คำพ่อ คำเเม่
ตอน ยอมโง่บ้างก็ดี
ลูกรัก...
การทำตัวเป็นคนมีน้ำใจ มีความซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา รักความยุติธรรมนั้น คนอื่นเขาอาจมองไปว่าเราโง่ ไม่รู้จักกอบโกย ไม่รู้จักทำมาหากิน ไม่ถือคติน้ำขึ้นให้รีบตัก ก็ยอมให้เขามอง ให้เขาว่าไปเถอะ ยอมให้เขาว่าโง่ดีกว่าจะเป็นคนไร้น้ำใจ ไม่ซื่อสัตย์ ไม่ยุติธรรม เราทำงานด้วยความซื่อสัตย์ มีน้ำใจ ตรงไปตรงมา
แม้จะไม่ร่ำรวยเหลือกินเหลือใช้เหมือนเขานัก แต่เราก็สบายใจ ครอบครัวเราอาจขาดแคลนไปบ้าง แต่ก็อบอุ่น อยู่กันพร้อมหน้า ไม่วิตกกังวลหรือหวาดระแวงอะไรมาก ระหว่างร่ำรวยแต่ไม่อบอุ่น กับอบอุ่นแต่ไม่ร่ำรวย ลูกจะเลือกทางไหน
มีคนส่วนหนึ่งต้องเชิดคอทำหน้าชื่นอยู่ในสังคม มีเวลาไว้คอยเอาอกเอาใจคนอื่นมากกว่าครอบครัวของตัวเอง หรือต้องดิ้นรนคอยรักษาผลประโยชน์ของตัวเองอยู่ตลอดเวลา ให้เวลาแก่ผลประโยชน์มากกว่าครอบครัว หรือต้องคอยประจบสอพลอคนอื่นเพื่อผลประโยชน์นั้น มักจะคิดว่าตัวเองฉลาดที่ทำอย่างนั้นได้ โดยลืมนึกไปว่าเพราะความฉลาดนั่นแหละที่ทำให้ตัวเองกินไม่เป็นเวลา นอนไม่เป็นเวลา ไม่มีเวลาให้ครอบครัว ทำให้ครอบครัวขาดความอบอุ่น ต้องคอยพินอบพิเทาคนอื่นเกินความจำเป็น
ลูกเอ๋ย คนที่นอนไม่หลับเพราะคิดมากเรื่องงาน เรื่องธุรกิจนั้นล้วนเป็นคนที่คิดว่าตัวเองฉลาดทั้งนั้นแหละ คนที่ยอมตัวเป็นคนโง่หรือเป็นคนโง่จริงๆ นั้น หัวถึงหมอนเมื่อไรเป็นหลับยาวได้ตลอดคืน ยอมเป็นคนโง่เสียบ้างก็สบายดีเหมือนกันนะลูก
พระมหาโพธิวงศาจารย์
(ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙, ราชบัณฑิต)