พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ที่ ๘ ที่ตรัสพุทธพยากรณ์
ทรงพระนามว่า พระปทุมะสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระสรีระสูง ๕๘ ศอก
อายุขัยของมนุษย์ยุคนั้น ๑ แสนปี
ทรงเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าอสมะ และพระนางอสมาพระอัครมเหสี แห่งจัมปกะนคร
ทรงครองฆราวาสวิสัยอยู่ ๑ หมื่นปี ทรงเห็นนิมิต ๔ ประการ สลดพระทัย ในเวลาที่พระนางอุตตราพระอัครชายาประสูติพระโอรสรัมมราชกุมาร เสด็จประทับราชรถออกมหาภิเนษกรมณ์ ข้าราชบริพารออกบวชตามเสด็จ ๑ โกฏิ
ระยะเวลาทรงบำเพ็ญเพียร ๘ เดือน
ผู้ถวายข้าวมธุปายาส ชื่อนางธัญญวดี ธิดาสุธัญญเศรษฐี กรุงธัญญวดี
นิสีทนสันถัตกว้าง ๓๘ ศอก โดยติตถกะอาชีวกถวายหญ้าคา ๘ กำ ประทับนั่งใต้ต้นมหาโสณะ (ไม้อ้อยช้างใหญ่)
พระอัครสาวกคือ พระสาละ และพระอุปสาละ
พระพุทธอุปัฏฐากคือ พระวรุณะ
ทรงแสดงธรรม ๓ ครั้ง
ครั้งแรก ทรงแสดงที่ธนัญชัยราชอุทยาน โปรดภิกษุโกฏิหนึ่งที่บวชตามเสด็จ ครั้งนั้นมีเทวดาและมนุษย์เป็นต้น ๑๐๐ โกฏิ บรรลุธรรม
มีสาวกสันนิบาติเกิดขึ้น ๓ ครั้ง
เสด็จดับขันธปรินิพพานเมื่อพระชนมายุได้ ๑ แสนพรรษา ที่พระวิหารธัมมารามพระบรมธาตุแผ่กระจายไปเป็นที่สักการบูชาในประเทศต่างๆ
พญาไกรสรสีหราช
ในพุทธกาลนี้ พระโพธิสัตว์ของเราเกิดเป็นพญาไกรสรสีหราช เป็นเจ้าแห่งป่า วันหนึ่งขณะออกหาอาหารในป่าใหญ่แห่งหนึ่ง ได้เห็นพระปทุมะสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงมีพระรัศมีเปล่งจากพระวรกายไปรอบพระองค์ทั่วทุกทิศ มีความเสื่อมใส เดินทำประทักษิณรอบพระพุทธองค์ และบันลือสีหนาท ๓ ครั้ง แล้วยืนเฝ้าพระบรมศาสดาอยู่ใกล้ๆ ตลอด ๗ วัน ไม่ออกหาอาหาร ยอมสละชีวิต อยู่ได้เพราะเกิดปีติ มีพระพุทธคุณเป็นอารมณ์ เมื่อพระตถาคตเจ้าทรงออกจากนิโรธสมาบัติ ทอดพระเนตรเห็นการเสื่อมใสของพระโพธิสัตว์ที่มีต่อพระองค์และภิกษุสงฆ์ทั้งหลาย ทรงพิจารณาด้วยอนาคตังสญาณแล้ว จึงตรัสพยากรณ์ว่าพญาไกรสรสีหราชนี้จะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคตมะพระโพธิสัตว์ฟังแล้วปีติยินดีเลื่อมใสในพระพุทธองค์มากยิ่งขึ้น ตั้งใจอธิษฐานปฏิบัติข้อวัตรในการสั่งสมพุทธบารมีให้บริบูรณ์