พระธรรมกาย คือ ผู้ตื่นจากกิเลส
ให้ลูกทุกคนในองค์กรหมั่นนึกถึงองค์พระที่ศูนย์กลางกายให้ได้ตลอดเวลาในทุกๆ อิริยาบถ นั่งก็เห็นองค์พระ นอนก็เห็นองค์พระ ยืนก็เห็นองค์พระ เดินก็เห็นองค์พระ จะกิน จะขับถ่าย หยุดนิ่ง ลิ้มรส เหยียดแขน แขน กลับหน้า กลับหลัง จะตอกจะตีอะไรก็แล้วแต่ ในทุกภารกิจหน้าที่ให้นึกถึงองค์พระในตัวไปด้วย ถ้าจะไปนึกถึงเรื่องคน เรื่องสัตว์ เรื่องสิ่งของนั่นไม่ใช่ที่พึ่ง ยิ่งนึกยิ่งกลุ้ม ยิ่งนึกก็ยิ่งมีความทุกข์หรือมีความเพลินหมดไปวันๆ เท่านั้นเอง
ถ้าหากนึกถึงองค์พระอยู่ตลอดเวลา..ใจของเราจะมีความสุข มีความสดชื่น กระแสธารแห่งบุญจะได้ไหลผ่านตัวเราตลอด ไม่ว่าจะทำภารกิจหน้าที่อะไรก็ตาม จะทำงานโยธาก็ดี จะไปทำหน้าที่เป็นกัลยาณมิตรก็ดี หรือหน่วยสนับสนุนชักชวนคนมาทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาก็ดี ถ้านึกถึงพระธรรมกายซึ่งเป็นที่พึ่งอย่างนี้ กระแสธารแห่งบุญก็จะหลั่งไหลตลอดเวลา
พระธรรมกายนี้สำคัญ ท่านเป็นผู้รู้แจ้งเพราะเห็นแจ้ง รู้เรื่องราวของตัวเราทั้งหมด เมื่อเราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับท่าน ก็รู้เรื่องตัวของเรา รู้เรื่องของสรรพสิ่งสรรพสัตว์ทั้งหลาย ซึ่งมีความเกี่ยวพันกันตั้งแต่อดีตว่าเป็นอย่างไร ปัจจุบันเป็นอย่างไร อนาคตเป็นอย่างไร สิ่งเหล่านี้จะอยู่ในขอบข่ายญาณทัสสนะของพระธรรมกายทั้งสิ้นเลย
พระธรรมกายท่านเป็นผู้รู้ ผู้เห็นโดยธรรมจักขุ ด้วยญาณทัสสนะของท่าน และมีความรู้เห็นอันไม่มีประมาณ ซึ่งทำให้เราเข้าใจอะไรได้แจ่มแจ้ง ทำความเห็นได้ถูกต้องตรงไปตามความเป็นจริง ตรงต่อเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของการมาเกิดเป็นมนุษย์ ท่านเป็นผู้ตื่น คือ เป็นผู้ตื่นจากกิเลส เพราะกิเลสบังคับให้อยู่ในโลกแห่งมายาที่ไม่ใช่ความจริง เป็นโลกที่หลอกลวง สร้างภาพจัดฉาก เป็นโลกแห่งละครโรงใหญ่ ตื่นมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง รู้เห็นอะไรไปตามความเป็นจริง พระธรรมกายท่านเป็นผู้ที่มีความ
สุขมีความเบิกบานไม่มีที่สิ้นสุด มีจิตใจที่บริสุทธิ์ผ่องใส มีความปรารถนาดีต่อสรรพสัตว์และสรรพสิ่งทั้งปวง มีอานุภาพไม่มีประมาณ เราจะเป็นผู้ตื่นเมื่อเราได้เข้าถึงพระธรรมกายและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับท่าน
ดังนั้น..พระธรรมกายจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่สมาชิกทุกคนในองค์กรจะต้องเข้าถึงกันทั้งหมด อย่าให้ภารกิจต่างๆ มาเป็นอุปสรรค มาเป็นข้ออ้าง ข้อแม้ และเงื่อนไขในการปฏิบัติธรรมกันนะ
จากหนังสือ ง่ายที่สุดคือหยุดได้ เล่ม ๕
คุณครูไม่ใหญ่