เรื่องโจทด้วยอาบัติ
พระพุทธเจ้าทรงรับสั่งไว้ ในพระวินัยปิฎก เล่ม ๔ มหาวรรค อุโบสถขันธกะ โจทนากถา เรื่องโจทด้วยอาบัติ ความว่า “พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า ภิกษุทั้งหลาย ไม่พึงโจทภิกษุผู้ยังไม่ได้ให้โอกาสด้วยอาบัติ รูปใดโจท ต้องอาบัติทุกกฎ ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้โจทก์ขอโอกาสด้วยคำว่า ขอท่านจงให้โอกาส ผมใคร่จะพูดกับท่าน ดังนี้แล้วจึงโจทด้วยอาบัติ” หากภิกษุรูปใดจะโจทภิกษุอื่นด้วยอาบัติ จึงต้องไปบอกกล่าวขอโอกาสกับผู้ถูกกล่าวหาด้วยตนเอง มิฉะนั้นคำกล่าวหานั้นจะขัดหรือแย้งกับพระธรรมวินัย
พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.๒๕๓๕ มาตรา ๑๕ ตรี ได้กำหนดอำนาจหน้าที่ของมหาเถรสมาคม และกำหนดว่า “เพื่อการนี้ ให้มหาเถรสมาคมมีอำนาจตรากฎมหาเถรสมาคม ออกข้อบังคับ วางระเบียบ ออกคำสั่ง มีมติหรือออกประกาศ
พระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชดังกล่าว ไม่ใช่พระบัญชาจึงไม่มีผลบังคับตามกฎหมาย ซึ่งที่ประชุมมหาเถรสมาคม มีมติที่ ๑๙๓/๒๕๔๒ เมื่อวันจันทร์ที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๔๒ “สนองพระดำริมาโดยตลอด ให้ชอบด้วยกฎหมาย พระธรรมวินัย และกฎมหาเถรสมาคม” มหาเถรสมาคมจะสนองได้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับพระธรรมวินัยเท่านั้น