เรื่องที่ ๔
อยู่นรกไม่ได้กิน อยู่สวรรค์ได้กิน
ในนิทานเรื่องหนึ่ง ของชาวเดนมาร์ก มีคนๆ หนึ่งนอนอยู่ตอนเวลากลางคืน มีนางฟ้าลงมาที่ห้องนอนของเขา ชวนให้เขาไปเที่ยวคนนั้นถามนางฟ้า “จะพาไปเที่ยวไหนครับ?”
“ไปเที่ยวสวรรค์ก่อน แล้วจะพาไปเที่ยวนรกด้วย อยากไปไหม?” นางฟ้าถาม
“อยากไปครับ” เขารีบตอบ
“ไปก็ไป” นางฟ้าท่านนำไปที่หนึ่งและก็ว่า “ถึงนรกแล้ว”
สถานที่นั้นเป็นห้องใหญ่ มีโต๊ะยาวๆ บนโต๊ะมีอาหารที่ประณีตที่อร่อยทุกประเภท ใส่จานใส่ถ้วย เรียงไว้รอบโต๊ะ มีคนนั่งอยู่หลายคน
นางฟ้าบอกว่า “คนเหล่านี้เป็นสัตว์นรก”
นางฟ้าชี้ไปที่ผู้คนเหล่านั้นที่นั่งมองอาหารที่ประณีตที่สุดในโลก แต่ตัวผอมเหลืองน่าสงสาร
“เอ๊ะ ! ทำไมมันเป็นอย่างนี้”
อาหารบนโต๊ะดูอุดมสมบูรณ์ แต่ผู้นั่งล้อมโต๊ะดูผอมแห้งอดอยาก แล้วก็เป็นที่น่าสังเกตว่าที่โลกนรกเขาอนุญาตให้กินข้าวกินอาหารที่ดีๆ ได้ แต่มีเงื่อนไขว่าต้องใช้ช้อนที่ยาวหนึ่งเมตรเวลาเขาไปตักข้าวจะใส่ปาก พอจะถึงปาก มันก็ไม่ถึงสักที มันหกใส่พื้น เขาเลยมีความวุ่นวายเดือดร้อน พยายามตักอาหารเท่าไร ไม่ถึงปากสักที ก็เลยผอม ไม่ได้อาหารตามที่เขาต้องการอยู่ใกล้อาหารที่อร่อย แต่ไม่สามารถเอามาถึงปากตน อย่างนี้จึงเรียกว่า นรก
ไปเที่ยวต่อ ไปดูสวรรค์ ไปอีกห้องหนึ่ง ห้องที่สองนี้มีลักษณะ เช่นเดียวกับ ของนรกเรามักจะคิดว่าสวรรค์กับนรกจะต่างกัน แต่ความจริงสวรรค์กับนรกนี้คล้ายๆ กัน มีโต๊ะอาหารยาวๆ ขนาดเดียวกัน อาหารประณีตหลายๆ อย่าง เหมือนๆ กันหมด มีเก้าอี้รอบ มีคนนั่ง
แต่ที่ดูแปลก คือ คนที่สวรรค์ยิ้มแย้มแจ่มใส ดูอุดมสมบูรณ์ สบาย ดูมีความสุข
“เอ ทำไมมันเป็นอย่างนี้”
เขากินกันอย่างไร มองไปก็เห็นว่าเขามีช้อนยาวหนึ่งเมตรเหมือนกัน เขาก็ต้องใช้ช้อนยาวแบบนี้เหมือนกัน แต่ทำไมมันไม่เหมือนที่โลกนรก
พอสังเกตให้ดีก็เห็นได้ชัด เห็นวิธีการกินของชาวสวรรค์ คือ คนข้างหนึ่งของโต๊ะเขาก็ตักอาหารด้วยช้อนยาวๆ เอาไปป้อนใส่ปากของคนตรงข้าม คนอีกข้างเขาก็ตักอาหารมาใส่ปากของคนฝั่งตรงข้าม ทุกคนก็เลยได้กินกันทั่วถึง ได้อยู่ด้วยความสะดวกสบาย
ความแตกต่างมันอยู่ตรงไหน? ต่างกันอย่างไร นรกกับสวรรค์?
สิ่งแวดล้อมเหมือนกัน อาหารเหมือนกัน โต๊ะอาหารเหมือนกัน เก้าอี้เหมือนกัน สิ่งภายนอกเหมือนกันหมด
ที่นรก คนคิดแต่จะได้อย่างเดียว คิดแต่เรื่องความสุขของตัวเอง คิดแต่ว่าเราจะได้อาหารที่เราชอบ แต่ที่สวรรค์นั้นมีการช่วยเหลือเอื้อเฟื้อกัน มีความรักใคร่ มีความสามัคคีกัน คำนึงถึงความสุขของคนอื่นด้วย ก็เลยมีความสุขทั่วหน้า
ทีนี้ไม่ว่าเราจะอยู่ในวัด ไม่ว่าจะอยู่ในกรุงเทพฯ จะอยู่ในต่างประเทศ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตามเถอะ จะเป็นสวรรค์ จะเป็นนรก ก็ขึ้นอยู่กับจิตใจของเรา
ถ้าจิตใจของเราเต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัว เต็มไปด้วยความอยากได้ มันจึงกลายเป็นนรก แต่ถ้าจิตใจของเราไม่มีความเห็นแก่ตัว แต่เห็นแก่คนอื่น จึงกลายเป็นสวรรค์ไป นรก สวรรค์มันจึงอยู่ที่ว่าจิตใจของเราเป็นอย่างไร นี่เป็นเรื่องสำคัญ