สิ้นเสียงสัญญาณฆ้อง ครั้งที่ ๑ เหล่าผู้มีบุญได้น้อมนำมหาสุวรรณนิธิ ซึ่งตั้งใจอธิษฐานจิตมาอย่างดีแล้ว ค่อยๆ หย่อนลงสู่รางรับสีทอง ด้วยดวงใจที่เปี่ยมล้นด้วยปีติ และชุ่มชื่นเบิกบานในบุญอย่างยิ่ง
เสียงของโลหะมงคลสีทองสุกปลั่ง รูปรัตนะ ๗ ประการ ได้แก่ จักรแก้ว ดวงแก้ว ขุนพลแก้ว ขุนคลังแก้ว นางแก้ว ช้างแก้ว และม้าแก้ว จำนวนนับหมื่นนับแสน กระทบรางรับมุ่งสู่เบ้าหลอม ดังสดใสก้องกังวานไปไกล ไพเราะดังเสียงกังสดาลบนสวรรค์ ให้ทั้งมนุษย์และเทวดาทุกชั้นฟ้าได้ร่วมอนุโมทนา ปลาบปลื้มใจในมหากุศลอันไม่มีประมาณ ซึ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ...และครั้งเดียวในโลก
เมื่อหย่อนมหาสุวรรณนิธิเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหล่าผู้มีบุญเข้านั่งประจำที่ พร้อมกับถือ สายสมบัติจักรพรรดิสีขาวบริสุทธิ์ เชื่อมโยงสายใยบุญบารมีจากพระนิพพาน ให้ผังสำเร็จแห่งกายมหาบุรุษ และผังสมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่อง ติดตามตัวไปทุกภพทุกชาติ ขณะที่ผู้แทนคณะสงฆ์อัญเชิญ พานมหาสุวรรณนิธิ รัตนะ ๗ มาใส่ในเบ้าหลอม คณะสงฆ์สวดชยันโต จากนั้น ประธานสงฆ์ นำแผ่เมตตา บูชาพระรัตนตรัย และถ่ายรูปประวัติศาสตร์ร่วมกัน
ทองคำบริสุทธิ์ ที่พวกเราได้นำมาร่วมหล่อองค์พระประธาน ประดิษฐาน ณ อาคารภาวนา ๖๐ ปีในครั้งนี้นับเป็นวัตถุมงคลที่มีค่ามากที่สุด เท่าที่มนุษย์ยุคนี้จะหาได้ เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชา ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า การสร้างพระพุทธรูป เปรียบได้กับการจำลองสภาวธรรมภายใน ซึ่งเป็นกายตรัสรู้ธรรม ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ชะลอเพื่อนำมาให้มหาชนได้ประจักษ์ นับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ ที่เราจะได้อานิสงส์ใหญ่ ในการสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา ให้ยั่งยืนยาวนาน เพราะใครก็ตามที่ได้เห็นลักษณะมหาบุรุษ ๓๒ ประการ พร้อมด้วยอนุพยัญชนะ ๘๐ อันงดงาม ย่อมเกิดแรงบันดาลใจ ที่จะศึกษาธรรมปฏิบัติตามพุทธวิธี จนสามารถบรรลุธรรมได้ในที่สุด เราทั้งหลายจึงได้ชื่อว่า เป็นยอดกัลยาณมิตรผู้ให้หนทางอันประเสริฐ แก่ชาวโลกอย่างแท้จริง