ฉบับที่ 40 กุมภาพันธ์ ปี 2549

มหาทุคคตะ รวยโคตร โคตรจน

พระมหาเสถียร สุวณฺณฐิโต ป.ธ.๙

 

 

        ชีวิตของมนุษย์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับฟ้าบันดาลหรือสวรรค์ลิขิต แม้พรหมผู้มีฤทธิ์ก็มิอาจลิขิตชีวิตเราได้ แล้วอะไรล่ะ ที่กำหนดชีวิตของเราให้รวยโคตร หรือโคตรจน การที่ชีวิตในสังสารวัฏมีขึ้นๆ ลงๆ นับเป็นเรื่องที่น่าฉงนยิ่งนัก เหมือนดังความผกผันในชีวิตของบุคคลคนหนึ่ง

           ....จากที่เป็นคนเคยจน ก็กลายมาเป็นคนรวยที่สุดในโลก

           ....จากบุคคลผู้มีท้องพร่องทุกวัน กลายมาเป็นผู้มีสมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่อง ใช้ทั้งชาติ ก็ไม่หมด

           ....จากปุถุชนคนธรรมดา กลายมาเป็นพระอริยบุคคล ผู้หลุดพ้นจากกิเลส

           สวรรค์กำลังเล่นตลกกับชีวิตของเขาหรือไร อะไรคือสิ่งที่อยู่เบื้องหลังความสุข และความสำเร็จเหล่านี้? หลายท่านคงมีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้ว สำหรับบางท่านหากยังไม่ทราบ เราจะมาฟังคำเฉลยจากเรื่องของมหาทุคคตะ ผู้ที่ได้ชื่อว่าจนข้ามภพรวยข้ามชาติ

           เรื่องมีอยู่ว่ามีชายยากจนเข็ญใจคนหนึ่ง ยากจนกว่าใครทั้งหมดในเมือง บางวันเขาและภรรยาต้องไป ขออาหารเหลือเดนที่ชาวบ้าน กำลังจะเททิ้งมากินประทังชีวิต ใครๆ ก็เรียกเขาว่า "มหาทุคคตะ" ซึ่งแปลว่า ยากจนมากหรือโคตรจน นั่นเอง !

 

      

 

 

 

 

 

 

     อยู่มาวันหนึ่ง มีบัณฑิตคนหนึ่งเดินผ่านมาพบเข้า ก็บังเกิดความกรุณา อยากจะให้เขาพ้นจากความยากลำบาก จึงได้บอกเรื่องที่ตนนิมนต์พระไว้ และชักชวนให้มหาทุคคตะ รับเป็นเจ้าภาพ เลี้ยงพระสักรูปหนึ่ง มหาทุคคตะปฏิเสธ เพราะรู้ว่าตนเอง ยากจนเข็ญใจขนาดนี้ ต้องขออาหารเขากินแทบทุกวัน จะถวายทานได้อย่างไร แต่บัณฑิตยอดกัลยาณมิตร ก็ไม่ละความพยายาม ยังชักชวนต่อไปว่า "สหายเอ๋ย คนในเมืองนี้ ต่างก็ร่ำรวยมั่งคั่ง ไม่ต้องทำงานหนักก็ได้เงินทองมากมาย เพราะเขาทำบุญมาดี ส่วนท่านยากจนอยู่เช่นนี้ เพราะไม่ค่อยให้ทาน จงรีบทำบุญเถิด"

           มหาทุคคตะแม้จนทรัพย์แต่ไม่จนปัญญา ในวันนั้นบุญเก่าตามมาทัน ส่งผลให้เกิดปัญญา ได้คิดว่า " ที่เรายากจนอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะความตระหนี่ของเราแท้ๆ ที่ไม่มีเพราะไม่ได้ทำมา ดังนั้นวันนี้เราจะต้องทำบุญใหญ่ให้ได้" เขาจึงตัดสินใจรับเลี้ยงพระภิกษุ ๑ รูป วันนั้นทั้งวัน เขาและภรรยาช่วยกัน รับจ้างทำงานที่บ้านเศรษฐี เพื่อหาเงินมาซื้อภัตตาหารเลี้ยงพระ ท่านเศรษฐีรู้เข้าเกิดความเลื่อมใส จึงให้ค่าแรงเพิ่มเป็นสองเท่า เราจะเห็นว่า...ใจของคนเรานั้น พอคิดที่จะให้ ก็ยิ่งได้กลับคืนมา ยิ่งให้ก็ยิ่งได้ พอรุ่งเช้า ปรากฏว่าบัณฑิตที่มาชวนเขาทำบุญ ลืมจดชื่อของเขาไว้ มหาทุคคตะจึงไม่มีพระมารับภัตตาหาร เมื่อไม่ได้พระภิกษุที่จะเป็นเนื้อนาบุญให้ เขาจึงรู้สึกเสียใจมาก บัณฑิตผู้นั้นรู้สึกละอายใจมาก ได้กล่าวขอโทษและแนะนำเขาว่า "สหายเอ๋ย ยังมีพระผู้ทรงพระคุณอันยิ่งใหญ่เหลืออยู่อีกรูปหนึ่ง คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าท่านมีบุญ พระองค์ก็คงจะรับอาราธนาเป็นแน่"

           มหาทุคคตะจึงมุ่งหน้าไปสู่ประตูพระคันธกุฎี ทรุดเข่าลงร่ำไห้ ทูลอ้อนวอนว่า "ข้าแต่พระองค์ ผู้เจริญ ในเมืองนี้คนที่จนกว่า ข้าพระองค์ไม่มีอีกแล้ว ขอพระองค์ได้โปรดสงเคราะห์ข้าพระองค์ด้วยเถิด"

        

 

 

 

 

 

 

 

        ธรรมดาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะทรงอนุเคราะห์คนยากจนด้วยพระมหากรุณาธิคุณ พระพุทธองค์ทรงประทานบาตรให้มหาทุคคตะ เขารับบาตรไปด้วยความดีใจ เสมือนหนึ่งได้มหาสมบัติจักรพรรดิ น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสอง ด้วยความปลาบปลื้มปีติ แม้พระราชามหาอำมาตย์จะต่อรองขอซื้อบาตร ด้วยราคาอันแพงลิ่วอย่างไร เขาก็ไม่ยอมขาย กลับตอบปฏิเสธว่า "สิ่งที่ข้าพเจ้าปรารถนาที่สุด ในเวลานี้คือ บุญ ทรัพย์สมบัติ แม้เอามากองเท่าภูเขา ข้าพเจ้าก็ไม่ต้องการ " 

วิธีรื้อผังจนถาวร

           มหาทุคคตะเป็นคนมีปัญญา เห็นว่าบุญเท่านั้นที่จะเป็นสมบัติติดตัวไป ได้ทั้งในภพนี้และภพเบื้องหน้า เขาจึงไม่ยอมยกบุญนี้แก่ใคร ในที่สุด เขาได้ถวายทาน แด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยใจที่อิ่มเอิบเบิกบาน หลังจากพระพุทธองค์เสด็จกลับไปแล้ว สิ่งอัศจรรย์ก็บังเกิดขึ้น ฝนรัตนะได้ตกลงมาที่บ้านของมหาทุคคตะ เป็นเพชรเป็นพลอยมากมาย สูงท่วมถึงหัวเข่าทีเดียว เพราะการถวายทานด้วยเจตนาอันแรงกล้า ด้วยใจเบิกบานผ่องใส และผู้รับทานเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นเนื้อนาบุญอันเลิศ ทานที่ถวายในครั้งนี้จึงให้ผลทันตาเห็น เป็นที่น่าอัศจรรย์ ทำให้เขากลายเป็นมหาเศรษฐี ประจำเมืองในวันนั้นเอง พอได้เป็นเศรษฐีแล้ว เขาก็ไม่ได้ประมาทในชีวิต เพราะรู้ฤทธิ์ของความจนแล้วว่ามันทรมานเพียงไร จึงตั้งใจที่จะรื้อผังจนให้หมดไป ตั้งผังรวยถาวรข้ามชาติ ด้วยการตั้งใจทำบุญ ทำทานยิ่งขึ้นไปจนตลอดชีวิต เมื่อละโลกไปแล้วก็ไปบังเกิดในสวรรค์ เสวยทิพยสมบัติยาวนานถึง ๑ พุทธันดร

             ในชาตินี้ เมื่อลงมาเกิดเป็นมนุษย์อีก บุญก็ส่งผลให้มาเกิดในตระกูลเศรษฐี ชื่อว่า "บัณฑิต" เพราะตั้งแต่มาอยู่ในครรภ์มารดา ก็ทำให้ทุกคน ในบ้านกลายเป็นคนฉลาดกันไปหมด พออายุได้ ๗ ขวบ บุญในตัวกระตุ้นเตือนให้อยากออกบวช พ่อแม่ก็ไม่ได้ขัดใจ กลับอนุโมทนาในความเป็น ผู้มีใจเด็ดเดี่ยวของท่าน ครั้นบวชได้ไม่กี่วัน ก็ได้บรรลุธรรมเป็นสามเณรอรหันต์

บุญ... เบื้องหลังความสุขและความสำเร็จ..

            จากเรื่องมหาทุคคตะผู้ได้ชื่อว่าเป็นคนจนข้ามภพรวยข้ามชาตินี้ เราจะเห็นว่า บุญนี่แหละคือสิ่งที่อยู่เบื้องหลังความสุข และความสำเร็จทั้งมวล ชีวิตในสังสารวัฏจะเป็นเช่นไร ก็ขึ้นอยู่กับกรรมดีกรรมชั่วเท่านั้น กรรมจะเป็นเครื่องแบ่งแยกมนุษย์ให้มีความเป็นอยู่ที่แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นอย่าได้ดูเบา ในการสั่งสมกรรมดี หรือเรียกง่ายๆ ว่า บุญ จะเป็นบุญเล็กบุญน้อยก็ทำไปเถอะ เก็บเกี่ยวบุญของเราไว้เรื่อยๆ ทั้งบุญจากการให้ทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา ทำไปพร้อมๆ กัน เพราะบุญ คือเพื่อนแท้ ที่จะติดตามตัวเราไปทุกหนทุกแห่ง เป็นสมบัติละเอียด ที่เราสามารถนำติดตัวไปได้ บุญนั้นอยู่ในกลางกายของเรา คอยอำนวยผลให้เราประสบความสุข และความสำเร็จข้ามชาติ

           โดยเฉพาะบุญพิเศษสุดในช่วงนี้ คือบุญจากการร่วมกันสถาปนามหารัตนวิหารคด อันจะเป็นศูนย์รวมใจของมนุษย์และเทวดาทั้งหลายอย่างแท้จริง จะเป็นอริยสถานอันศักดิ์สิทธิ์ให้ภิกษุสงฆ์ทั่วสังฆมณฑล มาสวดมนต์นั่งสมาธิ และแผ่กระแสแห่งความเมตตา ไปสู่สรรพสัตว์นับอนันต์ บุญพิเศษจากการมีส่วนร่วม สถาปนามหารัตนวิหารคดแห่งนี้ จะส่งผลให้เราหมดสิทธิ์จน เป็นคนจนยาก เราจะหลีกไม่พ้นจาก ความรวยอีกต่อไป กลายเป็นผู้พรั่งพร้อมไปด้วยที่สุดแห่งรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ และคุณสมบัติ กระทั่งสมบัติ อจินไตยหรือสมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่อง ก็จะไม่ยากเกินกว่าจะได้ครอบครอง

          ผู้ร่วมสร้างมหารัตนวิหารคดจะเป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ของโลกและจักรวาล ที่จะทำให้ทั้งมนุษย์และเทวาได้อนุโมทนาสาธุการ เพราะทุกคนคือผู้สร้างสันติภาพ อันไพบูลย์ให้บังเกิดขึ้น แก่โลก ดังนั้นจะสร้างมหาทานบารมีกันทั้งที ก็ต้องทุ่มเทกันชนิดแผ่นพื้นพสุธา ต้องสะเทือนเลื่อนลั่น เหมือนพระบรมโพธิสัตว์ที่ท่านสร้างมหาทานบารมีจนสะเทือนไปทั่วทั้งภพ แม้ชาวสวรรค์ พรหม อรูปพรหมทั้งหลาย เขาก็มาอนุโมทนา เราทุกคนคือบุคคลสำคัญ ที่ทำให้โลกและจักรวาลสว่างไสวไปด้วยรัศมีธรรม บุญใหญ่ครั้งนี้จะหลั่งไหลเป็นท่อธารแห่งบุญ จากอายตนนิพพาน มาสู่ศูนย์กลางกายของเรา แล้วติดซ้อนกันเข้าไปหมดทุกกาย เป็นชั้นๆ เข้าไป และจะติดตัวติดใจไปทุกภพทุกชาติ จนกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม

ชีวิต..ลิขิตได้..

       ยอดนักสร้างบารมีทั้งหลาย...เส้นทางไกลในสังสารวัฏเพื่อมุ่งสู่ที่สุดแห่งธรรมนั้น จะรอโชคชะตา ให้ฟ้าบันดาลหรือสวรรค์ลิขิตไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ชีวิตต้องลิขิตด้วยกรรม คือการกระทำของเราเอง กรรมดีหรือการกระทำที่เป็นกุศลนั่นแหละ คือบุญ บุญเท่านั้นจะบันดาลความสุข และความสำเร็จให้กับเราได้ เมื่อบุญใหญ่จากการสถาปนาเสาแก้วพันปี เพื่อรองรับมหารัตนวิหารคด กำลังรอเราอยู่ข้างหน้า ขอให้เติมพลังแห่งศรัทธา และเชื่อมั่นว่าสันติภาพโลกเป็นจริงได้ ถ้าเราพร้อมใจกันสู้ พร้อมใจกันสร้างพุทธสถานสำหรับชาวโลก ให้เขาได้มาปฏิบัติธรรม และเข้าถึงธรรมกันที่นี่ อย่างรวดเร็วที่สุด ก่อนที่กระแสกิเลสร้าย จะฉุดรั้งพวกเขาไปสู่อบาย ดังนั้นเราต้องเป็นเจ้าของบุญพิเศษสุดนี้ให้ได้ เพราะบุญนี้จะทำให้เราถึงพร้อมด้วยที่สุด ของความพิเศษทั้งมวล ยามที่กระแสบุญส่งผล อะไรๆ ก็ห้ามก็กันไม่อยู่ เหมือนดวงอาทิตย์ เมื่อโผล่พ้นขอบฟ้า พลันขจัดความมืดให้หมดไปได้ ส่องความสว่างให้แก่สรรพชีวิต ในขณะที่เรายังมีลมหายใจ มีโอกาสที่จะได้สั่งสมมหาทานบารมี ได้โอกาสที่จะรื้อผังจน และตั้งผังรวยถาวร ก็ควรทุ่มเทกันให้เต็มที่ ก่อนที่จะหมดโอกาส ดังพุทธพจน์ที่ว่า

 

         
        "เมื่อเรือนถูกไฟไหม้ เจ้าของเรือน ขนเอาสิ่งใดออกไปได้ สิ่งนั้นย่อมเป็นประโยชน์แก่เขา ส่วนสิ่งใดที่ขนออกไปไม่ได้ ย่อมถูกไฟไหม้ ฉันใด โลกคือหมู่สัตว์ อันชราและมรณะเผาแล้ว ก็ฉันนั้น ควรนำโภคทรัพย์สมบัติ ออกด้วยการให้ทาน "เพราะทานวัตถุที่บุคคลให้แล้ว ได้ชื่อว่านำออกดีแล้ว ย่อมมีสุขเป็นผล ส่วนที่ยังมิได้ให้ โจรยังปล้นไปได้ ไฟยังไหม้ได้ หรือสูญหายได้ บุคคลจำต้องละร่างกายพร้อมด้วยเครื่องอาศัย ผู้มีปัญญารู้ชัดดังนี้แล้ว ควรใช้สอยและให้ทาน..เพราะบุญเท่านั้นเป็นที่พึ่งของสรรพสัตว์ในปรโลก"
บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล