เรื่องที่ ๔๕๓ มันมาจากข้างบน
เหมือนมีอะไรมันมาจุกอยู่ที่คอ ตะโกนบอกนายช่างไม่ออก ส่วนนายช่างรู้สึกถึงเงามรณะ กำลังพุ่งโถมเข้ามา
สถานที่เกิดเหตุ
|
ทันทีที่ นายสาธิต สายสุริยา ได้รับงานการรื้อถอนชิ้นใหม่มา เมื่อไปดูลักษณะงานแล้ว เขายอมรับว่า เป็นงานรื้อถอนที่ค่อนข้างยากพอดู เพราะท่อเหล็กที่ตั้งอยู่บนแท็งก์ยักษ์ (หรือไซโลถังเก็บผลผลิตทางการเกษตร) สูงประมาณ ๑๐ เมตร แล้วมีท่อเหล็กเจ้าปัญหา ตัวของมันหนักถึง ๓๐๐ กิโลกรัม สูงขึ้นไปอีก ๕ เมตร ฐานที่ยึดตัวท่อติดกับแท็งก์นั้นเล็กนิดเดียว แต่ส่วนที่สูงขึ้นไปบนฟ้ากลับโตกว่าฐาน (ส่วนนี้เรียกว่าไซโคลนมีไว้สำหรับแยกฝุ่นเเละไล่อากาศความชื้นในถังใหญ่อีกที
เขาเกณฑ์ลูกน้องทั้งหมด ๕ คน ซึ่งคาดว่าเป็นกำลังที่เพียงพอ สำหรับงานนี้
คนงานทั้ง ๕ คน เรียงกันไต่บันได เมื่อไปถึงจุดเป้าหมาย ทุกคนต่างตกลงกันว่า จะใช้วิธีเดิมคือ ไขน็อตเลื่อนสลักใต้ฐานออก แล้วพวกเขาค่อยช่วยกันประคองมันลงมา เท่านี้งานก็สำเร็จ
ทุกคนลงมือทำงานอย่างรวดเร็ว ๔ คนยืนประคองท่อเหล็กเอาไว้ เหลืออีก ๑ คนทำหน้าที่ไขน็อตออกทีละตัวๆ พอน็อตตัวสุดท้ายหลุดออกมาจากการยึดเหนี่ยว เหตุการณ์พลิกผันก็เกิดขึ้น น้ำหนัก ๓๐๐ กิโลกรัม มันมากเกินไปสำหรับคนทั้ง ๕ จะรับไว้ได้ ส่วนบนที่ใหญ่ของตัวท่อถ่วงน้ำหนักได้เป็นอย่างดี ทำให้มันกลายเป็นตุ๊กตาล้มลุกที่ไม่สามารถบังคับให้มันค่อยล้มเอียงลงได้ ใครคนหนึ่งในนั้นบอกให้เพื่อนร่วมงาน "พวกเราออกแรงพยุงต้านมันเอาไว้ก่อนนะ"
ขณะนั้นเองของพวกเขาก็คิดได้ว่าการคาดคะเนน้ำหนักในครั้งนี้ผิด มันหนักมากและกำลังเอนมาทางพวกเขา ทั้ง ๕ ได้พยายามรวมกำลังทุ่มแรงสุดฤทธิ์ อากาศร้อนระอุด้วยเปลวแดด เสื้อผ้าเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อและเสียกำลังไปอย่างมากมาย ทำให้มือเท้าสั่น หมดกำลังจะต้านมันไว้ได้
ความรู้สึกตอนนั้น ได้บอกพวกเขาว่า... ไม่ไหวแล้ว ซึ่งหนึ่งในจำนวนนั้น ได้ตะโกนบอกนายช่างให้ขึ้นมาช่วยพวกเขาด้วย
แน่นอน... เมื่อได้ยินเสิยงตะโกน นายช่างซึ่งกำลังตรวจความเรียบร้อยอยู่พื้นราบ รีบไต่ราวบันไดขึ้นไป ด้วยจิตสำนึกความรับผิดชอบ เพี่อความคล่องตัวเขาจึงตัดสินใจวางโทรศัพท์มือถือไว้ที่ขอบแท็งก์แล้วรีบเข้าไปช่วยพยุงอีกแรง พอได้แรงมาช่วยหนุนอีกแรง ทำให้ทุกคนคลายความเหนื่อยล้าลงไปได้บ้าง
นายสาธิต สายสุริยา รอดพ้นจากอันตรายด้วยการระลึกถึงพระรัตนตรัย
|
ต่างช่วยกันโอบพยุงเอาไว้ ขณะที่นายช่างกำลังคิดหาวิธีการที่จะนำท่อให้ล้มเอนลงโดยให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด และปลอดภัยที่สุด ในเสี้ยววินาทีนั้นเอง สัญญาณโทรศัพท์มือถึอดังขึ้น เขาจึงตัดสินใจผละออกเพื่อไปรับโทรศัพท์ โดยไม่เฉลียวใจว่าลูกน้องหมดแรงต้านแล้ว จึงบอกให้ทุกคนช่วยกันพยุงเอาไว้ก่อน แต่เจ้ากรรม!!! ขณะนายช่างผละออก หันหลังให้กับท่อเจ้าปัญหาก้าวออกไป ลูกน้องทั้ง ๕ คน ต่างผนึกกำลังกันเต็มที่ แต่อนิจจา! แรงของพวกเขาหมดแล้ว ขาดไปแค่คนเดียว เจ้าตุ๊กตาล้มลุกก็เอียงเหวี่ยงลงสู่พื้นทันทีมันเกินกำลังที่จะทานได้ หมุนติ้วเหมือนมีปุ่มบังคับให้มันลอยตามหลังนายช่างที่เพิ่งจะก้าวเดินออกไปได้แค่ ๓ ก้าวเท่านั้น ทุกคนตกตะลึงอ้าปากค้าง... เหมือนมีอะไรมันมาจุกอยู่ที่คอ ตะโกนบอกนายช่างไม่ออก ส่วนนายช่างรู้สึกถึงเงามรณะ กำลังพุ่งโถมเข้ามา แหงนหน้าไปมอง... ท่อเหล็กมันพุ่งตรงลงมาจวนจะถึงตัว หนีก็ไม่ทัน เขาจึงตัดสินใจรีบหันหลังยืนเป็นเป้านิ่ง ใจแล่นเข้าไปหาที่พึ่งอันประเสริฐ ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ โดยอัตโนมัติ ไม่รอดแน่อย่างไรก็ขอให้จิตมีเครื่องยึดเหนี่ยวไว้ก่อน จะได้มีสุคติเป็นที่ไป เขานึกถึงบุญสร้างพระที่เจดีย์ ผุดมาให้เขานึกออกเป็นอันดับแรกโดยอัตโนมัติ สื่อแห่งการนึกถึงบุญพระมหาสิริราชธาตุปรากฏขื้นในใจเขาอย่างชัดเจน แล้วเขาก็รู้สึกถึงโลหะขนาดใหญ่ได้หล่นกระแทรกลงมากระทบร่างกาย เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ร่างกายถูกทับปะทะด้วยโลหะหนัก ๓๐๐ กิโลกรัม มันหล่นมาปะทะตั้งแต่ต้นคอ หัวไหล่ แล้วไหลลื่นลงไปยังเบื้องล่าง ตึง...โครม ละอองฝุ่นฟุ้งกระจาย
เขายืนปักหลักรับสถานการณ์นี้ด้วยใจที่ตื่นเต้น แรงปะทะทำให้เขาล้มทั้งยืน เมื่อทุกอย่างนิ่งสงบลง เขาได้รวบรวมความกล้าทั้งหมดอีกครั้งเพื่อสำรวจตัวเอง ค่อยๆ ยกแขนขวา ลูบตรงท้ายทอย สัมผัสเลือดที่ชุ่มตรงคอและไหล่ แต่เอะ! ใจของเขากลับเต้นแรงรัวๆ ขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้เร็วกว่า ตอนที่จะถูกเหล็กทับด้วยซ้ำ
ไม่มีเลือด เขารำพึงในใจเบาๆ "เราปลอดภัยหรือเนิ่ย" เขาขนลุก ปีติในอานุภาพที่ตัวเองได้รับ สำนึกในบุญคุณของครูบาอาจารย์ที่ท่านเพียรสอนให้หมั่นฝึกใจตัวเองให้หยุดนิ่งแล่นเข้าไปหาสิ่งที่ดีงามอยู่เสมอ และผลของการเป็นผู้ประพฤติดี พยายามบำเพ็ญทาน รักษาศีล และสวดมนต์นั่งสมาธิอยู่บ่อยๆ ยํ้าคิดยํ้าทำในสิ่งเหล่านี้ เมื่อชีวิตต้องเผชิญกับอันตรายเขาได้คำตอบทันทีว่าไม่สามารถพึ่งสิ่งอื่นใดได้เลย นอกจากพึ่งตัวเอง พึ่งบุญของตนเองที่สั่งสมมา
ปฎิบัติธรรมร่วมกับเพื่อนกัลยาณมิตร
สั่งสมบุญเป็นประจำ |
เขาหายตะลึงอีกครั้งเมื่อลูกน้องต่างกรูกันมาให้ความช่วยเหลือ นายช่างไม่เป็นอะไรเลยหรือ? ทุกคนถามกันเป็นเสียงเดียว เมื่อเห็นร่างของเขาที่เปื้อนไปด้วยฝุ่นปูน ไม่มีเลือดแม้แต่หยดเดียว ไม่ไกลจากตัวคือซากพื้นหลังคาที่แตกยุบและเจ้ายักษ์ไซโคลน ตุ๊กตาล้มลุกหนัก ๓๐๐ กิโลกรัมสงบนิ่งอยู่ "ผมปลอดภัยครับ" เขาตอบลูกน้อง พร้อมกับลุกขึ้นยืน ความรู้สึกปีติตื้นตัน จนล้นเอ่อ กลับมาหาเขาอีกครั้ง เมื่อหวนนึกถึงสิ่งที่อยู่ฉากหลัง ทำให้เขารอดชีวิตได้เป็นอัศจรรยั
จากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดนั่นเอง ถ้าเขาไม่อยู่ในบุญไม่เคยทำความดี ไม่สวดมนต์ นั่งสมาธิ ถึอศีล ๕ สม่ำเสมอ และสร้างพระธรรมกายประจำตัวมาก่อน บุญที่เขาต้องการพึ่งยามคับขัน คงไม่มี เปรียบเสมือนกระเป้าเสื้อที่ว่างเปล่า เอามือล้วงเข้าไปแล้วไม่พบสิ่งใดๆ เลย
เพราะปกติ นายช่างสาธิต สายสุริยา เป็นคนหมั่นทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา สวดมนต์เป็นประจำ และยังเข้าวัดปฏิบัติธรรมอย่างสม่ำเสมอ เมื่อเขานำใจแล่นเข้าไปยังแหล่งที่ตั้งแห่งบุญกุศล เขาจึงได้พบกับอานุภาพอันอัศจรรย์ ไม่ได้เข้าไปพบความว่างเปล่าเหมือนกระเป๋าเสื้อที่ล้วงเข้าไปแล้ว ไม่มีสิ่งใดเลย
ไม่มีคำตอบใดๆ อธิบายเรื่องเหนือธรรมชาตินี้ได้ลึกซึ้ง นอกจากคุณจะเป็นผู้ประสบกับมันเอง แล้วใช้บุญช่วย...เพื่อให้รอดชีวิต
ในทางกลับกัน ถ้าเหตุการณ์นี้บังเกิดขึ้นกับคุณ คุณจะเลือกเป็นผู้รอดหรือผู้สาหัส ถ้าเลือกที่จะรอด คุณต้องถามตัวเองว่า บุญในตัวเราพอหรือยังที่จะช่วยให้รอด...
พึงสะสมบุญ ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา อย่างสม่ำเสมอ และ สร้างบุญใหญ่ มิใช่เพื่อใคร แต่เพื่อตัวคุณเอง