พญานาคอตุละ
.....ในพระพุทธกาลนี้ พระโพธิสัตว์ของเราเกิดเป็นพญานาค มีนามว่าอตุละ มีบุญญาฤทธานุภาพมาก เมื่อได้ยินข่าวพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้นก็มีใจยินดี รีบพาบริวารจำนวนหลายโกฏิเข้าไปเข้าเฝ้า ถวายมณฑปเรือนยอดประดับรัตนะ ๗ ประการ พร้อมบรรเลงดุริยางค์ทิพย์ ทำการสักการะพระพุทธเจ้าผู้มีพระรัศมีแผ่ไปถึง ๗ โยชน์โดยรอบ พญานาคอตุละถวายมหาทานตลอด ๗ วัน
พร้อมด้วยตั่งทองประดับด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีแก้วมณี และ แก้วมุกดา เป็นต้น แก่เหล่าภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน
พระบรมศาสดาทรงตรัสพุทธพยากรณ์ว่า ต่อไปจากเวลานั้นอีก ๙๑ กัป พญานาคอตุละจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า โคตมะ พระโพธิสัตว์ฟังแล้ว ยิ่งมีใจเลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคเจ้ายิ่งขึ้น ตั้งใจปฏิบัติข้อวัตรปฏิบัติต่างๆ ในการสะสมพุทธบารมีให้บริบูรณ์ จนสิ้นอายุขัย
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ที่ ๒๐ ที่ตรัสพระพุทธพยากรณ์
ทรงพระนามว่า พระสิขีสัมมาสัมพุทธเจ้า พระสรีระสูง ๗๐ ศอก อายุขัยของมนุษย์ในยุคนั้น ๗ หมื่นปี ทรงเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าอรุณ และพระนางปภาวดี พระอัครมเหสีแห่งนครอรุณวดี
ทรงครองฆราวาสวิสัยอยู่ ๗ พันปี ทรงเห็นนิมิต ๔ ประการ เมื่อพระนางสัพพกามาเทวีประสูติพระโอรสอตุละ จึงทรงช้างราชพาหนะออกมหาภิเนษกรมณ์ มีบุรุษตามเสด็จออกบวช ๑๓๗ , ๐๐๐ คน ทรงทำความเพียรอยู่ ๘ เดือน ผู้ถวายข้าวมธุปายาส คือ ธิดาของปิยเศรษฐี แห่งสุทัสสนนิคม
นิสีทนสันถัตกว้าง ๒๔ ศอก ( บางแห่งว่า ๓๒ ศอก) ดาบสอโนมทัสสีถวายหญ้า ๘ กำ ประทับนั่ง ณ โคนต้นปรุฑรีกะ ( กุ่มบก บางแห่งว่ามะม่วงป่า) พระอัครสาวกคือ พระอภิภู และพระสัมภวะ พระพุทธอุปัฏฐากคือ พระเขมังกร ทรงแสดงธรรม ๓ ครั้ง ครั้งที่ ๓ ทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ ใกล้ประตูสุริยวดีนคร เพื่อตัดความเมาและความมานะของเหล่าเดียรถีย์ ให้ยอมรับนับถือพระองค์ มีสาวกสันนิบาตเกิดขึ้น ๓ ครั้ง ครั้งที่ ๓ เนื่องในโอกาสที่พระบรมศาสดาทรงฝึกช้างชื่อ ธนบาลกะ ในธนัศชัยนคร เสด็จดับขันธปรินิพพานเมื่อพระชนมายุ ๗ หมื่นพรรษา ที่พระวิหารอัสสาราม พระบรมสารีริกธาตุรวมเป็นหนึ่งเดียว ไม่กระจัดกระจาย พระสถูปบรรจุสูง ๓ โยชน์ ประดับด้วยแก้ว ๗ ประการ งามเหมือนภูเขาหิมะ
พระเจ้าอรินทมะ
ในพระพุทธกาลนี้ พระโพธิสัตว์ของเราเกิดเป็นกษัตริย์ทรงพระนามว่า อรินทมะ ครองนครปริภุตตะ เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมายังพระนครของพระองค์ ทรงดีพระทัยมาก ถวายบังคมที่พระบาทด้วยพระเศียร แล้วถวายภัตตาหารตลอด ๗ วัน ถวายผ้าอย่างดีนับโกฏิผืน ถวายพาหนะที่ประดับตกแต่งแล้วเป็นอย่างดีแด่พระพุทธองค์ ถวายสิ่งที่ควรรับแก่เหล่าพระภิกษุ ซึ่งมีน้ำหนักเท่าน้ำหนักตัวช้าง พระสิขีสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสพุทธพยากรณ์ว่า พระเจ้าอรินทมะโพธิสัตว์ จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต นับจากนี้ไปอีก ๓๑ กัป พระโพธิสัตว์ปีติยินดีตั้งใจสร้างพุทธบารมีอย่างยิ่งยวดไปจนตลอดชีวิต
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ที่ ๒๑ ที่ตรัสรู้พระพุทธพยากรณ์
ทรงพระนามว่า เวสสภูสัมมาสัมพุทธเจ้า พระสรีระสูง ๖๐ ศอก อายุขัยของมนุษย์ในยุคนั้น ๖ หมื่นปี ทรงเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าสุปปตีตะ ( บางแห่งว่า ปุปผวติกะ) และพระนางยสวดีพระอัครมเหสี แห่งนครอโนมะ ทรงครองฆราวาสวิสัยอยู่ ๖ พันปี ทรงเห็นนิมิต ๔ ประการ เมื่อพระนางสุจิตตาพระอัครมเหสีประสูติพระโอรสสุปปพุทธะแล้ว เสด็จประทับพระวอทองออกมหาภิเนษกรมณ์ มีข้าราชบริพารตามเสด็จออกบวช ๗ หมื่นคน
ทรงทำความเพียรอยู่ ๖ เดือน ผู้ถวายข้าวมธุปายาสคือ พระพี่เลี้ยงชื่อ สิริวัฒนา ณ สุจิตตนิคม นิสีทนสันถัตกว้าง ๔๐ ศอก พญานาคนรินทะถวายหญ้า ๘ กำ ประทับนั่ง ณ โคนต้นสาละ
พระอัครสาวก คือ พระโสณะ และ พระอุตตระ พระพุทธอุปัฏฐาก คือ พระอุปสันตะ ทรงแสดงธรรม ๓ ครั้ง ครั้งแรก ทรงประกาศพระธรรมจักรแก่พระโสณกุมาร และพระอุตตรกุมาร ณ อรุณราชอุทยาน ใกล้กรุงอนูปมะ ครั้งที่ ๓ ทรงทำยมกปาฏิหาริย์ ณ กรุงอนูปมะ เพื่อทำลายทิฏฐิของเหล่าเดียรถีย์ มีสาวกสันนิบาตเกิดขึ้น ๓ ครั้ง ครั้งที่ ๓ เกิดขึ้นในขณะที่พระบรมศาสดาเสด็จไปอนุเคราะห์พระราชบุตรอุปสันตะแห่งกรุงนาริวาหนะ ซึ่งต่อมาเป็นพระอรหันต์และเป็นพระพุทธอุปัฏฐาก เสด็จดับขันธปรินิพพานเมื่อพระชนมายุ ๖ หมื่นพรรษา ณ พระวิหารเขมาราม ( เขมิคทายวัน) กรุงอุสภวดี พระบรมสารีริกธาตุแผ่ไปยังที่ต่างๆ นานาประเทศได้สักการบูชา
พระเจ้าสุทัสสนะ
ในพุทธกาลนี้ พระโพธิสัตว์ของเราบังเกิดเป็นพระราชาแห่งกรุงสรภวดี มีพระนามว่า พระเจ้าสุทัสสนะ ทรงเข้าเฝ้าพระบรมศาสดา สดับพระธรรมเทศนา แล้วทรงเกิดพระราชศรัทธาบูชาพระพุทธเจ้าพร้อมเหล่าภิกษุด้วยข้าว น้ำ และจีวร ทรงสร้างพระคันธกุฎี พร้อมทั้งพระวิหารหนึ่งพันหลังรายล้อมพระคันธกุฎี แล้วทรงบริจาคพระราชทรัพย์ทุกอย่างไว้ในพระพุทธศาสนา ทรงผนวชในสำนักของพระบรมศาสดา ตั้งมั่นในวัตรและศีล เพื่อแสวงหาพระโพธิญาณ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสพุทธพยากรณ์ว่าต่อไปภายหน้าอีก ๓๑ กัป พระเจ้าสุทัสสนะจะได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง พระนามว่า โคตมะ พระเจ้าสุทัสสนะสดับพระพุทธพยากรณ์อย่างนั้นแล้ว ทรงอธิษฐานบำเพ็ญวัตรสั่งสมพุทธบารมีอย่างยิ่งยวดขึ้น