อย่ากดลูกนัยน์ตา

วันที่ 13 กค. พ.ศ.2563

อย่ากดลูกนัยน์ตา

 

ใดอื่นกี่หมื่นฟ้า

พรรณนา

บ่ เทียบหนึ่งเมล็ดงา

ลูกไซร้

หยุดเพียงแค่กะพริบตา

พ่อชื่น

เหมือนยื่นสุขให้พ่อไว้

หยุดได้หัวใจเขษม

                                                                                              ตะวันธรรม

 

         เมื่อเราสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัยกันเสร็จเรียบร้อยแล้วต่อจากนี้ไปตั้งใจเจริญสมาธิภาวนากันนะในตอนนี้ก็ให้ตรึกหรือนึกถึงดวงใสหรือนึกถึงองค์พระใสๆ เอาใจหยุดอยู่ในกลางดวงใสๆ เอาใจหยุดเข้าไปในกลางองค์พระใสๆ อย่าให้ใจซัดส่ายไปที่อื่น อย่าให้ฟุ้งกระจายไปจิตจะไม่มีพลัง หยุดนิ่งๆ ให้ใจใสๆ

 

              จะประคองใจด้วยบริกรรมภาวนา สัมมา อะระหังประกอบไปด้วยก็ได้ หรือถ้าหากเรามีความรู้สึกว่าไม่ภาวนาแล้วสบายใจกว่า เราก็ไม่ต้องภาวนา วางใจเบาๆ หยุดเบาๆนิ่งเบาๆ สบายๆ

 

อย่ากดลูกนัยน์ตา อย่าเหลือบตาลงต่ำ

 

              ลูกนัยน์ตาเราอยู่ในระดับองศาเดิม ที่เดิมไม่ต้องเหลือบลงต่ำไปดู ไว้ที่เดิม ให้ทำเหมือนเราแอบๆ มองดูดวง ดูองค์พระนิดๆ เหมือนไม่ได้ตั้งใจจะดู นั่นแหละคือวิธีดูที่ถูกวิธี ถ้าจะดูเข้าไปในกลางกายซึ่งเราไม่ค่อยคุ้นเคย ถ้าขืนเหลือบตาลงไปดูก็เท่ากับกดลูกนัยน์ตา อย่างนี้ผิดวิธี อย่างนี้ปวดกระบอกตา เมื่อย ตึง นั่งก็ไม่มีความสุข  

 

        เราลองนึกถึงคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงปู่ ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย ท่านให้เราเหลือกตาช้อนคางขึ้นไปข้างบนด้วยซํ้าไป เพื่อให้ความเห็นกลับเขาไปภายใน ท่านบอกให้ช้อนตาเหลือกค้างขึ้นไป เหมือนเรามองไต่ไปตามหน้าผากกะโหลกศีรษะไปจนสุดที่เราเหลือกต่อไปไม่ไค้แล้ว เราก็ให้ความเห็นกลับเข้าไปข้างใน แล้วก็ปล่อยลูกนัยน์ตาเป็นปกติอย่าไปเหลือบลงตาคือ ลูกนัยน์ตาก็ยังอยู่ที่เดิม ปล่อยให้เป็นปกติ นี่หลวงปู่ท่านสอนอย่างนี้นะ

 

       เพราะฉะนั้น อย่าเหลือบต่ำจนกลายเป็นกด แล้วก็เหมือนชำเลือง แอบมองนิดๆ โดยลูกนัยน์ตาอยู่ที่เดิม เราจะเห็นได้ว่า ไม่ได้ยากอย่างที่เราคิด หรืออย่างที่เราเคยทำแล้วก็รักษาความนิ่งตรงนี้เอาไว้ให้ได้ตลอดเวลาด้วยใจที่เบิกบานด้วย มันต้องมีตรงนี้ด้วย โดยไม่คำนึงถึงว่าเราจะได้ไปรู้ไปเห็นอะไรอย่างที่ได้ยินได้ฟัง เอาแค่ตรงนี้เราทำให้ถูกหลักวิชชาเสียก่อน แล้วก็นิ่งในนิ่งไปเรื่อยๆ สบายๆ เราก็นิ่งเฉยๆ พอลองนิ่งสัก ๑๐ นาที ลองหยุดนิ่งๆ สบายๆ   

 

            ส่วนคนที่เขาทำได้แล้วก็ไม่ยากอะไรแล้วล่ะ เขาทำเป็นแล้ว ใจไปติดอยู่ตรงกลางแล้ว พอใจติดก็ติดใจแล้วชอบอยู่ตรงนั้นแล้ว ใจก็ไม่ไปไหน เขาทำได้เขาทำเป็นแล้วมันก็ง่าย

 

       ทีนี้ของเรายังไม่เป็น หรือเกือบจะเป็น หรือเป็นเป็นทีๆ ก็ต้องเริ่มต้นตรงนี้เสียก่อน อย่าเพิ่งไปนึกถึงตอนที่มันยาก หรือที่คนอื่นเขาทำได้ อย่าเพิ่งไปนึกตอนนั้น เอาตอนนี้ก่อน ถ้าทำตรงนี้ได้ เดี๋ยวเราก็ทำตรงนั้นได้มันก็ไม่ได้ยากอะไร อยู่ที่การแกนะ แกนิ่งๆ

 

ลองฝึกนึกดวงแก้วองค์พระดู

 

       ลองแกดูค่อยๆ ดวงใสๆ เราจะเหลือกตาช้อนค้างกี่ครั้งก็ได้ ช้อนไปครั้งแรกมันไม่ได้เรื่อง เอ้า ช้อนครั้งที่ ๒ อย่างสบาย ๆ หรือจะนึกเป็นฝนดวงแก้วหล่นลงมาจากฟากฟ้าเยอะแยะนับกันไม่ไหว มันก็ต้องมีสักดวงหนึ่งน่ะ ที่มันหล่นลงมาตรงกลาง คือ นึกภาพองค์พระเยอะแยะ ซึ่งเรานึกเห็นแต่เรายังไม่เห็น ก็ไม่เป็นไร ค่อยๆ นึกไปก่อน อย่างสบายๆ

 

      ดวงแถ้วมีเยอะแยะเราก็นึกเอา องค์พระก็เยอะ หรือเราจะนึกให้ตัวเราใสเป็นเพชรด้วยก็ยิ่งดี กายของเราตอนนี้บริสุทธิ์ที่สุด วิบากกรรมวิบากมารอุปสรรคไม่มีเลย สิ่งที่ชั่วๆ ที่ไม่ดีไม่มีเหลือเลย ร่างกายเราใสเป็นเพชรนึกอย่างนี้ก็ได้ พอเรานึกให้ใจเราใสเป็นเพชรแล้ว เดี๋ยวข้างในก็เป็นเพชรเอง ข้างในไม่มีตับไตไส้พุง เป็นดวงเพชรที่ดูเป็นดวงกลมๆ หรือจะนึกเป็นองค์พระเพชร ลองทำดูนะ ทำสักนิดหนึ่ง นึ่งๆ สบายๆ

 

พระเทพญาณมหามุนี วิ

วันอาทิตย์ที่ ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๕

จากหนังสือ ง่ายเเต่ลึก เล่ม 3 

          โดยคุณครูไม่ใหญ่

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.018369134267171 Mins