รสสัมผัส

วันที่ 06 กพ. พ.ศ.2560

 
รสสัมผัส
 
 
รสสัมผัส,ที่นี่มีคำตอบ ฉบับมินิ เล่ม 4 รักนี้สีอะไร,บทความประจำวัน
 
 
                    การสัมผัสถูกต้อง เป็นอาการกระทบกันระหว่างประสาททางผิวหนังของร่างกายทั่วตัวกับความเย็น ความร้อน ความอ่อน (นิ่ม) ความแข็ง ซึ่งเป็นการสัมผัสที่กว้างขวางกว่าประสาทชนิดอื่น เพราะเนื้อที่ใน ร่างกายมีประสาทประเภทนี้ทํางานอยู่ทั่วร่างกาย ไม่เหมือนอวัยวะสัมผัสอื่น คือ ตา หู จมูก ลิ้น ซึ่งมีบริเวณจํากัด
 
                     ความอยากได้ในสัมผัสทางร่างกาย ถ้าเป็นเรื่องทั่วไป เช่น เวลาอากาศร้อนๆ ให้รู้สึกอยากอยู่ในที่มีเครื่องปรับอากาศเย็นๆ เวลาอากาศหนาวจัด อยากอยู่ในที่มีเครื่องปรับอากาศให้ร้อน ชอบนั่งนอนในที่มีของรองรับอ่อนนุ่ม หรือบางครั้งเวลาเมื่อยขบก็ชอบสัมผัสที่ค่อนข้างแข็งให้หายเมื่อย กระทั่งชอบรับประทานอาหารบางชนิดกรอบๆ ก็ได้ชื่อว่า ชอบกระทบของที่มีลักษณะ “แข็ง” เช่นเดียวกัน
 
                   ความหลงใหลชอบพอในรสสัมผัสทั่วๆ ไป ดังที่ว่ามานี้ ไม่ใคร่ทําความเดือดร้อนมากนัก หรือทําบาปกรรมหนักอันใดมาก ส่วนใหญ่เมื่อปรารถนาขึ้นมา ก็แสวงหาด้วยการนําเงินทองไปซื้อมาใช้ให้ถูกใจตน เครื่องปรับอากาศเครื่องหนึ่งๆ ราคาเป็นเรือนหมื่น ที่นั่งที่นอนอย่างดีๆ ราคาเรือนหมื่นก็นับว่าเป็นชนิดประณีตอย่างยิ่งแล้ว รถยนต์ยี่ห้อดีหน่อย ราคาจึงจะเป็นแสนเป็นล้าน ซึ่งนั่นมักไม่ใช่เรื่องติดสัมผัสทางกาย แต่เป็นติดสัมผัสทางตา ชอบรูป ชอบรุ่น ชอบยี่ห้อของรถยนต์พวกนั้น
 
                 แต่ความหลงใหลที่เป็นอันตรายสาหัสที่สุดในการสัมผัสทางร่างกาย คือการสัมผัสด้วยอวัยวะเพศ ประสาทสัมผัสตรงส่วนนั้น ให้ความรู้สึกพอใจสูงที่สุดในชีวิตของสัตว์ทั้งหลาย เป็นความรู้สึกที่ผู้ใดรู้รสเข้าแล้ว ถ้าไม่มีปัญญาสั่งสอนตนเองให้ข่มความรู้สึกนั้นให้ได้ ก็จะตกอยู่ในอํานาจรสสัมผัสนั้นอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
 
            บังเอิญการสมสู่ระหว่างชายหญิงนั้น มิใช่ใช้ประสาททางร่างกายเพียงอย่างเดียว ใช้ทั้งหมด ๕ อย่าง
 
            ทางตา                   ใช้ดูรูปร่างหน้าตาผิวพรรณทั้งหมดที่พึงใจ
            ทางหู                     ใช้ฟังเสียงพูดอ่อนหวาน เอาอก เอาใจ
            ทางจมูก                ใช้สูดดมกลิ่นไปตามผิวกาย
            ทางลิ้น                  ใช้สัมผัส ส่วนใหญ่ผ่านทางปาก เช่น การจูบ
           ทางร่างกาย          นอกจากการเสพสัมผัสด้วยอวัยวะเพศแล้ว ยังใช้อาการเคล้าคลึงกอดจูบด้วยส่วนต่างๆ ของร่างกาย แขน ขา ลําตัว
 
           ในร่างกายของเพศตรงข้ามมีกามคุณทั้ง ๕ ครบถ้วนบริบูรณ์ที่สุด ยิ่งกว่าสิ่งของอื่นๆ จึงเป็นที่หลงใหลของผู้คนหรือสรรพสัตว์ทั้งปวงทุกยุคทุกสมัย เมื่อปล่อยให้ความรู้สึกดังกล่าวครอบงำใจ ใจก็หมดสมรรถภาพในการควบคุมตนเอง กิเลสตัวโลภะที่เรียกกามตัณหาหรือกามราคะก็บีบใจ ให้ต้องทําเรื่องราวต่างๆ อันเป็นต้นเหตุนําทุกข์นำภัยพิบัติต่างๆ มาสู่ตน
 
         ถ้าเป็นความปรารถนาที่ยังอยู่ในขอบเขต คือ เมื่อต้องการก็แสวงหาเอาตามระเบียบประเพณีของสังคม ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดธรรมเนียม เช่น มีการสู่ขอ แต่งงาน อยู่กินกันตามปกติของคนครองเรือน       ความทุกข์ในการแสวงหาก็เป็นไปตามธรรมชาติ ต้องทํามาหากินเพิ่มขึ้นกว่าเดิม เพื่อสร้างหลักฐานให้ครอบครัว เพื่อลูกหลานที่จะเกิดตามมา
 
        แต่สําหรับผู้ที่ควบคุมจิตใจตนเองไม่ได้ มีความปรารถนาในรสสัมผัสมากกว่าคนปกติก็ต้องแสวงหาเพิ่มขึ้น ได้มาอย่างสุจริตไม่พอก็ต้องหาทางทุจริตต่างๆ บางครั้งมีการเบียดเบียนกันอย่างรุนแรงถึงชีวิต
 
           คดีร้ายแรงต่างๆ ฉุดคร่าอนาจาร ข่มขืน กระทําชําเรา พวกกามวิปริต โรคจิตประสาททางเพศ ควบคุมจิตใจตนเองไม่ได้ มีการทําร้ายอีกฝ่ายถึงตาย ล้วนแต่มาจากการหลงใหลในการสัมผัสที่กล่าวมาแล้ว
 
           มีนักการเมืองของประเทศไทยผู้หนึ่ง มีภรรยาหลายคน ต้องใช้จ่ายเงินทองเลี้ยงดูภรรยาแต่ละรายเป็นเงินจํานวนมาก มีบ้านหรูๆ ให้ มีรถยนต์ประจําตัว มีเงินจ่ายเป็นรายเดือน รายได้สุจริตชนิดใดก็ไม่พอ เลี้ยงภรรยาเหล่านั้น จึงต้องค้าขายของผิดกฎหมาย หาเงินมาปรนเปรอความสุขให้ตัวเอง
 
           เมื่อหลงใหลในกามคุณเรื่องนี้ก็ทําบาปอย่างอื่นตามมาดังกล่าว ข้าพเจ้าเคยรู้จักสตรีสาวสวยมากผู้หนึ่ง เป็นญาติห่างๆ ของเพื่อน เธอมีชื่อเล่นว่า “ตุ๊” ฐานะของเธอค่อนข้างยากจน ความสวยที่ไม่มีความรวย เป็นรั้วป้องกันภัยชั้นที่หนึ่ง ไม่มีความฉลาดเป็นรั้วป้องกันชั้นที่สอง มักจะถูกความผันผวนของชีวิตหักมุมให้กลายอาชีพเป็นโสเภณีไปได้ง่ายๆ เธอก็เป็นในทํานองที่ว่านี้
 
          ในเวลานั้น พวก “แมวมอง” คือคนที่มีหน้าที่สอดส่องหาสตรีสาวสวยให้นักการเมืองคนดังกล่าวเห็นเธอเข้า ความสวยของเธอ คนที่เห็นถึงกับต้องคิด “ย้อมแมวขาย” คือจะนําไปให้นักการเมืองผู้นั้นโดยหลอกว่าเป็นสาวบริสุทธิ์ เพราะนอกจากเป็นการประจบเอาใจเจ้านายแล้ว ยังได้รับรางวัลทุกครั้งที่ทํางานสําเร็จ แมวมองบางคนที่มีจิตใจเหี้ยมเกรียม ยังแย่งชิงเอาเงินจากตัวผู้หญิงเหล่านั้นอีกเมื่อเธอได้รับรางวัลมา
 
           ครอบครัวของตุ๊หรือแม้แต่ข้าพเจ้าพลอยดีใจคิดว่า เธอคงจะได้รับความสุขสบายเสียที การมีบ้านอยู่ มีรถใช้ มีเงินเดือนประจําเท่าๆ กับข้าราชการชั้นพิเศษสมัยนั้น และไม่ต้องปรนนิบัติท่านบ่อยนักเพราะมีเวรในการหมุนเวียนสับเปลี่ยนอยู่เรื่อยๆ คนไหนพอใจมากถึงจะต้องเข้าปรนนิบัติบ่อย งานเพียงแค่นี้นับว่าน่าพอใจ อยู่เป็นสุข ไม่ต้องเสี่ยงต่อโรคภัยไข้เจ็บเหมือนอาชีพหญิงโสเภณี
 
       แต่เมื่อเธอถูกรับตัวไปไม่ถึง ๕ วัน ตุ๊ก็กลับมาถึงบ้าน เล่าพร้อมกับเก็บข้าวของลงกระเป๋า กลับไปทําอาชีพเดิม
 
          “โอ๊ย แทบตายเลย กว่าจะออกมาได้ ถูกขังอยู่ ๓ วัน ไม่รู้จะทํายังไง ต้องแกล้งทําเป็นบ้า ถึงได้รับคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัว”
 
          “ทําไมถูกขัง มันร้ายแรงอะไรนักหนา ได้เงินตั้งเป็นแสนไม่ใช่หรือ” ทางบ้านถาม
 
        “ให้มากกว่านี้อีกกี่เท่าตัวก็ไม่เอาแล้ว จะตายเอา ทีละตั้ง ๓ ชั่วโมง ตุ๊เบื่อจนต้องเข้าไปอาเจียนในห้องน้ำ”
 
        รายละเอียดที่เธอเล่าคือว่า อดีตนักการเมืองผู้นั้นพอใจในการเสพกามกับเธอมาก หลงใหลในรสสัมผัส แต่ละครั้งที่ยุ่งเกี่ยวทางเพศกับเธอ ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า ๓ ชั่วโมง เธอต้องทนอยู่กับผู้ชายอ้วนลงพุง วัย ๕๐ ปี ดวงตาเล็กหรี่มีแต่แววกระหายร้อนแรง
 
       “มันน่ากลัว น่าเกลียดที่สุดเลยคะ หนูเคยนอนกับแขกมานับคนไม่ถ้วน ไม่เคยรู้สึกขยะแขยงเท่านี้เลย ผู้ชายคนไหนๆ ที่หนูผ่านมา เขาก็รู้จักพอกันทั้งนั้น แต่นี่ท่านไม่รู้จักพอ ไม่ยอมเลิกราเลย พอเห็นหนูเหนื่อย มีเหงื่อออก ก็ไล่ให้ไปอาบน้ำใหม่ แต่ละครั้งต้องฉีดน้ำหอมให้ทั่วตัวทุกซอกทุกมุม ต้องไม่ให้มีกลิ่นไม่สะอาดแม้แต่นิดเดียว ต้องใช้น้ำหอมกันเป็นขวดๆ ทั้งวัน ตุ๊ก็ไม่ชอบกลิ่นน้ำหอม เวียนหัวไปหมดขอร้องท่านให้หยุดพักบ้างก็ไม่ยอม ตุ๊เจ็บระบมทั้งตัว!
 
        เธอเล่าละเอียดกว่านี้มาก ล้วนแต่แสดงอาการควบคุมจิตใจไม่ได้ของนักการเมืองผู้นั้น
 
         “ท้ายที่สุด ตุ๊ทนไม่ไหวจริงๆ ค่ะ ทั้ง ๓ วันที่ถูกขัง ต้องถูกกระทําซ้ำๆ ซากๆ อยู่อย่างนั้น ขืนอยู่ไปคงสะบักสะบอมตาย ตุ๊เลยเอาน้ำหอมนั้นแหละค่ะกินมันเข้าไปทั้งขวด มันคงมีสารอะไรเป็นอันตรายอยู่มั่ง ทําให้เวียนหัวงงๆ เลยแกล้งคุมสติไม่ได้ หัวเราะบ้าง ร้องให้บ้าง ส่งเสียงโวยวาย ทําตาขวางขุ่นเขียวไปตามเรื่อง ได้ยินท่านออกไปด่าลูกน้องเล้งเชียวค่ะ ว่าไอ้... มึงหลอกกูนี่หว่า เอาคนบ้ามาให้ได้ เอาออกไปเซียะ!”
 
           คนหลงใหลเรื่องรสสัมผัสทางกายนี่เป็นคนที่น่าสงสารที่สุด เพราะเหตุแห่งการติดรสอันนี้เอง ถึงกับต้องยอมสละชื่อเสียงเกียรติยศ หรือแม้คุณธรรมทั้งปวงที่ควรมีควรได้ลง ไม่หวั่นไหวต่อสายตาและความรู้สึกตําหนิติเตียนของผู้อื่น ไม่คํานึงแม้ความอัปยศอับอายของผู้คนที่เกี่ยวข้อง
 
              อํานาจทางกายสัมผัสนี่เอง ที่ฝ่ายมารเอามาผูกมัดใจสรรพสัตว์ ให้อยู่ในอํานาจดิ้นไม่หลุด ผูกติดไว้ข้ามภพข้ามชาติ ดองเข้าไปในจิตใจ จนหมดหนทางแก้ไข เรียกว่า “กามาสวะ” ดองข้ามภพข้ามชาติ จึงปรากฏว่า เรื่องประเภทนี้ แม้มิมีใครสั่งสอนหรือไม่เห็นตัวอย่างจากใคร ความรู้สึกเหล่านี้ก็เกิดขึ้นมาเองภาษาทางวิทยาศาสตร์ที่เรียกว่าสัญชาตญาณของการอยากสืบพันธุ์ ซึ่งความจริงมาจากการที่ใจถูกดองด้วยกิเลสตัวนี้ชาติแล้วชาติเล่าทุกครั้งที่เกิด จนเป็นความรู้สึกหนาแน่นที่ไม่ต้องคิดสร้างขึ้นก็เกิดเองได้ เป็นเรื่องน่ากลัวเกรงจริงๆ
 
            เมื่อเห็นเรื่องนี้สําคัญเสียแล้ว คุณธรรมต่างๆ ก็หมดความหมาย เราจึงพบว่าสามีแอบมีภรรยาใหม่ ภรรยาแอบมีชู้ บางครอบครัวผิดใจกันเพราะเรื่องนี้ บ้านแตกสาแหรกขาด สามารถทิ้งลูกเต้าไม่ส่งเสียเลี้ยงดู ไม่ให้ความอบอุ่นแก่ลูก เพราะถูกกิเลสตัวนี้ครอบงํา
 
                และถ้าเกิดมีการหลงใหลยึดถือผูกพันมาก ก็ยิ่งเกิดความหวงแหนหวาดระแวงมาก บางทีถึงกับมีการฆ่ากันตายหรือทําเรื่องร้ายแรงอื่นๆ ดังที่ทราบข่าวกันอยู่เสมอๆ
 
                   รายนักการเมืองคลั่งรักรายที่เล่าถึง เนื่องจากใช้ร่างกายหักโหมด้วยเรื่องทางเพศมากเกินไป ปรากฏว่าพออายุได้ราวๆ ๕๕ ปี อวัยวะภายในบางส่วน ก็ไม่ยอมทํางาน สุดวิสัยการเยียวยาของแพทย์ ขนาดนอนเจ็บหนักแทบลุกไม่ขึ้น แต่จิตใจยังเสพคุ้นในเรื่องทางเพศ มีเรื่องเล่าว่า ท่านผู้นี้ถึงกับให้บรรดาอนุภรรยาทั้งหลายที่ท่านรักมากๆ ไปพักอยู่ในเรือน พักใหญ่น้อยรอบที่พักรักษาตัวของท่าน และจัดเวรแบ่งเวลาให้เข้าไปอยู่
 
                     คนหนึ่งในสตรีเหล่านั้น ได้นําเรื่องออกมาเล่าให้เพื่อนของเขา ซึ่งเป็นคนรู้จักกับข้าพเจ้าว่า ท่านไม่มีสมรรถภาพพอจะเสพกามกับใครได้แล้ว แต่ความกระหายอันแรงกล้าไม่ได้หมดตามไปด้วย ท่านยังคงใช้มือ ในการลูบไล้สัมผัสไปตามร่างกายของสตรีเหล่านั้น
 
                   ครั้งนั้นเมื่อข้าพเจ้าฟังเพื่อนเล่า รู้สึกแต่เพียงอเนจอนาถใจ พร้อมกันนั้นก็เห็นใจว่า เป็นคนป่วยทางใจอย่างรุนแรง แต่เมื่อได้สนใจปฏิบัติธรรมแล้ว จึงเข้าใจการทํางานของจิต และการสั่งสมกรรมในชีวิตของแต่ละคน ก็ให้นึกสงสารผู้คนทั่วไปทั้งหมดที่ไม่ทราบเรื่องเหล่านี้ ไม่เพียงแต่สงสารนักการเมืองที่เล่านั้นผู้เดียว
 
                    ใจเมื่อคุ้นเคยผูกพันเกี่ยวข้องบ่อยๆ อยู่กับสิ่งใด เมื่อถึงเวลาคับขันอันตรายจะต้องตายจากโลกนี้ ก็ไม่สามารถนึกถึงสิ่งที่ควรนึกออก แม้จะมีผู้ใดแนะนําก็ทําไม่ได้ เพราะเมื่อใจไม่เคยคิด กายวาจาไม่เคยทําไว้อย่างสม่ำเสมอ ใจก็ไม่ยอมรับของใหม่ที่นํามาให้ คงกลับไปทําแต่เรื่องที่คุ้นเคย เพราะสะดวกใจที่จะทํา
 
                    ในกรณีของท่านผู้นี้ เราทุกคนก็ต้องเดาได้ว่า ก่อนสิ้นใจตายท่านก็คงนึกเรื่องอื่นๆ ที่เป็นบุญกุศลไม่ออกเป็นแน่ คงนึกได้แต่ดวงหน้าของบรรดาสาวงามทั้งหลาย ความเสียดาย ความหวงแหนห่วงใยก็ทวีท่วม ทับใจ ไฟราคะเผาไหม้อยู่ตั้งแต่ยังไม่ตาย ตายแล้วก็ย่อมไปสู่สถานที่ที่มีไฟอันร้อนแรงแผดเผาให้เร่าร้อนตลอดกาลนาน คือในนรกภูมิ
 
                  ทํานองเดียวกัน ใครที่คุ้นเคยกับกรรมอย่างอื่นๆ เช่น ชอบร้องเพลงยั่วยุให้ผู้คนหลงใหลมัวเมาอยู่ในเรื่องของกาม ตายแล้วก็ต้องไปร้องเพลงอยู่ในที่ร้อนๆ มีแต่ไฟทํานองเดียวกัน
 
                  ใครชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ปลา ไก่ กุ้ง หมู วัว ควาย ใกล้ตายก็ต้องเห็นแต่สัตว์เหล่านั้นมาทวงหนี้ชีวิตตน ภาพหลอนเหล่านี้จิตของตนนั่นเองที่เป็นผู้สร้างขึ้น ใจก็ย่อมเศร้าหมอง นึกเรื่องอื่นไม่ออกตายแล้วก็ ต้องไปทุคติ
 
                     เป็นเรื่องน่าเสียใจจริงๆ ที่คนส่วนใหญ่ในโลกไม่สนใจเรื่องของจิตใจ สนใจกันแต่เรื่องของร่างกาย วันหนึ่งๆ อาบน้ำ ตกแต่งร่างกายด้วยเสื้อผ้าเครื่องประดับต่างๆ ให้สวยงาม รวมถึงการแต่งหน้า ทาแป้ง ฉีดน้ำหอม เพื่อให้ติดตาตรึงใจของผู้ที่พบเห็น แต่ร่างกายก็กลับทรยศ แก่ทรุดโทรมลงไปทุกวัน
 
                          ส่วนเรื่องทางใจ กลับพากันปล่อยปละละเลย สั่งสมแต่เรื่องที่เป็นบาปอกุศลหมักหมมซ้ำซาก บางคนใจเศร้าหมองจนหมดคุณธรรมความเป็นมนุษย์ไปเลย คือไม่มีศีลเหลือแม้แต่ข้อเดียว ถ้าผู้คนจะขยันแต่งใจกันบ้าง ให้ตั้งมั่นอยู่ในการสร้างบุญกุศลแล้ว ใจของมนุษย์ก็จะงามนักหนา
 
                                 ข้าพเจ้าคุยออกนอกเรื่องกามที่เป็นรสสัมผัสทางกายออกมาไกลไปหน่อย จนถึงเรื่องตาย ท่านคงไม่ตําหนิ เพราะเป็นข้อคิดที่มีประโยชน์อยู่บ้างเหมือนกัน
 
                                    ศีลข้อ ๓ กาเมสุมิจฉาจาราเวรมณี การเว้นจากการประพฤติผิดทางเพศ จึงเป็นข้อห้ามที่ดีในการยับยั้งไม่ให้ผู้คนตามใจติดรสสัมผัสทางกาย ถึงแม้ไม่ทําผิดศีลข้อนี้ แต่ยังพอใจ ชอบใจในอาการสัมผัสอยู่ หักห้ามใจตนเองไม่ได้ ก็จะทําเรื่องนี้ด้วยวิธีการต่างๆ บางคนเสพสัมผัสเรื่องนี้ ด้วยอวัยวะร่างกายส่วนอื่นของตนเอง เช่น ใช้มือ ใช้แขนขา เรียกว่า สําเร็จความใคร่ด้วยตนเอง บางคนใช้เพศเดียวกัน บางคนใช้สัตว์เดรัจฉาน เช่น สุนัข วัว ควาย แพะ บางคนใช้วัตถุที่มีลักษณะคล้ายอวัยวะเพศของอีกฝ่าย หรือใช้ของเทียม เช่น ตุ๊กตายาง เครื่องมือที่ทําด้วยยาง สารพัดรูปแบบที่คนพวกนี้พยายามสรรหาเพื่อสนองหรือบําบัดความต้องการของตน
 
                                     จริงอยู่ การกระทําเหล่านี้ไม่ผิดกฎหมายหรือขนบประเพณีใด ๆ ก็จริง แต่มีโทษตรงที่ทําให้จิตใจคุ้นเคย มีความเคยชิน ติดรสสัมผัส เรียกว่า “จิตคุ้น” การทําอะไรๆ ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการคิด การกระทําทางกาย และการพูดออกมาทางวาจา ถ้าชอบสิ่งใดบ่อยๆ จะทําให้เกิดความเคยชิน และสิ่งเหล่านี้จารึกเป็นภาพอยู่ในใจ ลบทิ้งให้หายไปไม่ได้ เหมือนถ่ายภาพยนตร์ไว้ด้วยฟิล์มพิเศษ พร้อมที่จะฉายให้เจ้าของดูได้ตลอดเวลา
 
                                     ฟิล์มภาพยนตร์ชีวิตเหล่านี้มีความสําคัญต่อจิตใจของเรามากที่สุด เมื่อใจคุ้นกับสิ่งใด ใจก็ชอบฉายภาพยนตร์ฉากนั้นให้เจ้าของได้เห็นอยู่เรื่อยไป  ถ้าเป็นเหตุการณ์ดีๆ  คิดถึงเรื่องเหล่านั้น       จิตใจก็แช่มชื่นผ่องใส ถ้าเป็นเหตุการณ์ชั่วบาปหยาบช้า ใจก็ย่อมเศร้าหมองทุกครั้งที่คิด และเรื่องของใจนั้นเป็นของห้ามได้ยาก จะให้คิดเรื่องนี้ไม่ให้คิดเรื่องโน้น ไม่ใช่บังคับได้ ใจเป็นนามชนิดหนึ่งมีลักษณะเป็นอนัตตา คือ ไม่อยู่ในบังคับบัญชาของใครเหมือนรูปร่างกายเหมือนกัน เมื่อทําแต่เรื่องเลวๆ เอาไว้ จะให้ใจนึกเรื่องดีออกได้อย่างไร
 
                                 ข้าพเจ้าฟังผู้คนหลายคนจริงๆ มาเล่าให้ฟังถึงความกลัดกลุ้มใจของพวกเขา เกี่ยวกับความชั่วที่ทําไว้ในอดีต สมัยเมื่อยังไม่มีความรู้เรื่องบาปบุญคุณโทษ สารภาพว่าเมื่อตอนลงมือทํารู้สึกว่าสนุกสนาน รู้สึกว่าตนเป็นฝ่ายชนะ ได้เปรียบ มาตอนนี้คิดเร่าร้อนใจอยู่ตลอดเวลาจนแทบเป็นบ้า บางคนถึงนอนไม่หลับ มีภาพหลอน มีเสียงหลอน น่าสงสารเสียจริง ทําให้คิดถึงคําตรัสสอนของพระบรมศาสดาว่า
 
                                 “ตราบใดที่บาปยังไม่ให้ผล คนโง่เขลาก็เข้าใจเอาว่าสิ่งที่ตนกระทํานั้นมีรสหวาน (คือเป็นผลดีแก่ตน) แต่บาปให้ผลเมื่อใด คนโง่เขลานั้น ย่อมประสบทุกข์เมื่อนั้น”
 
                                     นอกจากเรื่องเป็นโทษทางจิตใจที่ทําให้ต้องครุ่นคิดหมกมุ่น เท่ากับเพิ่มอกุศลมโนกรรมอยู่เรื่อยๆ ด้วยกามวิตกแล้ว ทางด้านสรีรวิทยาคือสุขภาพร่างกายย่อมเสื่อมโทรมมาก โดยเฉพาะเพศชายความรู้สึก พอใจในการสัมผัสทางเพศ เมื่อขึ้นถึงขีดสูงสุดอวัยวะเพศจะทําการหลั่งน้ำกามที่เรียกว่า น้ำอสุจิ (อสุจิ แปลว่า ไม่สะอาด) ออกมาน้ำกามนั้นเป็นหัวอาหารที่ร่างกายสร้างขึ้น เมื่อต้องหลั่งทิ้งบ่อยๆ ก็เหมือนขับเอาอาหารดีๆ ทิ้งไป ร่างกายของคนที่ชอบเรื่องเพศมากเกินไปดังนี้ จึงมักแก่เร็ว หน้าตาซูบซีด ผิวพรรณทรามไม่ผ่องใส
 
                                          ถ้าเราจะลองติดตามหลักความจริง เกษตรกรเมื่อจะเพาะปลูกพืชชนิดใด ก็จะต้องคัดเลือกเอาเมล็ดพันธุ์ที่ดีที่สุดมาใช้ ร่างกายของเพศชาย อวัยวะส่วนที่ผลิตน้ำอสุจิก็เหมือนสถานที่คัดเมล็ดพันธุ์พืช เพราะน้ำอสุจิเป็นน้ำเชื้อที่จะต้องให้กําเนิดบุตรอันเป็นเผ่าพันธุ์ของตน อวัยวะส่วนนั้นจึงต้องพยายามสร้างพันธุ์ที่ดีที่สุด ก็จําเป็นต้องนําอาหารที่ดีที่สุดที่ร่างกายมีอยู่ไปใช้สร้าง แต่เมื่อผู้เป็นเจ้าของร่างกายเอาไปเททิ้งเสียบ่อยๆ ร่างกายก็ต้องเร่งรัดการผลิตขึ้นทดแทนอยู่เรื่อยไป อาหารดีๆ ที่จะเลี้ยงร่างกายส่วนอื่นจึงไม่มีเท่าที่ควร
 
                                     เด็กหนุ่มบางคนมาสารภาพกับข้าพเจ้าว่า เขาชอบเที่ยวหญิงโสเภณีเหลือเกิน ทํามหากินได้เท่าไรก็ต้องเอาไปใช้จ่ายเรื่องนี้จนหมด เขาถามข้าพเจ้าว่าจะมีบาปกรรมอะไรบ้างหรือเปล่าในเรื่องนี้
 
                                           ข้าพเจ้าได้แต่ตอบว่า “โทษนั้นมีอยู่แน่นอน เพราะเป็นอบายมุข ปากทางแห่งความเสื่อม” ข้าพเจ้าได้ชี้โทษให้เห็นเป็นข้อๆ ดังนี้
 
                                            ข้อที่หนึ่ง เสียทรัพย์ชนิดขาดทุน เพราะเงินที่หามาไม่ใช่ได้มาง่ายๆ ต้องอาบเหงื่อต่างน้ำ เหน็ดเหนื่อยกายใจ ถ้าเอามาใช้ตอบแทนบุญคุณให้พ่อแม่บ้าง ทําบุญกุศลบำรุงพระศาสนาหรือสาธารณประโยชน์ ต่างๆ ย่อมได้บุญติดตัวดีกว่าไปเสียให้หญิงแพศยาฟรีๆ
 
                                               ข้อที่สอง เสียสุขภาพอย่างที่อธิบายแล้ว เสี่ยงต่อโรคภัยไข้เจ็บที่สตรีค้ากามจะเป็นสื่อนํามาให้
 
                                              ข้อที่สาม เสียเวลา เวลาเป็นของมีค่าที่สุดในโลก ไม่มีอะไรเทียบได้ ถ้าใช้เวลาให้มีค่าที่สุด เช่น ใช้เจริญภาวนา ใช้ประกอบกุศลกรรมต่างๆ เวลาที่ผ่านไปก็จะมีค่าล้นเหลือ ไม่ควรปล่อยให้เสียไป
 
                                               ข้อที่สี่ เสียคุณภาพของจิตใจ คือ เสียฟิล์มภาพยนตร์ชีวิต เพราะเมื่อสร้างเรื่องอะไรๆ ขึ้นมาแล้ว ใจมีหน้าที่ต้องจําเหตุการณ์เหล่านั้น จําชนิดลืมไม่ได้ ถ้าเห็นความสําคัญของใจควรต้องสร้างแต่เรื่องดีๆ ให้ใจจํา
 
                                              ข้อที่ห้า เสียสติปัญญา ใครที่หมกมุ่นในเรื่องนี้ เราจะพบว่าเป็นคนสติปัญญาเซื่องซึม ไม่ว่องไว เฉียบแหลม เพราะนอกจากมีเหตุมาจากสุขภาพแล้ว ยังเนื่องมาจากใจที่เสพคุ้น เมื่อติดรสสัมผัส ก็พาให้ติดเข้าไปถึงใจ ใจก็จะคอยคิดถึงแต่เรื่องดังกล่าว ไม่สามารถถอนออกไปคิดเรื่องอื่น
 
                                             ข้อที่หก เสียแรงที่ได้เกิดเป็นผู้ชาย บวชเรียนสร้างบารมีได้เต็มที่ กลับมาใช้ร่างกายอุดมเพศที่ตนได้มาไปในเรื่องเสียหายขาดทุน ใช้ร่างกายอันวิเศษนั้นทําเรื่องเลวร้ายใส่ตน ควรใช้หาหนทางพ้นทุกข์ในชาตินี้ ชาติหน้าและชาติต่อๆ ไป เพื่อเอาตนออกให้พ้นจากวัฏสงสารให้จงได้ ไม่ให้เสียทีที่ได้เกิดมาเป็นผู้ชายมีสิทธิ์เป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา
 
                                          หนุ่มผู้เยาว์ฟังคําพูดของข้าพเจ้าไปแล้วกล่าวว่า
 
                                     “ผมเข้าใจแล้วครับป้า ไม่นึกเลยว่ามันมีโทษมากมายถึงแค่นี้ ผมจะต้องตัดใจให้ได้ จะนึกถึงโทษของมันอย่างที่ป้าว่า
 
                                   จากวันนั้นจนกระทั่งบัดนี้ดูเหมือนสองปีเศษแล้ว ข้าพเจ้ายังไม่ได้เห็นหน้าเขาอีกเลย ไม่รู้ว่าเขาแพ้หรือชนะมากน้อยแค่ไหน
 
                                   เรื่องที่จะยกตัวอย่างต่อไปนี้ ข้าพเจ้าอยากจะใช้เรื่องจริงในชีวิตของพ่อแม่ของข้าพเจ้าเล่าให้ท่านฟัง ไม่ใช่เจตนาลบหลู่ดูถูกบุพการีหรือหมู่ญาติ แต่ใคร่ให้ตัวอย่างความจริงของเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นธรรมทานแก่ท่านผู้อ่านทั้งปวง การจะไปนําเรื่องของผู้อื่นมาเล่า เจ้าตัวและญาติพี่น้องของเขาอาจมีอกุศลจิตคิดโกรธแค้นไม่เข้าใจเจตนาในการให้ธรรมะเป็นทาน ส่วนพ่อแม่ของข้าพเจ้าท่านถึงแก่กรรมไปหมดแล้ว แม่ไปเป็นเทพธิดาอยู่ชั้นดาวดึงส์ พ่อเป็นอากาสเทวาอยู่ชั้นจาตุมหาราชิกา ท่านต้องไม่ตําหนิข้าพเจ้าในเรื่องนี้ และคงจะนึกอนุโมทนาต่อท่านผู้อ่านทุกคนที่ได้ข้อคิดจากเรื่องของท่าน นําไปสอนตนเองให้ละเว้นความชั่ว สร้างสมแต่กรรมดี
 
                                             เวลานั้นราวๆ กลางปี ๒๕๑๕ แม่ของข้าพเจ้าเริ่มล้มเจ็บ ข้าพเจ้าพยายามรักษาท่านจนสุดความสามารถ เมื่อแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคปอดต้องฉีดยาติดต่อกันถึง ๖ เดือน ข้าพเจ้าก็ทําตาม แต่อาการของแม่ก็ไม่ดีขึ้น คงไอแห้งๆ รับประทานอาหารไม่ใคร่ได้
 
                                               ท้ายที่สุดข้าพเจ้าเปลี่ยนหมอ เปลี่ยนโรงพยาบาล ให้พี่สาวของเพื่อนซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคทรวงอกโดยตรงรักษา จึงพบว่าท่านเป็นโรคมะเร็งที่ปอด แพทย์อธิบายว่า สาเหตุแท้จริงยังค้นไม่พบ แต่ เข้าใจว่า เป็นเพราะแม่กินหมากมานานเกือบ ๕๐ ปี ในการกินหมากของคนสมัยก่อนมักใช้ยาเส้นสีฟันแล้วไม่ยอมทิ้ง มักจะสีแล้วอมไว้ข้างแก้ม เคี้ยวไป บ้วนน้ำหมากไป พอหมากจืดก็คายทิ้ง แต่ส่วนหนึ่งก็กลืนเข้าไป พิษนิโคตินจากยาเส้นเข้าไปสะสมอยู่ในร่างกายทําให้เกิดโรคมะเร็งขึ้น (สมัยนี้มีหลักฐานวิจัยพบชัดเจนว่า คนสูบบุหรี่มีโอกาสเป็นมะเร็ง มากกว่าคนไม่สูบถึง ๘ เท่า ถ้าข้าพเจ้าจําไม่ผิด)
 
                                              แม่รู้ตัวว่าเป็นโรครักษาไม่ได้ต้องตายแน่ และไม่ใช่ตายปุบปับ อยู่ไปได้เรื่อยๆ จนกว่าจะหมดแรง อวัยวะเลิกทํางาน อาการอื่นๆ ในตอนนั้นไม่มีอะไรมาก แม่จึงคุยกับข้าพเจ้าได้ทุกวันเป็นปกติเหมือนเตรียมใจให้พร้อมก่อนเดินทางไปในปรโลก แม่มีเรื่องค้างใจอะไรอยู่ก็มักเล่าให้ข้าพเจ้าฟังจนหมด ข้าพเจ้ารู้สึกเหมือนบางเรื่องเป็นคําสารภาพบาป เพราะเมื่อท่านเล่าและฟังความเห็นคําปลอบใจของข้าพเจ้าแล้ว ดูท่านสบายใจมาก
 
                                            เรื่องที่จะเล่านี้เป็นคําสารภาพของท่านด้วยเรื่องหนึ่ง
 
                                            แม่พูดว่า “หนูใหญ่ แม่ตายแล้ว หนูก็ต้องดีกะน้านุ่มต่อไปเหมือนเดิมนะ”
 
                                      “ค่ะแม่ ปกติในบรรดาพวกน้าๆ น้องของแม่เนี่ย หนูก็รักน้านุ่มมากที่สุดอยู่แล้วนี่คะ เพราะเค้าดีที่สุดเลย หนูยังตั้งใจว่า ถ้าหนูไม่มีแม่ไม่มีพ่อแล้ว หนูจะเลี้ยงดูน้านุ่มด้วยซ้ำไป”
 
                                         คําพูดของข้าพเจ้าทําให้แม่แปลกใจ ท่านจึงถามเหตุผล ข้าพเจ้าก็ตอบท่านว่า
 
                                      “หนูจําได้ค่ะแม่ น้านุ่มก็เหมือนพี่อบ (ในเรื่องผีพนัน จากความทรงจํา ฉบับรวมเล่ม เล่มที่ ๑) เค้าเผาถ่าน ได้เงินแล้วเอามาฝากแม่ไว้ แม่ได้หมุนเอาเงินน้านุ่มรวมกับของพี่อบมาส่งหนูเรียนที่จุฬาฯ ไงคะ ถึงเค้าจะเอามาฝากเพราะกลัวโจรปล้น ไม่ใช่ฝากเพราะช่วยแม่ส่งหนูเรียนก็ตาม แต่หนูก็ถือว่าเป็นน้าที่มีบุญคุณมากกว่าคนอื่นๆ แล้วอีกอย่างนะคะแม่ น้านุ่มนี่เป็นน้าคนเดียวที่มาเยี่ยมบ้านเราแล้วมีของติดมือมาฝากนิดๆ หน่อยๆ หนูกินไม่เป็นด้วยซ้ำ แต่ก็เป็นเรื่องแสดงน้ำใจ หนูไม่เคยลืมเลยจนทุกวันนี้ ผิดกับน้าคนอื่นๆ มีแต่มาเอาอย่างเดียว ลูกไม้ ลูกไร่แม้แต่กล้วยหรือใบตองก็ตัดเอาไป”
 
                                     คุยกับแม่แล้ว ข้าพเจ้าก็หวนนึกไปถึงภาพในวัยเด็ก เวลาน้านุ่มเอาเงินมาฝากแม่ หรือมาขอเงินคืนก็ตาม น้านุ่มจะมียอดผักอ่อนๆ บ้าง ผักมะรุมกําลังแกงบ้าง ลูกหนามพรมบ้าง (ลูกไม้ป่า) ถ้าฝนตกชุกก็จะมีแย้ย่างและอึ่งเค็มตากแห้งมาด้วย ล้วนเป็นของป่าที่น้าหาได้เอง ข้าพเจ้ากินแย้ไม่ได้ เพราะมันน่าเกลียดเหมือนกิ้งก่าตัดหัว แต่กินอึ่งตามพ่อแม่ได้อึ่งเค็มที่มีไข่มีรสอร่อยมาก      สิ่งที่น้านุ่มเอามาให้แท้จริงแล้วเรียกว่า  “ทําทาน” การที่เรานําของสิ่งใดไปให้ใครก็ตามเรียกว่าการให้ทาน ซึ่งเป็นเครื่องผูกใจที่ดีที่สุด เหตุการณ์นี้ผ่านไปนานร่วม ๕๐ ปี ข้าพเจ้ายังจําน้ำใจผู้ให้ได้ ทั้งที่ถ้าคิดเป็นเงินแล้ว แทบไม่มีราคาเลยในสมัยโน้น
 
                                         เมื่อแม่ทราบความในใจของข้าพเจ้าว่ารักน้องสาวคนที่ชื่อนุ่มของท่านแล้ว ท่านก็ยิ้มอย่างสบายใจกล่าวว่า
 
                                        “ถ้างั้นแม่ก็ตายตาหลับ แม่ห่วงนุ่มเค้าเพราะแม่ทําบาปไว้กับเค้ามาก และก็เป็นบาปที่นุ่มก็ไม่รู้ ถ้ารู้เข้าก็คงจะเลิกนับถือพ่อกับแม่แล้ว แม่ก็รู้ว่าญาติๆ ของแม่ล้วนแต่นิสัยไม่ใคร่ดี มีความตระหนี่เป็นเจ้าเรือนกันทุกคน นอกจากนุ่มแล้ว ทุกคนมีแต่คอยเบียดเบียนเราทั้งนั้น แต่ลูกก็พยายามดีต่อพวกเค้าทุกคน เพราะเห็นแก่แม่ ลูกรู้ว่าถ้าดีกับญาติๆ ของแม่แล้ว แม่จะรู้สึกสบายใจ ลูกก็ทํา แต่เมื่อแม่ตายแล้ว แม่รู้ว่าลูกจะไม่อดทนทําต่อไป ลูกจะต้องไม่คบหาสมาคมกับญาติคนไหนๆ เป็นแน่ เพราะทุกคนล้วนแต่น่าเบื่อหน่ายทั้งสิ้น รวยเท่าไรไม่รู้จักพอ สําหรับคนอื่นแม่ไม่ห่วง แม่ห่วงนุ่มคนเดียวจึงได้ถามลูกดู รู้ใจลูกยังงี้สบายใจจริงๆ”
 
                                          “ตั้งแต่หนูจําความได้ หนูเห็นแม่ดีกะน้านุ่มเค้าออก ไม่เห็นแม่ทําบาปอะไรกะเค้านี่คะ” ข้าพเจ้าท้วง เพราะไม่เคยเห็นเรื่องอย่างที่แม่ว่าเป็นบาป
 
                                          “ตอนน้ามืดสามีน้านุ่มเค้าถูกยิงตายน่ะ ลูกไปงานศพเค้ากะแม่ หนูจําได้มั้ย”
 
                                         “จําได้ค่ะ หนู ๖-๗ ขวบแล้ว จําได้ หนูยังเห็นไม่มีใครในงานเสียใจ ร้องไห้สักคน แม้แต่น้านุ่มก็ร้องนิดหน่อยแล้วก็เลิก ก็น้ามืดเค้าเป็นคนไม่ดี เล่นการพนัน กินเหล้า เที่ยวเตร่เป็นชีวิต ไม่เคยช่วยน้านุ่มเลี้ยงลูกเลย ปล่อยให้น้านุ่มทํานา เผาถ่าน ตัดฟืน ตัดไม้ขาย เลี้ยงลูกตามลําพัง (สมัยโน้นยังไม่มีการห้ามตัดไม้) คนเลวตายไปมีแต่คนโล่งใจ หนูเป็นเด็กตัวเล็กๆ ยังแอบดีใจนะคะ เพราะต่อไปไม่มีใครเมาเหล้ามาทุบตีน้านุ่ม ขู่เข็ญเอาเงินไปเล่นไฟเล่นโปอีก” ข้าพเจ้ายืนยันความทรงจํา
 
                                      “นั่นแหละลูก น้ามืดตายเพราะพ่อกะแม่ ความจริงน้ามืดเคารพพ่อกับแม่มากที่สุด แต่พ่อกับแม่ก็ต้องให้เงินแก่น้านวลไปจ้างนักเลงยิงน้ามืดตาย ตายแล้วผีน้ามืดยังร้องไห้มาต่อว่าพ่อกับแม่ว่า เสียแรงผมเคารพนับถือพี่ทั้งสองคน พี่ไม่น่าทําผมได้เลย” แม่เล่าบาปกรรมของท่าน
 
                                          ข้าพเจ้านั่งฟังนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ เพราะเป็นเรื่องที่นึกไม่ถึงและนึกสลดใจแทนผีของน้าเขย อุตส่าห์มาต่อว่า และนึกว่าความเลวเพียงเรื่องกินเหล้า เล่นการพนัน ไม่น่าต้องมีโทษถึงถูกฆ่าตายเลย จึงได้ปรารภเหมือนท้วงติงมารดาไปในตัวว่า ท่านทําเกินกว่าเหตุไปหรือเปล่า
 
                                          แม่จึงเล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า เมื่อครั้งสามีของน้านวลเป็นไข้ตาย น้านวลได้ไปอาศัยอยู่กับน้านุ่มผู้เป็นพี่สาว วันหนึ่งน้านวลออกไปตัดไม้ฟืนอยู่ในป่า น้ามืดได้แอบมาตามไปปลุกปล้ำข่มขืน น้านวลเจ็บช้ำน้ำใจมาก เดินทางมาฟ้องพ่อแม่ของข้าพเจ้า บอกว่าต้องการฆ่าน้ามืดให้ตาย ได้ไปว่าจ้างเสือแป้ง เสือแป้งขอค่าจ้าง ๑ ชั่ง (๘๐ บาท สมัยไข่เป็ดฟองละ ๒ สตางค์) น้านวลไม่มีเงิน พ่อกับแม่ให้เงินของท่านไป รุ่งขึ้นน้ามืดก็ถูกยิงตาย
 
                                          ดูเอาเถิด นี่คือการหลงใหลในรสสัมผัส ไม่คํานึงถึงจิตใจผู้อื่น การเสพกามถ้าเป็นความพอใจของทั้งสองฝ่าย พิษภัยหรืออันตรายรวมทั้งบาปกรรมไม่มากเท่าเบียดเบียนข่มเหงรังแกอีกฝ่ายที่ไม่เต็มใจ เพราะทําความเจ็บแค้นให้ทั้งตัวของฝ่ายหญิงและญาติพี่น้องของเขาอย่างที่อภัยให้กันไม่ได้ หรือได้ยากเต็มที
 
                                        บางทีแม้มิใช่ญาติพี่น้อง แต่เป็นคนอื่นอย่างเราๆ ก็พลอยเกลียดชังโกรธแค้นด้วย ถ้าทราบข่าวที่มีการทำร้ายกันในเรื่องเหล่านี้ บางทีทํากับเด็กเล็กๆ ถึงตายก็มี นั่นคือพวกสัตว์นรกในร่างมนุษย์
 
                                           ในรายน้านุ่มของข้าพเจ้า ทั้งน้านุ่มเองและคนอื่นๆ ยังไม่เข้าใจจนบัดนี้ว่า ทําไมข้าพเจ้าจึงส่งเงินเลี้ยงท่านทุกปีโดยสม่ำเสมอตลอดมา ตั้งแต่ปี ๒๕๒๕ หลังจากพ่อของข้าพเจ้าถึงแก่กรรมไปแล้ว ข้าพเจ้าได้ ตกลงให้ความอุปถัมภ์แก่คนสองคนที่ข้าพเจ้าถือว่า เงินฝากของเขาที่อยู่กับแม่ของข้าพเจ้า ได้มีส่วนช่วยให้ข้าพเจ้าเล่าเรียนโดยสะดวก สองคนนั้นคือน้านุ่มคนนี้และพี่อบ (ในเรื่องผีพนัน)
 
                                             ในความรู้สึกของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่นึกตําหนิพ่อกับแม่ ท่านทั้งสองยังเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาในเวลานั้น ยังมิได้สนใจหลักศาสนา ไม่เข้าใจเรื่องบาปบุญคุณโทษอย่างแจ่มแจ้ง ท่านจึงทําหน้าที่เป็นพญายมราช ตัดสินปัญหาเสียเอง ซึ่งนับว่าเป็นการสร้างบาปมหันต์ ยังดีที่ผู้ตายเพียงมาต่อว่า ไม่ได้อาฆาตจองเวร ซึ่งจะเป็นการผูกพยาบาทข้ามชาติกันไม่รู้จบสิ้น
 
                                                 การหลงรสสัมผัสทําความสุขให้ตนเพียงชั่วครู่ ความจริงความรู้สึกเป็นสุขที่สุดนั้นใช้เวลาเพียงไม่ถึงนาที แต่บาปกรรมเกิดขึ้นตามมามากมาย มีคนเดือดร้อนอีกนับเป็นจํานวนหลายๆ คน เด็กสาวบางคนถูก ฝ่ายชายหลอกลวงล่วงเกินในเรื่องเหล่านี้ เกิดมีลูกขึ้นมาจะฆ่าทิ้งก็เกรงบาป สู้อดทนตั้งท้องเลี้ยงดูลูก ได้รับความทุกข์ใจอัปยศอดสูต่างๆ เพราะฝ่ายชายไม่ยอมรับ ลูกที่เกิดขึ้นมีปมด้อย อายเพื่อนฝูง ถูกล้อเลียนว่าลูกไม่มีพ่อ เป็นตราบาปให้เด็กซึ่งไม่มีส่วนรู้เห็นในความน่าละอายเหล่านั้น
 
                                                จริงอยู่ ตามหลักพระพุทธศาสนานั้นเป็นเรื่องของกรรมในอดีตชาติของพวกเขาเหล่านั้น ต้องมาเกี่ยวข้องทําทุกข์ยากให้ซึ่งกันและกัน แต่คนที่จะยอมรับความจริงในเรื่องนี้จะมีสักกี่คน
 
                                                กามที่เป็นเรื่องของสัมผัสทางกายทําทุกข์ได้มากมายดังนี้ทีเดียว
 
                                               เรื่องเกี่ยวกับรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ที่เรียกว่ากามคุณนี้ เป็นที่ตั้งของความพอใจรักใคร่ยินดีแก่สรรพสัตว์ทั้งปวง
 
                                            ส่วนใดอันเป็นที่น่าพอใจ ก็ทําให้เป็นที่ตั้งของความมัวเมา ประมาทหลงใหล แต่แท้ที่จริงแล้ว กามเป็นของไม่คงที่ เป็นธรรมชาติที่ต้องแปรเปลี่ยนเสื่อมไปอยู่ตลอดเวลา ในที่สุดก็จะดับสลายสูญหายสิ้นไป หรือจะเรียกว่า ตกอยู่ในอํานาจของไตรลักษณ์ทั้งสิ้น คือ
 
                            เป็นอนิจจัง                           ไม่คงที่แน่นอน มีแต่ความแปรเปลี่ยน
                            เป็นทุกขัง                             คือทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้
                            เป็นอนัตตา                          คือไม่อยู่ในอํานาจบังคับบัญชาของใคร เมื่อจะเปลี่ยนแปลง                             เป็นอย่างไร เราก็ไม่สามารถสั่งบงการบังคับการเปลี่ยนแปลงนั้นได้
                            กามวัตถุคือ                          รูป เสียง กลิ่น รส ความเย็น ร้อน อ่อน แข็ง สรรพสิ่งเหล่านี้มันเป็นของกลางๆ ไม่ดี ไม่ชั่ว เป็นของเขาอยู่อย่างนั้นตามที่ฝ่ายมารโลกสร้างขึ้นมาล่อ แต่กิเลสที่มารส่งเข้าสิงใจทําให้หมู่สัตว์พ่ายแพ้ตกเป็นทาสนั่นต่างหากที่บีบบังคับใจให้เห็นของเหล่านั้นต่างกัน
 
                           ของที่ชอบก็สมมติว่าสิ่งนั้นดี ของใดไม่ชอบก็สมมติว่าเป็นเลวของที่ชอบใจก็อยากได้ ของไม่ชอบใจก็เกลียดชังอยากได้ก็ต้องแสวงหา หาได้ก็พอใจ หาไม่ได้ก็เสียใจได้ มาแล้วก็ต้องดูแลรักษาการดูแลรักษาทําให้ต้องทุกข์ยากเหน็ดเหนื่อย
 
                            สิ่งที่เรียกว่ากามจึงไม่ใช่สิ่งที่จะทําให้ได้รับความสุขอย่างแท้จริง เมื่อกามมีการเปลี่ยนแปร ใจของสรรพสัตว์ก็เปลี่ยนแปลงตามกาม จึงเป็นของนําความทุกข์เผ็ดร้อนมาให้ ดั่งคําสอนของพระบรมศาสดาของเราที่ตรัสไว้ว่า
 
                            กามทั้งหลาย (รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส) มีสุขน้อย มีทุกข์มาก คับแค้นมาก มีโทษมาก เหมือนโครงกระดูก ชิ้นเนื้อ คบเพลิง หลุม ถ่านเพลิง ความฝัน ของที่ยืมมา ผลไม้ ดาบและสุนัขไล่เนื้อ หอก และหลาว ศีรษะ งูเห่า มีทุกข์มาก
 
                            เหมือนโครงกระดูก เพราะไม่รู้จักอิ่ม สุนัขที่ชอบแทะกระดูก แทะเท่าไรก็อร่อยเพียงน้ำลายของตนเอง ไม่ทําให้ท้องอิ่มขึ้นมาได้ เพราะกระดูกไม่ใช่เนื้อ
 
                                เหมือนชิ้นเนื้อ นกหรือสัตว์กินเนื้อตัวใดได้ชิ้นเนื้อมา ก็จะถูกตัวอื่นเข้าจิกตีแย่งทึ้ง เป็นอันตรายถึงตาย กามก็เช่นกัน เป็นของพึงใจของผู้อื่นด้วย จึงต้องมีการยื้อแย่ง
 
                             เหมือนคบเพลิงที่ทำด้วยหญ้าแห้ง จุดไฟถือไปในที่มีลมพัด เมื่อถือทวนลม เปลวไฟและเถ้าถ่านก็จะทําอันตรายให้คนถือ กามทําอันตรายให้ผู้เป็นเจ้าของในทํานองเดียวกัน
 
                                  เหมือนหลุมถ่านเพลิง ในหลุมนั้นมองดูเหมือนไม่มีความร้อน เพราะมีแต่เถ้าปิดหน้าอยู่ แต่เมื่อเหยียบลงไปก็จะมีอันตรายเมื่อนั้น เพราะใต้เถ้ากลายเป็นถ่านไฟที่ยังระอุร้อนแรง กามก็ทํานองเดียวกัน มองผิวเผินดูน่าชื่นชม แท้ที่จริงภายในซ่อนภัยร้ายกาจยิ่งนั
 
                              เหมือนความฝัน ฝันเห็นสิ่งวิจิตรตระการตา ฝันว่าได้ครอบครองของมีค่าที่สุดอย่างใดก็ตาม ครั้นตื่นขึ้น สิ่งเหล่านั้นก็สลายไป ไม่มีอะไรเหลืออยู่ กามที่ได้มาก็เป็นของชั่วคราวดังความฝัน สิ้นชีวิตแล้วก็พลันไม่มีสิ่งใดเหลือ บางทีก็พลัดพรากจากกันในเวลาไม่นานเลย
 
                             เหมือนของที่ยืมมา เรายืมของใครมา ได้เป็นเจ้าของอยู่ก็เพียงเวลาชั่วคราว กามก็เช่นกัน ในที่สุดก็ถูกทวงคืนไปสิ้น
 
                                เหมือนผลไม้บนต้น ใครอยากได้ก็ปีนขึ้นไปเอา อีกคนตรงเข้าโค่นต้น คนอยู่บนต้นมีอันตรายอย่างใด คนที่ไขว่คว้าหากามก็ทํานองเดียวกับคนที่อยู่บนต้นผลไม้นั้น
 
                                  คําเปรียบที่เหลืออีก ๓ อย่าง เป็นของมองเห็นโทษชัดเจนอย่างยิ่งอยู่แล้ว กามก็อุปมาเหมือนของเหล่านั้น ไม่มีข้อยกเว้นประการใด
 
                                  ยังมีคําตรัสตําหนิกามไว้อีกมากมาย เช่น
 
                                 “กามทั้งหลายมีสิ่งที่ทําให้รู้สึกยินดีน้อย มีทุกข์มาก บัณฑิตรู้ดังนี้แล้ว ย่อมไม่ยินดีแม้กามที่เป็นทิพย์”
 
                                “กามทั้งหลายตระการหวานชื่นใจ ย่อมย่ำยีจิตโดยรูปผิดแผกต่างๆ บุคคลเห็นโทษในกามคุณแล้ว พึงเที่ยวไปเหมือนนอแรด”
 
                              “กามทั้งหลายมีสุขน้อย มีทุกข์มาก ทุกข์อันยิ่งกว่ากามไม่มี ผู้ใดส้องเสพกาม ผู้นั้นย่อมเข้าถึงนรก”
 
                             “กามทั้งหลายที่เที่ยง ไม่มีในมนุษย์”
 
                             “ความอิ่มด้วยกามทั้งหลาย ไม่มีในโลก”
 
                             “ทุกข์ (อื่นๆ) ยิ่งกว่ากาม ไม่มี”
 
                             ไม่ว่าจะนําพระพุทธดํารัสเกี่ยวกับเรื่องกามมาอีกเท่าไรๆ ไม่มีคําสอนใดแสดงให้เห็นคุณของกามแต่อย่างเดียว
 
                                คําว่า “คุณ” ในที่นี้จึงควรจะมีความหมายว่า คูณ ซึ่งแปลว่า ทวีขึ้นอย่างแน่นอน
 
                                 เราจงมาข้ามให้พ้นกามกันดีกว่า พ้นแล้วจะไม่มีทางเศร้าโศกในโลกไหนๆ อีก ดังพระพุทธพจน์ว่า
 
                                “ผู้ใด ข้ามพ้นกามและเครื่องข้องที่ข้ามได้ยากในโลก ผู้นั้นตัดกระแสตัณหาได้แล้ว ไม่มีเครื่องผูก ชื่อว่าย่อมไม่เศร้าโศก ย่อมไม่ยินดี”
 
                                พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราตรัสสอนเหล่าพระภิกษุไว้เรื่องการเสพเมถุน อันเป็นยอดของกามว่า
 
                                จงยินดีในการหย่อนองคชาติ (อวัยวะเพศ) ลงในปากของงูเห่า (ที่มีพิษร้ายแรง) อย่ายินดีในการเสพเมถุนกับนางกัลยาณีผู้งามพร้อม เพราะการถูกงูเห่ากัดย่อมตายเพียงชาติเดียว แต่ในประการหลังเป็นการตาย (อยู่ในอํานาจของกาม) ไปอีกนับภพชาติไม่ถ้วน
 
                                   เป็นคําสอนที่มีค่าสูงสุดแท้จริง สําหรับนักสร้างบารมี
 
 
 
 
 
 
 
 
 
Cr. อุบาสิกาถวิล(บุญทรง) วัติรางกูล
จากความทรงจำ เล่ม3 
 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.065827667713165 Mins