอาไว้มากมาย ทุกเย็นคนเลี้ยงก็จะปล่อยสุนัขออกมาวิ่งเล่นหน้าบ้าน แล้วก็นำกลับเข้าบ้าน แต่จะมีเจ้าสุนัขอันธพาลอยู่ตัวหนึ่งพันธุ์บ๊อกเซอร์ มันชอบแอบคนเลี้ยง ไม่ยอมเข้าบ้าน แล้วสร้างวีรกรรมลอบกัดผู้คนที่ต้องเดินผ่านเสันทางนี้อยู่บ่อยๆ
ในช่วงเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ เวลาประมาณบ่าย ๔ โมง เธอเดินไปรับลูกสาว คือ น้องนุชตามปกติ ตอนไปปลอดภัย เพราะคนเลี้ยงยังยืนคุมสุนัขของตนเองอยู่ แต่ตอนกลับเธอต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะมีลูกสาวเดินกลับมาด้วย
ขณะที่กำลังจะผ่านบ้านหลังนี้ คุณบุษบาจูงมือน้องนุช รีบเดินเร่งฝีเท้าเพื่อให้พ้นไปเร็วๆ "เราพ้นไปจากบริเวณนี้เร็วเท่าไหร่ เราและลูกก็ปลอดภัยเท่านั้น" บรรยากาศในตอนนั้นเงียบมาก มีแค่รถ ๒-๓ คันรถที่เขานํามาจอดทิ้งไว้ก็จะพ้นบริเวณนี้ เธอและลูกก็จะปลอดภัยแล้ว พอคุณบุษบาและลูกสาวเดินผ่านรถเก๋งสีน้ำตาลที่จอดอยู่ เจ้าบ๊อกเซอร์มันก็โผล่พรวดออกมา คุณบุษบาซึ่งระวังตัวอยู่แล้ว จับแขนลูกสาวให้แน่นขึ้น ข่มความกลัวเอาไว้ เดินเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่พอเดินผ่านไปได้แค่ ๓ ก้าวเท่านั้น คุณบุษบาเกิดสังหรณ์ใจถึงภัยที่กำลังเข้ามาจึงหันไปมองด้านหลัง เห็นเจ้าบ๊อกเซอร์กำลังวิ่งพุ่งกระโจนใส่เธอและลูกน้อย ทั้งๆ ที่หลบไม่ทันแต่ด้วยลัญชาตญาณ เธอจับตัวลูกหลบไปอีกทาง น้องนุชล้มหงายหลัง ส่วนคุณบุษบาอยู่ในชุดกระโปรงแคบ ล้มทั้งยืนเข่ากระแทกพึ้น
แม่ผู้คอยให้ความรัก และสั่งสอนให้ลูกทำความดีอย่างสม่ำเสมอ
|
||
เธอห่วงลูกมากรีบมองหาลูก เห็นเจ้าสุนัขใจร้ายกําลังตรงเข้าไป หมายขย้ำเหยื่อ น้องนุชตกใจนอนนิ่ง ฟันอันแหลมคมของมันใกล้จะขย้ำใบหน้าของน้องนุชเข้าไปทุกทีๆ ช่วงวินาทีวิกฤตินั้น เธอหาที่พึ่งอื่นใดไม่ได้อีกแล้ว "พระมหาสิริราชธาตุ ช่วยลูกด้วย" นึกได้เท่านี้ เธอก็เห็นเจ้าบ๊อกเซอร์ ชะงักงันเหมือนมันถูกอะไรบางอย่างสกัดกั้นเอาไว้ หน้าน้องนุชห่างกับหน้าของมันแค่นิ้วมือเดียว น้องนุชทั้งเหม็นทั้งกลัวร้องไห้จ้า พอดีเจ้าของสุนัขไต้ยินเสิยงเอะอะจึงรีบออกมาดู จับสุนัขเข้าบ้าน สถานการณ์จึงคลี่คลายลงได้
น้องนุชโผเข้าหาอ้อมกอดแม่ "แม่...นุชเหม็นนํ้าลายมันจังเลย" "ขวัญเอ๋ย...ขวัญมาบุญรักษาลูก"
ส่วนเจ้าของสุนัข เห็นว่าสองแม่ลูกปลอดภัย กล่าวขอโทษแล้วรีบเข้าบ้านปิดประตู ปล่อยให้สองแม่ลูกยืนตกใจอยู่ สักครู่มีชายสองคนเดินเข้ามาถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า เขาบอกว่าเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด แต่ไม่กล้าเข้ามาช่วย เพราะไม่มีอาวุธอะไรจะไปสู้กับมัน "ผมเห็นหมาตัวโตกว่าเด็กตั้งเยอะ มันพุ่งเข้าใส่แล้ว แต่ทำไมมันถึงชะงักไป โชคดีจริงๆ ที่มันทำอะไรลูกคุณไม่ได้" คุณบุษบาได้แต่นึกในใจ "โชคดีจริงๆ ที่เรายังมีสตินึกถึงพระให้มาช่วยเอาไว้ทัน"
เหตุการณ์ที่เธอและลูกสาว ได้ประสบพบมายังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำและเป็นเครื่องเตือนสติให้ดำรงชีวิตด้วยความไม่ประมาท เข้าใจอย่างลึกชื้งในคำสั่งสอนแนะนำ ทำให้หมั่นสวดมนต์ บำเพ็ญทาน รักษาศีล และทำใจหยุดนิ่งเจริญภาวนาอยู่เป็นนิจ
คำแนะนำสั่งสอนที่ฟังดูแล้วเหมือนเป็นสิ่งที่ไกลตัว ไม่รู้ว่าทำไปแล้วผลที่ออกมาจะมีค่าเท่าไหร่ แต่หลังจากเหตุการณ์นั้นเธอรู้แล้วว่ามีค่ามากจะนับจะประมาณมิได้ มีประโยชน์มหาศาลต่อทุกคนๆ ที่ได้ฟังและปฏิบัติตาม
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสไว้ในบทโอวาทปาฏิโมกข์ว่า
กิจโฉ มนุสสปฏิลาโภ "การกลับได้อัตภาพเป็นมนุษย์ เป็นการยาก"
กิจฉัง มัจจาน ชีวิตัง "การดำรงชีวิตอยู่ของสัตว์ทั้งหลาย เป็นการยาก"
กิจฉัง สัทธัมมัสสวนัง "การที่ได้ฟังพระสัทธรรมเป็นการยาก"
น้องนุช หมั่นทำความดี
ประพฤติปฏิบัติธรรมตั้งแต่เด็ก |
การได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นเป็นของยาก เมื่อได้อัตภาพแห่งความเป็นมนุษย์ เราจึงควรจะประคับประคองการดำรงอยู่ให้มีความสุขและปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง เพราะกายมนุษย์นี้เป็นกายที่เหมาะแก่การสร้างความดีทุกรูปแบบ จึงควรจะรักษาเอาไว้ให้ดี
ยิ่งในปัจจุบัน ดูเหมือนสิ่งที่จะมาบั่นทอนชีวิต มีมากมายหลายแบบ ทั้งทางตรงและทางอ้อม จากความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่มนุษย์พยายามเอาชนะภัยจากธรรมชาติ แต่มันกลับเป็นอสรพิษที่หันกลับมาทำลายมนุษย์ซึ่งเป็นผู้คิดค้นประดิษฐ์มันขึ้นมาเอง สารพิษตกค้าง สารกัมมันตภาพรังสี ที่เจือปนอยู่ในอากาศและอาหาร อันตรายจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากความประมาทและความใจร้อน จะเห็นได้ว่า พุทธดำรัสที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า "การดำรงชีวิตอยู่ของสัตว์ทั้งหลายเป็นการยาก" เมื่อสองพันห้าร้อยกว่าปีที่ผ่านมา ยังคงทันสมัยและเห็นภาพได้ชัดเจนมากสำหรับยุคนี้เลยทีเดียว
คุณบุษบา จึงนับได้ว่าโชคดีที่ดำรงตนอยู่ด้วยความไม่ประมาท ได้ฟังพระสัจธรรมอันประเสริฐ แล้วนำมาประพฤติปฏิบัติจนใจคุ้นกับการแล่นเข้าไปหาที่พึ่งอันประเสริฐ คือคุณแห่งพระรัตนตรัย หาไม่เช่นนั้นเหตุการณ์ที่เธอและลูกสาวได้ประสบอาจทำให้ต้องพลัดพรากจากบุคคลที่เป็นที่รักหรืออาจพิการ เป็นอุปสรรคขัดขวางในการทำความดี ทำให้ชีวิตมีทุกข์มาก มีสุขน้อย
สร้างความดีให้สมบูรณ์ทุกรูปแบบ ทั้งทาน ศีล ภาวนา เพื่อให้สมกับความโชคดีที่ได้รับอริยทรัพย์อันประเสริฐ เพราะการได้เกิดมาเป็นมนุษย์นั้นเป็นของยาก แต่การได้เกิดมาเป็นมนุษย์ได้พบพระพุทธศาสนานั้นยากยิ่งกว่า