คำพ่อ คำเเม่
ตอน หัดให้มากกว่าหัดขอ
ลูกรัก..
คำที่พระท่านว่า “ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก ผู้ขอย่อมเป็นที่รังเกียจ” เป็นความจริงแท้ทีเดียว ดูตัวเราก็ได้ หากมีคนมาขออะไรเรา ครั้งแรกก็ไม่ค่อยรู้สึก แต่พอมาขอบ่อยเข้า แม้จะเป็นเรื่องจำเป็น เราก็จะเริ่มรู้สึกไม่ค่อยชอบใจ แต่ตรงกันข้าม หากมีใครเอาอะไรมาให้เราบ่อยๆ เรากลับชอบ แม้ของนั้นจะเล็กน้อย ไม่มีราคาค่างวดอะไรมากนัก เราก็พอใจ ตามนัยนี้
หากลูกทำตัวเป็นผู้ให้มากกว่าเป็นผู้ขอได้ ลูกก็จะเป็นที่รักนับถือของผู้คนในที่นั้นๆ เขาจะไม่รังเกียจลูกเลย ลูกจะมีพวกพ้องมาก เขาจะยอมรับลูกและบางที่เขาจะยกให้ลูกเป็นใหญ่เป็นผู้นำพวกเขา ทั้งจะไม่ถูกข่มเหงรังแก จะมีคนคอยช่วยเหลือเมื่อมีกิจ จะไม่ถูกโดดเดี่ยวให้อยู่ตามลำพัง
ที่ถูกการอยู่ร่วมกันเป็นหมู่เป็นคณะต้องคิดว่า “เราจะให้อะไรเขาได้บ้าง” มากกว่าที่จะคิดว่า “เราจะได้อะไรจากเขาบ้าง” เริ่มคิดเริ่มทำ บ่อยๆ นานเข้าก็จะเกิดความเคยชิน จะช่วยอะไรคนอื่น จะให้อะไรคนอื่นก็ทำได้อย่างสะดวกใจไม่ติดขัด จะคิดถึงคนอื่นมากกว่าตัวเอง คนที่คิดและทำได้อย่างนี้แหละลูกที่จะได้รับผลอย่างที่กล่าวไว้ในตอนต้น
ตรงกันข้าม หากทำตัวเป็นคนขี้ขอ ชอบรับมากกว่าชอบให้ จะกลายเป็นคนใจแคบ เป็นคนเห็นแก่ตัว คนที่เห็นแก่ตัวชอบแต่ขออย่างนี้จะเป็นที่รังเกียจของคนทั่วไป หาพวกพ้องได้ยากแม้จะมีคนมาคบหาด้วยก็มาเพียงเพื่อได้ผลประโยชน์ของเขาเท่านั้น แต่จะหาความจริงใจด้วยไม่ค่อยได้
พระมหาโพธิวงศาจารย์ (ทองดี สุรเตโช)