เป็นที่น่าดีใจว่า วัยรุ่นและคนสมัยใหม่คนส่วนหนึ่งได้มีการชักชวนกันให้หันมาสนใจเรื่องการภาวนามากขึ้น บางคนอาจไม่รู้ว่า แค่พูดแนะนำนิดหน่อยแค่นี้ แต่ผลที่ได้ไม่นิดหน่อยเลย การแนะนำคนอื่น ส่งผลให้เขาพ้นอบาย ได้สวรรค์ได้นิพพานนั้น ไม่ใช่ของเล็กน้อย ชาติต่อๆ ไป จะมีแต่เพื่อนดีๆ ที่จักชักนำให้เราเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไป
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า การเป็นกัลยาณมิตรนั้นเป็นทั้งหมดของพรหมจรรย์ คือ การครองชีวิตอันประเสริฐ
การทำภาวนาจนเกิดสมาธินี้ ให้ประโยชน์กับชีวิตมากมาย โดยสรุปมี ๕ ประการ คือ
๑. ให้ความสุขในปัจจุบัน อย่างเช่น นักเรียน ทำให้มีสติ มีปัญญาดี ทำให้เรียนดีขึ้น มีใบหน้าผ่องใส ใจสงบสบาย ระงับความโกรธได้เร็ว ใจเย็นขึ้น มีผลทำให้การคิดตัดสินใจในการทำงานดีขึ้น เป็นต้น
๒. ได้ฌานสมาบัติ คือ ความสุขที่ประณีตขึ้น เหนือจากความสุขของมนุษย์และเทวดามาก เป็นความสุขที่ไม่ต้องอาศัยวัตถุ มีหลายคนที่ภาวนา เมื่อใจแนบแน่นเป็นสมาธิดี ได้รับความปีติจนน้ำตาไหล บางคนมีความสุขมากจนไม่อยากเลิกจากการนั่งภาวนา เป็นสุขอยู่ในสมาธิหลายๆ ชั่วโมง เมื่อจิตถอนออกจากสมาธิ ใบหน้าก็เปล่งปลั่งผ่องใสคล้ายมีรัศมีอย่างนี้เป็นต้น
๓. ได้ญาณทัสสนะ เช่น มีหูทิพย์ ตาทิพย์ ระลึกชาติได้ รู้ใจผู้อื่น
๔. ได้นิโรธสมาบัติ (สูงกว่ารูปฌานสมาบัติและอรูปฌานสมาบัติ เป็นสมาบัติขั้นสูงสุดของพระอริยเจ้าตั้งแต่พระอนาคามีจนถึงพระอรหันต์)
๕. ได้ภพอันวิเศษ คือ บรรลุถึงพระนิพพาน
นี่คือผลที่ต้องได้อย่างแน่นอนในปัจจุบัน ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง แล้วแต่กำลังความเพียร ส่วนประโยชน์ในชาติต่อๆ ไป คือ เมื่อตายไปด้วยการภาวนา ก็ไปสุคติ มีสวรรค์ เป็นต้น และเกื้อหนุนให้ได้บรรลุมรรคผลนิพพานในที่สุด การภาวนาก่อนตายเพียงไม่นาน ยังให้ผลดีอย่างนี้ ก็น่าจะท่องภาวนาพุทโธ หรือ อรหัง หรือ สัมมาอรหัง ให้บ่อยๆ จนคุ้นอยู่ในใจ ในขณะที่ร่างกายยังแข็งแรงอยู่ เพราะถึงวันสุดท้าย เราจะได้มีที่พึ่ง
คนทั่วไปหลายคน ไม่ค่อยกล้าคิดถึงเรื่องความตาย เพราะกลัวว่าจะเป็นการแช่งตนเอง นี่แสดงว่ายังเข้าใจคลาดเคลื่อนไป บางคนโชคดี ได้รับการสั่งสอนให้ภาวนาเป็นประจำ เวลาขายของก็ภาวนาพุทโธ หรือ อรหัง หรือสัมมาอรหังไป ผลปรากฏว่า ทำให้ขายของดี เพราะอะไร เพราะเมื่อภาวนาอย่างนี้ หน้าตาก็ผ่องใส เทวดาก็ลงรักษา เมื่อเป็นอย่างนี้ก็มีแต่เจริญ