เรื่องที่ ๓๙๙เมื่อคนเมาเข้าวัด
ตอนนั้นนั่งกินเหล้าเมาๆ อยู่ ตกปากรับคำทั้งๆ ที่เมา และขึ้นรถมากับผู้นำบุญปะปนสาธุชน
มุ่งหน้าสู่วัดพระธรรมกายด้วยเนื้อตัวที่มอมแมม และยังเมาเหล้าไม่สร่าง
คุณสำรวย เขียวพฤกษ์ |
ณ กระท่อมหลังเล็กๆ หลังหนึ่ง ตั้งอยู่ชานเมือง อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ภายในห้องคับแคบ ไม้ผุๆ เก่าๆ พื้นที่พอแค่ซุกหัวนอน นายสำรวย เขียวพฤกษ์ มีอาชีพถีบสามล้อรับจ้างหากินไปวันๆ ผิวคล้ำกรำแดด หาเช้ากินค่ำเหมือนนกเหมือนกาออกจากรังแต่เช้าตรู่ พอหาอาหารกินอิ่มท้องก็กลับสู่รังนอน วิถีชีวิตก็มีอยู่แค่นี้ รายได้อยู่แค่วันละ ๔๐-๕๐ บาท พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้องไปวันๆ ถีบสามล้อรอผู้โดยสารอยู่หน้าฟรายเดย์สรรพสินค้าทุกวัน บางครั้งรอถึงเที่ยงคืน บางครั้งก็ต้องรอคอยว่าวันนี้จะได้เงินมาซื้อข้าวกินหรือเปล่า ตัวเองยังเอาตัวไม่รอด แล้วจะมีใจคิดถึงสิ่งอื่นใดได้อย่างไร
และแล้ววันหนึ่ง จุดหันเหของชีวิตได้มาถึง โดยลุงยุทธ เพื่อนบ้านที่บางครั้งก็พูดดีด้วย แต่บางครั้งก็พาลทะเลาะกันเป็นอย่างนี้ประจำ วันนี้ลุงยุทธมาในมาดใหม่ ชวนนายสำรวยไปวัดพระธรรมกาย ตอนนั้นนั่งกินเหล้าเมาๆ อยู่ ตกปากรับคำทั้งๆ ที่เมา และขึ้นรถมากับผู้นำบุญปะปนสาธุชนมุ่งหน้าสู่วัดพระธรรมกายด้วยเนื้อตัวที่มอมแมม และยังเมาเหล้าไม่สร่าง
เช้าวันที่ ๕ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๑ มาถึงที่วัด ผู้นำบุญพาไปยังจุดที่เรียกว่าสภาธรรมกายสากล พอได้ที่นั่งก็นั่งลงไปทันที ทุกอย่างเริ่มเงียบกริบ ทุกคนเริ่มนั่งสมาธิ เสียงหลวงพ่อดังแว่วเข้ามาในโสตประสาท นายสำรวยจึงนั่งสมาธิตามเสียงหลวงพ่อ สักพักหนึ่ง เอ๊ะ! รู้สึกสร่างเมา หายเมาเป็นปลิดทิ้ง! มีแต่ความเบา สบายใจเป็นสุขสบายอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อนในชีวิตนี้ มีความสุขที่สุดในโลกอย่างไม่เคยได้พานพบมาตั้งแต่เกิดจนกระทั่งถึงครึ่งค่อนชีวิตนี้
ลุงยุทธ ผู้ชักชวนเพื่อนเข้าวัด
|
พอหลวงพ่อนำนั่งสมาธิเสร็จ เขาจึงลุกไปอาบน้ำ ชำระล้างร่างกายให้สะอาดหมดจด รู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก จึงเดินสำรวจไปรอบๆ สภาธรรมกายสากล มองดูผู้คนเดินผ่านไปมาด้วยชุดสีขาวสะอาดตา หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส แล้วพลันสายตาก็เหลือบไปเห็นองค์พระที่เห็นคนห้อยคล้องคอ คิดในใจว่า “นี่พระอะไรกันนะ ทำไมถึงสวยงามขนาดนี้” รู้สึกอยากเป็นเจ้าของขึ้นมาอย่างจับจิต จับใจ ทำอย่างไรหนอเราจึงจะได้องค์พระจากวัดพระธรรมกายแห่งนี้ไว้ อาราธนาติดตัวสักองค์ จะเป็นเหรียญรุ่นไหนก็ได้ จะได้ขอบารมีท่านไว้คุ้มครอง และช่วยให้อาชีพการงานดีขึ้น
ตอนเสร็จพิธี เดินลัดเลาะไปถึงมหาธรรมกายเจดีย์ เพื่อไปยังจุดจอดรถต่างจังหวัด ผ่านหน้ามหาธรรมกายเจดีย์ รีบยกมือพนมขึ้นเหนือศีรษะ แล้วอธิษฐานจิต “ถ้าลูกมีบุญ สร้างกุศลมาแต่ชาติปางก่อน ขอให้ลูกได้มีโอกาสมาที่วัดพระธรรมกายตลอดไปด้วยเถิด” พออธิษฐานเสร็จได้มองดูองค์พระสีทองเหลืองอร่ามที่ประดิษฐานอยู่ ณ มหาธรรมกายเจดีย์ ด้วยจิตใจที่แช่มชื่นเบิกบาน และเป็นสุขยิ่ง
เดินทางกลับ ถึงบ้านประมาณตี ๒ จิตใจยังจรดจ่ออยู่ในบุญ รีบล้างหน้าล้างตาดึงหนังสืออานุภาพพระมหาสิริราชธาตุออกมาจากกระเป๋า นำมาวางไว้บนหมอน ตั้งใจจะจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย แต่ก็ไม่มีธูปเทียนให้จุด จึงสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย และอธิษฐานจิตกับหนังสืออานุภาพพระมหาสิริราชธาตุว่า “ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์จงดลบันดาลให้ลูกได้รับพระเป็นเหรียญใดเหรียญหนึ่งจากวัดพระธรรมกาย ถ้าไม่ได้ก็ขอเป็นเศษทองที่หล่อองค์พระธรรมกายอย่างใดอย่างหนึ่ง จะด้วยวิธีใดก็ตามเถิด สาธุ” พออธิษฐานจบก็ลงนั่งสมาธิ ตามที่ได้รับคำสั่งสอนมาจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อ นั่งอย่างไม่สะทกสะท้านต่อฟ้าดินที่ส่งเสียงคำราม ฝนตกเทลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา เสียงฟ้าร้องฟ้าแลบ จำได้ว่ามีเสียงฟ้าผ่า “เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง” ดังถึง ๓ ครั้งติดต่อกัน นายสำรวยยังคงนั่งสมาธิภาวนา สัมมา อะระหัง ต่อไปอย่างไม่หวั่นไหวต่อดินฟ้าอากาศ จนเวลาล่วงเลยไปถึงตี ๓ รู้สึกปวดเมื่อย จึงนอนพักเอาแรงเพื่อต่อสู้กับวันพรุ่งนี้ต่อไป
คุณสำรวยกับสามล้อคู่ชีพ
|
รุ่งเช้า เวลา ๗ โมง เขาลุกจากที่นอน ยังไม่ทันได้เก็บมุ้ง ก็มีวัตถุชิ้นหนึ่งลอยละลิ่วจากไหนไม่ทราบหล่นลงบนศีรษะ เสียงดัง “ป๊อก” “เอ๊ะ! ใครเอาก้อนหินมาปาหัวเราวะ” ว่าแล้วก็มุดมุ้งออกมาดู “นี่มันเหรียญบาทนี่หว่า” แต่พอจ้องดูอีกทีมองเห็นพระพุทธรูปเป็นท่านั่งขัดสมาธิ จึงคว้าแว่นสายตามาดูเพื่อให้แน่ใจอีก ขยี้ตาที่เพิ่งจะตื่นนอนใหม่ เพื่อย้ำว่า นี่คืออะไรกันแน่? พอมองดูชัดๆ ก็เห็นว่าเป็นเหรียญพระคล้องคอ ด้านหน้าเป็นรูปพระพุทธรูปด้านหลังเขียน ศูนย์พุทธจักรปฏิบัติธรรม พ.ศ.๒๕๒๒ มือที่จับเหรียญพระสั่นเทาด้วยความตื่นเต้นดีใจที่สุดในชีวิต ที่อยู่ๆ ก็มีเหรียญมาจากไหนไม่ทราบมาอยู่ในมือ จากนั้นจึงรีบคว้าสร้อยสแตนเลทที่มีอยู่ อาราธนาท่านคล้องคอ พร้อมกับพนมมืออธิษฐาน “ขอให้หลวงพ่อช่วยให้ลูกได้ลูกค้าเยอะๆ ด้วยเถอะ วันนี้จะออกไปถีบสามล้อขอให้ได้ลูกค้าดีๆ”
พระเหรียญของวัดพระธรรมกาย ปี พ.ศ.๒๕๒๒ หล่นลงบนศรีษะ คุณสำรวยอย่างอัศจรรย์ |
นายสำรวยถีบสามล้อออกจากบ้านด้วยจิตใจที่สดชื่นเบิกบาน และก็ได้ลูกค้ารายแรก คุณป้าโบกรถนั่งไปและยื่นธนบัตรใบละ ๕๐ บาทให้ แล้วบอกไม่ต้องทอน ซึ่งจริงๆ แล้วเขาคิดเงินแค่ ๔๐ บาทเท่านั้นเอง แต่คุณป้าใจดีบอกว่า “ไม่ต้องทอนนะจ๊ะ” โอ้โฮ รายแรกได้เงินแล้ว รายที่สอง ๑๐ บาท รายที่สาม ๒๐ บาท รายที่สี่ ๒๐ บาท คิดว่าจะจวนกลับบ้านแล้ว เจอฝรั่งบอกนั่งไปป๊อปแลนด์ เขาบอก ๓๐ บาท แต่ฝรั่งให้มา ๔๐ บาท วันนี้เป็นวันแรกในชีวิตก็ว่าได้ที่เขาถีบสามล้อได้เงินมาถึงร้อยกว่าบาท เป็นจำนวนเงินที่มีค่ามากสำหรับเขา เพราะนั่นหมายถึงวันนี้เขาไม่อดข้าวแล้ว แถมยังมีเงินเหลือเผื่อวันพรุ่งนี้อีกด้วย
ด้วยความดีใจ เขารีบถีบสามล้อไปหาลุงยุทธ ทันทีที่จอดรถ เขารีบวิ่งไปและนำเหรียญที่ห้อยคล้องคอออกมาให้ดู ลุงยุทธพิจารณาดู แล้วบอกว่าไม่เคยเห็นนะ ตอนแรกนายสำรวยยังคิดว่าลุงยุทธต้องเป็นคนเอาเหรียญมาโยนใส่หัวเขาแน่ๆ เลย แต่พอถามแล้วแกก็ปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่อง สุดท้ายลุงยุทธพูดขึ้นว่า “เออ.. เก็บเหรียญนี้ไว้ให้ดีๆ นะ แล้วมึงจะได้เลิกเหล้าเลิกยาเป็นคนดีกับเขาบ้าง” เขาจึงรีบถีบสามล้อกลับบ้าน เพื่อจะได้มีเวลาอาบน้ำ สวดมนต์ และนั่งสมาธิ
วันรุ่งขึ้นออกจากบ้านตามปกติ วันนี้เขาจอดรอผู้โดยสารอยู่หน้าฟรายเดย์สรรพสินค้าเหมือนเช่นเคย แต่วันนี้ไม่รู้สึกเหนื่อยเลย นั่งๆ อยู่ก็มีคนมาเรียกตลอด
คุณสำรวยกับสามล้อคู่ชีพ
|
|
ตั้งแต่เข้าวัดได้สวดมนต์นั่งสมาธิ เขาเริ่มได้ลูกค้าเพิ่มขึ้น และไม่เหนื่อยเหมือนแต่ก่อน สามารถกลับบ้านได้เร็ว ถึงบ้านประมาณบ่าย ๓ โมงเกือบทุกวัน มีเวลากลับบ้านมาอาบน้ำ สวดมนต์ และนั่งสมาธิ ตั้งใจทำความดี เลิกเหล้าเลิกยา พยายามปรับตัวปรับใจ และรู้สึกเหมือนได้รับชีวิตใหม่ เปลี่ยนเป็นคนละคน รู้สึกมีความสุขที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ได้มีโอกาสพบพระพุทธศาสนา และครูบาอาจารย์ที่น่าเคารพ เลื่อมใส ศรัทธา ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป นายสำรวย เขียวพฤกษ์ จะเป็นคนใหม่ในร่างเดิม เพราะปัจจุบันเขาเลิกเหล้าเมายา และหมั่นมาวัดเป็นประจำ
เป็นโชควิเศษของคุณสำรวยที่มีเพื่อนเป็นยอดกัลยาณมิตร พยายามตื้อแล้วตื้ออีก ครั้งแล้วครั้งเล่า กระทั่งคุณสำรวยมาทำบุญที่วัดพระธรรมกายจนได้ ได้รับการอบรมสั่งสอน ได้เห็นภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่ดีงามประทับใจ และมีศรัทธา เมื่อปฏิบัติธรรมตามที่หลวงพ่อสอนครั้งแรกก็ได้รับผล เห็นความสว่างภายในทันที กลับไปบ้านปรารถนาของศักดิ์สิทธิ์ไว้บูชา เทวดายังนำมาปาใส่หัวเป็นเรื่องอัศจรรย์ จนคิดว่าเป็นเพื่อนนำมาปาให้
เมื่อมีประสบการณ์โดยตรงกับตัวเองแจ่มแจ้งดังนี้ จึงมีศรัทธาไม่หวั่นไหว ตั้งใจทำความดีทันที เลิกกินเหล้าเมายา ตั้งหน้าสวดมนต์ภาวนา บุญกุศลก็เกิดขึ้น ทำให้มีรายได้เพิ่มเป็นอัศจรรย์
คนอยู่ในศีล ในธรรม ใบหน้าย่อมสงบสำรวม ลูกค้าเห็นย่อมพอใจใช้บริการ บุญช่วยได้อย่างนี้เอง