: ปราณี ชัยผดุง
ก่อนที่งานสลายร่างคุณยายอาจารย์ มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง จะถูกจัดขึ้น คุณสมพร นงค์นาคพะเนา ได้ขออนุญาตสามีกลับไปบ้านเกิดที่ตำบลประสุข อำเภอชุมพวง จังหวัดนครราชสีมา เพื่อไปทำหน้าที่อันยิ่งใหญ่คือหน้าที่ผู้นำบุญ ยอดกัลยาณมิตร ชักชวนญาติมิตร เพื่อนบ้าน ให้รู้ข่าวบุญงานสลายร่างของคุณยายอาจารย์ฯ ซึ่งเป็นบุญสุดท้ายที่ลูกหลานคุณยายทุกคนจะได้บุญกับท่าน เธอทำหน้าที่อย่างดียิ่ง ในการเชิญชวนทุกคนให้เป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารเป็นสังฆทานแด่ พระสังฆาธิการ ซึ่งนิมนต์มาในงานนี้ ๓๐,๐๐๐ วัดจากทั่วประเทศ เธอได้ชวนคนทั้งหมด ๗ หมู่บ้าน และพาคนมาร่วมงานถึง ๕๐๐ คน
ในการสร้างบารมี เป็นธรรมดาทำงานร่วมกับคนหมู่มากย่อมมีความไม่เข้าใจเกิดขึ้น แต่เธอก็อดทนฟันฝ่าอุปสรรคตรงนั้นไปได้ บัดนี้งาน ทุกอย่างได้สำเร็จเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว เธอจึงเดินทางกลับบ้านที่อยู่ในเมืองโคราช
เสื้อยืดตัวหลวมกับกางเกงวอร์ม พร้อมเป้ที่สะพายอยู่ด้านหลังบ่งบอกให้รู้ว่า เธอกำลังจะเดินทาง ผ้าคลุมผมลายเข้มของเธอเผยอขึ้นตามแรงลมที่มาปะทะ ดวงตาทั้งสองซ่อนอยู่ใต้แว่นใสที่หนาเตอะ ดูจากภายนอกไม่มีใครรู้เลยว่า ภายใต้ผ้าคลุมผมสีสดนั้น ไม่มีเส้นผมแม้แต่เส้นเดียว ตาข้างขวาของเธอบอดสนิท ตาข้างซ้ายสั้น และพรามัว เพราะพิษของมะเร็งในเม็ดเลือดขาวกินเม็ดเลือดแดง คุณหมอบอกว่า เธอไม่มีทางรอดแต่ทว่าจากวันนั้นจนถึงวันนี้ ๑๐ กว่าปี เธอยังคงมีชีวิตอยู่
ทำไมวันนี้ไม่มีรถบัสโดยสารมาสักคัน นานกว่า ๓ ชั่วโมงแล้ว ที่เธอยืนรอรถบัสพลางร้องไห้อย่างไม่สนใจและอายใคร และไม่รู้ว่าจะหยุดน้ำตาลงได้อย่างไร ในที่สุดเธอจึงหันไปถามพ่อหนุ่มวิน มอเตอร์ไซด์รับจ้าง
"เป็นหยัง วันนี้รถบ่มาจั๊กทีละพ่อนาย"
"อ้อ... เขาเหมารถไปหลายคันเหลือวิ่งอยู่เพียง
๓-๔ คันเท่านั้นล่ะ นานๆ จะมาจั๊กคันล่ะป้า"
น้ำตาของเธอไหลพรากออกมาเป็นระลอกๆ เหมือนคลื่นทะเลที่โหมกระหน่ำฝั่ง เมื่อหวนนึกถึงคำพูดที่ยังก้องอยู่ในหูเจ็บช้ำอยู่ในใจ "เป็นผู้นำบุญประสาอะไร งานแค่นี้ไม่มีปัญญาจัดการให้ดี"
คำพูดเพียงเท่านี้สำหรับคนอื่นฟังดูอาจธรรมดา แต่สำหรับเธอนั้น มันเสียดแทงเข้าไปในหัวใจ ใจที่เคยอาจหาญยิ่งใหญ่พลันหายไปในพริบตา ความใจน้อยและน้อยใจในความอาภัพของตนโถมเข้ามาเต็มพื้นที่ของใจ มือที่สั่นระริกของเธอกำสายสร้อยที่ห้อยล็อกเก็ตรูปคุณยาย พลางคร่ำครวญอยู่ในใจ "คุณยายเจ้าขา ต่อนี้ไป สมพรจะเลิกทำหน้าที่นะเจ้าคะ เพราะลูกทำหน้าที่ผู้นำบุญตามลูกหลานยายมาเอาบุญกับยายได้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีแล้ว ต่อไปลูกจะขอหยุดหมดทุกสิ่งทุกอย่างเลย ลูกจะขอทำคนเดียว ลูกจะไปวัดคนเดียวนะเจ้าคะ" เธอพร่ำรำพันเพราะความน้อยใจสุดขีด แล้วรถบัสที่เธอรอคอยก็มาถึงพอดี ผู้โดยสารบนรถแน่นมาก ..แต่อย่างไรเธอก็ต้องไป
เธอเกาะราวเดินเบียดขยับเข้าไปจนเกือบถึงด้านหน้าคนขับ ..แปลกใจรถแน่นมากขนาดนี้ ด้านหลังคนขับถัดไปอีกสามเบาะยังมีที่นั่งว่างอยู่สองที่ ทำไมถึงไม่มีใครไปนั่ง
ทุกคนบนรถต่างหันหน้าบอกเธอเป็นเสียงเดียว "นางนั่งสิ...นางนั่ง...มานั่งเร็ว"
เมื่อได้ที่นั่งเรียบร้อยแล้ว เธอจึงหลับตาพาใจไปหยุด ณ ศูนย์กลางกายภายในทันที ใจเริ่มกลับไปยังแหล่งที่ตั้งแห่งความบริสุทธิ์อีกครั้ง ความสงบนิ่งทยอยเข้ามาแทนที่ ความคิดสับสนค่อย ๆ ลดลง จนกระทั่งสงบนิ่งเป็นสมาธิ ท่ามกลางความนิ่ง เสียงหนึ่งดังกังวานขึ้นเป็นน้ำเสียงที่ฟังแล้วเกิดความอบอุ่นคุ้นเคยขึ้นมาอย่างประหลาด เธอเล่าถึงเหตุการณ์ตอนนี้ด้วยความประทับใจในความรู้สึกนั้น สมพรเห็นคุณยายท่านนั่งอยู่ข้างๆ ท่านบอกว่า "ที่ลูกพูด..ลูกพร่ำพรรณนากับยาย ยายรับรู้ทุกอย่าง ยายตามลูกทุกฝีก้าว ทำไมลูกจะต้องมาทำใจตกบุญตกด้วย ลูกอย่าทำใจตกซิลูก รู้ไหมว่า ลูกทุกคนที่ทำหน้าที่ยายคุ้มครองดูแลหมด ไม่ต้องกลัวนะ การทำหน้าที่มันเป็นอย่างนี้แหละ มีทั้งคนเข้าใจและไม่เข้าใจ เราจะต้องทำใจอย่าให้ใจตก ถ้าหากคิดนิดเดียว บุญก็ตกหล่น ลูกก็ได้บุญไม่เต็มที่ ถ้าหากว่าลูกทำใจผ่านตรงนี้ไปได้นะ ทุกอย่างจะไปได้ดี" สมพรตื้นตันใจมากที่คุณยายท่านเมตตา
สมพรจึงรับปากว่า ลูกจะทำหน้าที่ต่อไป จะทำให้ดีที่สุด เอาชีวิต เข้าแลกเลยเพื่อตอบแทนพระคุณหลวงพ่อและคุณยาย พอรถถึงเมืองโคราช เมื่อสมพรลงจากรถ คนแถวนั้นต่างพากันยกมือไหว้ เมื่อเห็นสมพรเดินผ่าน สมพรรับไหว้ ยิ้มทักทาย ด้วยความแปลกใจ
"สวัสดีค๊า... จ๊า.. สวัสดีจ๊ะ" มีอยู่คนหนึ่ง เขาเอามือตบบ่าสมพรอย่างแรง
"พี่ๆ นิมนต์แม่ชีมาจากไหนล่ะ ง๊าม..งามๆ งามจังเลย ฉันอยากกราบท่านตั้งแต่อยู่บนรถแล้ว แต่รถมันแน่นมาก เข้าไปไม่ถึงท่าน"
สมพรตอบไปตามความจริงว่า "อ๋อ.. แม่ชีจากวัดพระธรรมกายจ๊ะ" มัวแต่หันหน้ามาคุยกัน หันไปอีกที "อ้าวแม่ชีท่านหายไปไหนแล้วพี่ ท่านไปไวจังเลย..!??" เธอยิ้มด้วยความปีติที่คุณยาย ไม่ได้ทอดทิ้งเธออย่างที่เธอนึกคิดไปเอง พลางหวนนึกถึงอดีตก่อนที่เธอจะมีวันนี้ วันที่ได้รู้จัก วัดพระธรรมกาย
ก่อนจะมีวันนี้ วันที่รื้อผังจน
ในปี พ.ศ.๒๕๓๙ ตอนนั้นคุณสมพรยังไม่ได้เข้าวัด วันหนึ่งเธอกลับไปเยี่ยมคุณพ่อที่หมู่บ้านประสุข คุณสมพรกับผู้เป็นพ่อ ซึ่งขณะนั้นไม่ได้อยู่ในฐานะร่ำรวยอะไร ตื่นเต้นกับเหตุการณ์ที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตครั้งใหญ่ โดยเฉพาะผู้เป็นพ่อนั้น ราวกับเห็นโคตรเพชรมาวางอยู่ตรงหน้า เมื่อเหลือบไปเห็นกระดาษห่อปลาทู ที่ลูกสาวกำลังนำปลาไปทอด ภาพองค์พระและข้อความบนกระดาษบอกให้รู้ว่า จะมีการสร้างพระเจดีย์ใหญ่และเปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วม โดยการสร้างองค์พระประจำตัว จารึกชื่อของผู้สร้างไว้ใต้ฐานองค์พระ เพื่อนำไปประดิษฐานบนเจดีย์ ทำให้ผู้เป็นพ่ออดรนทนไม่ไหว
"อีนาง วัดพระธรรมกายเขามีสร้างพระ อยู่ที่ไหน นำพ่อไปเบิ้ง พ่ออยากสร้างองค์พระ"
"จะไปจังได๋ล่ะ. พ่อก็ไม่รู้หนังสือ ฉันก็ไม่รู้หนังสือ พากั๋นไปหลงต๋าย"
แต่ด้วยแรงศรัทธาและบุญเก่าได้ช่องตามมาทัน ส่งผลให้พ่อไม่ละความพยายามตามลูกสาวไปบ้านในเมืองโคราชด้วย ลูกสาวจึงต้องแสวงหาหนทางพาพ่อไปวัดพระธรรมกายให้จงได้ ในที่สุดความปรารถนาก็เป็นจริง สองพ่อลูกมาถึงวัดและสร้างองค์พระประจำตัวในวันนั้นถึง ๒ องค์ ด้วยความตื้นตันใจ พ่อกลั้นน้ำตาแห่งความปีติไว้ไม่อยู่ ถึงกับประคองกอดลูกสาวร้องไห้โฮ..
ตั้งแต่นั้นมา ชีวิตของคุณสมพรซึ่งเปรียบเสมือนขอนไม้เน่าที่ถูกน้ำเซาะผุกร่อนตลอดเวลา ด้วยโรคมะเร็งในเม็ดเลือดที่คอยกัดกินเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย ซ้ำร้ายระยะหลัง เธอมีอาการช็อกบ่อยขึ้น สลบไปนานครั้งละ ๗-๘ ชั่วโมง ตัวเขียวเล็บเขียว ปัจจุบันอาการเหล่านั้นหายไปแล้ว
เธอเล่าถึงชีวิตใหม่ที่ได้มาว่า "เมื่อสมพรนั่งสมาธิเป็นแล้ว สมพรจะเห็นคุณยายท่านอยู่ในศูนย์กลางกายตลอดเลยค่ะ สมพรไปไหน คุณยายไปด้วย ครั้งสุดท้ายสมพรช็อก หายใจไม่ทั่วปอด เหงื่อยางตายออก สมพรร้องเรียก "คุณยายเจ้าขา สมพรจะตายแล้ว คุณยายช่วยสมพรทีเจ้าค่ะ" จั๊กเดี๋ยวเดียว มีลมกลมๆ ขนาดเท่าลูกฟุตบอลมาปะทะสมพร จากนั้นสมพรจึงค่อยๆ หายใจเต็มท้อง เย็นสบายไปทั่วร่าง ตั้งแต่นั้นมา สมพรยังไม่ช็อกอีกเลยค่ะ สมพรทุ่มเทสร้างบุญบารมีให้ตัวเองและถวายบูชาพระคุณหลวงพ่อ-คุณยายแบบสุดชีวิต สมพรรักเคารพท่าน ไม่อยากให้หลวงพ่อและคุณยายผิดหวัง สมพรจึงออกไปทำหน้าที่ตามลูกหลานยายให้ได้รู้จักสร้างบุญกุศล แต่เพราะสมพรไม่รู้หนังสือ จึงใช้วิธีฟังเทปธรรมะเอา มีอยู่ม้วนหนึ่ง ฟังวันละสิบรอบยังไม่ค่อยเข้าใจ สะดุดใจอยู่ตอนเดียว หลวงพ่อบอก "ให้ไปพลิกผังคนจน" จึงคิดว่า "สงสัยหลวงพ่อคงจะให้สมพรไปบอกไปตามปู่ย่า ตายาย ที่ทำนาทำสวนนี่ละมั้ง เขาจะได้รวยกัน" งานบุญที่สมพรได้ทำหน้าที่อย่างจริงจังและเชื่อมั่นในอานุภาพของครูบาอาจารย์ยิ่งขึ้น คือบุญงานสลายร่างของคุณยายอาจารย์ ยิ่งทำบุญยิ่งเพิ่ม ยิ่งมีความสุขค่ะ
กลางคืนออกไปตามบ้าน มืดตรงไหน ก็ขอค้างที่หมู่บ้านนั้น ค้างไม่ค้างเปล่า เราก็ชวนเขา สวดมนต์นั่งสมาธิ เสร็จแล้ว สมพรก็เล่าเรื่องวัดพระธรรมกาย คุณยาย และเรื่องที่หลวงพ่อนิมนต์ พระสังฆาธิการมาวัด ๓๐,๐๐๐ กว่าวัดทั่วประเทศ บุญใหญ่ขนาดนี้ก็อยากให้ทุกคนได้ทำ เมื่ออธิบายจนเขาเข้าใจและเกิดศรัทธาสร้างบุญติดตัวแล้ว สมพรก็ยื่นสมุดปากกาให้เขาเขียนชื่อตกลงใจทำบุญ
ตอนเช้า กลางวัน สมพรจะนั่งรถอีแต๋น ออกไปท้องนาที่เขารับจ้างเกี่ยวข้าว ไปถึงเขาพากันหัวเราะใหญ่เลย "เอ้า..แม่ใหญ่หัวโล้นก็มา" "จ๊ะ.. วันนี้มาเกี่ยวข้าวและมาบอกบุญ มีเคียวไหม?" พอเสร็จจากนาโน้น มีเวลาก็ไปอีกนาหนึ่ง มืดค่ำเวลาโพล้เพ้ลตะวันจะตกดิน เดินกลับตาก็มองไม่ค่อยเห็น เดินไปก็ตกคันนาไป ๒-๓ ที พอครั้งที่สาม คันนามันสูง หมดแรงจนลุกไม่ขึ้น นึกถึงคุณยาย "คุณยายเจ้าขา สมพรซิต๋ายแล้ว" คุณยายก็วูบมาในศูนย์กลางกายบอกสมพร "คุณๆ ลุกขึ้นๆ" สมพรก็ลุกขึ้นได้ ดีใจคุณยายมาช่วย สมพรไปทำหน้าที่ทุกแห่ง ทั้งไร่อ้อย ไร่มัน สวนพริก ใครได้ฟังแล้วก็อยากสร้างบุญกับคุณยาย บางรายไปรับจ้าง เก็บพริก เกี่ยวข้าว ได้ปัจจัยมาก็นำมารีดใส่ซองอย่างดี อธิษฐานถวายด้วยความปลื้มใจที่คนธรรมดาอย่างเขาก็สร้างบุญใหญ่ได้
เดี๋ยวนี้ ตั้งแต่มีโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา มีแผ่นวิซีดีภาพนรกสวรรค์ ช่วยให้สมพรทำหน้าที่ง่ายขึ้น สมพรไม่รู้หนังสือ สมพรจะพกวิซีดีแผ่นสีส้มๆ (ยมโลก) และวิซีดีแผ่นสีดำๆ (มหานรก ขุม ๕) แล้วก็วิซีดีแผ่นเทวดา (ชุดสวรรค์) ติดกระเป๋าไปด้วย ทำให้ทำหน้าที่ได้สะดวกขึ้น อย่างเช่นตากับยาย ซึ่งยังไม่เข้าใจชีวิตหลังความตาย ตกค่ำ ส่งแก้วเหล้าให้ดื่มกันคนละแก้วก่อนกินข้าว บอกว่าเจริญอาหาร แก้ปวดเมื่อย ตอนนี้ตากับยายเข้าใจแล้วว่า สิ่งที่ทำนั้นเป็นทางมาแห่งอกุศล ผิดศีล ๕ ชีวิตหลัง ความตายมีบุญกับบาปเท่านั้น เป็นเครื่องตัดสินว่าเราจะไปนรกหรือสวรรค์
"ตากะยายว่า เราตายแล้วก็สูญเปล่าหรือตายแล้วไปไหนล่ะ" สมพรถาม
"ตายแล้วก็เผากันแล้วล่ะ อีนาง"
"มันก็ใช่ล่ะยาย ฉันมีแผ่นวิซีดีมาเปิดให้ดู" เสร็จแล้วก็เปิดแผ่น สีส้ม ยมโลกให้ดู พอดูเสร็จ ตากับยายมองหน้ากัน "ว่าไงล่ะตา ทำบุญกับอีนางก็แล้วกั๋นเนอะ"
เจอขี้เมา สมพรก็บอก "แหม มีสตังค์กินเหล้านี่ มาร่วมทอดกฐินกะฉันบ้างก็ดีนะ"
"อ่าวป้า มีอะไรดีๆ ก็เอามาให้ดูก่อนซิว่า บุญเป็นยังไง บาปมันเป็นยังไง"
สมพรก็เลยชวนให้ดูแผ่นสุรามหาโทษ ขุม ๕ ได้ผล!! "มันคงจะจริงนะป้า ยังไงฉันเชื่อป้าไว้ก่อน เผื่อฉันไปตกนรกบุญจะได้ช่วย ตอนนี้ฉันมีอยู่ ๕๐๐ บาท ขอร่วมทำบุญกับป้าก่อน เดี๋ยวป้านำแผ่นนี้ไปให้พี่สาวฉันดู เขาจะได้ทำอีก ๕๐๐"
สมพรทำแบบนี้ทุกวัน มีความสุขทุกวัน ได้บุญทุกวัน ชาติหน้าสมพรจะเกิดมาพร้อมทุกอย่าง รวย สวย ฉลาด สมปรารถนา มีดวงตาเห็นธรรมตั้งแต่เกิด พอกันทีความอาภัพ ยากจน ไม่สมบูรณ์ ชาตินี้
ถึงแม้ชาตินี้อุปกรณ์ในการสร้างบารมีของเธอไม่พร้อม คุณสมพร นงค์นาคพะเนา ก็ไม่ได้รอให้ความพร้อมเกิดขึ้นก่อนจึงค่อยลงมือทำความดี แต่เธอทำความพร้อมที่ใจแล้วลงมือทำทันที เธอสวดมนต์ นั่งสมาธิทุกวัน ใส่บาตรทุกวัน วันละ ๓ วัด มีพระมาบิณฑบาตวันละ ๑๘-๒๐ รูป บางวันมีกับข้าวด้วยก็ใส่ได้ทั้งข้าวและกับ บางวันก็ใส่แค่ไข่ต้ม บางวันไม่มีเลยก็ใส่แต่ข้าวเปล่า ทำหน้าที่กัลยาณมิตร ขยายเครือข่ายคนดีให้ธรรมทานเพื่อนบ้าน หมู่ญาติ ได้เข้าใจวิธีปิดนรก เปิดทางสวรรค์ ทางนิพพานทุกวัน รื้อผังจน พลิกผังรวย ด้วยทาน ศีล ภาวนาทุกวัน บุญจึงส่งผลในปัจจุบันทันตาเห็น เธอโชคดีอย่างคาดไม่ถึง มีเพื่อนจากแดนไกลให้เงินปรับปรุงบ้านใหม่ ให้โดยไม่จำกัดวงเงินไม่คิดดอกเบี้ย และขนาดเธอไม่อยู่บ้านไฟกำลังจะไหม้บ้านก็มีคนมาช่วยดับให้ วิกผมแสนสวยราคาครึ่งหมื่น ก็มีคนซื้อให้... เธอได้เงินจากสามี เพียงวันละยี่สิบบาท แต่สามารถนำใจมหาชนมาร่วมสร้างบุญใหญ่ๆ ได้สำเร็จ ทุกๆ บุญ ล่าสุดเธอทำหน้าที่ผู้นำบุญ สร้างผังรวยให้หมู่ญาติ ทำบุญทอดกฐินถึงหนึ่งแสนบาท แบบนี้เขาเรียกบุญอัศจรรย์ทันใช้ในชาตินี้คงไม่ต้องสงสัยเลยว่า เธอจะสมปรารถนาในทุกสิ่งเพียงใด