บทความพิเศษ โดย : จิรวัฒน์ ภู่เพียงใจ |
ประเทศไทยของเรานั้นหากจะนึก ทบทวนดูถึงเหตุเภทภัยที่ผ่านมา ก็คงไม่มีใครปฏิเสธว่า ภัยพิบัติจากธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง และ สร้างความเดือดร้อนเสียหายแก่ชาวไทยมากที่สุด ก็คือ "อุทกภัย" หรือ ภัยพิบัติจากน้ำ ทั้งวิกฤติจากการขาดน้ำ และน้ำท่วม เพราะเราเป็น เมืองเกษตรกรรม น้ำน้อยไปก็แย่ น้ำมากไปก็เสียหาย หากปีไหนฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาลก็เดือดร้อน
ล่าสุดเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จากการเกิดพายุและร่องความกดอากาศต่ำ พัดผ่านภาคเหนือตอนบน ทำให้มีฝนตกหนักมาก จนเป็นผลให้พื้นที่ในจังหวัดน่านเกิดน้ำท่วม ฉับพลัน เป็นบริเวณกว้างกินพื้นที่กว่า ๓๐๐ หมู่บ้าน ใน ๑๑ อำเภอ มีผู้เสียชีวิต ๒ ราย บาดเจ็บและสูญหายอีกหลายสิบราย ถนนพังเสียหาย ๑๑๒ สาย สะพาน ๔๙ แห่ง วัดวาอารามและบ้านเรือน เสียหายอีกเป็นจำนวนมาก นับเป็นอุทกภัยร้ายแรง ที่สุดในรอบ ๔๐ ปี ของจังหวัดน่านก็ว่าได้
เมืองไทยเรานี้มีดีอยู่ตรงที่ว่า ทุกครั้งที่มีเหตุเภทภัยเกิดขึ้นที่ไหน ไม่ว่าจะเป็น อีสาน เหนือ กลาง ตะวันออก ตะวันตก หรือใต้ พวกเราคนไทย ไม่เคยนิ่งดูดายทอดทิ้งกัน ธารน้ำใจจะหลั่งไหล มาให้ความช่วยเหลือจาก ทุกทิศทางทุกครั้ง และที่ไม่เคยขาดเลยคือธารน้ำใจจากลูกพระธัมฯ ภายใต้ การนำของพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย) โดยทุกครั้งที่ท่านได้ทราบข่าว ท่านจะมอบหมายให้ทางมูลนิธิธรรมกาย และศูนย์กัลยาณมิตร ในพื้นที่ออกไปดำเนินการให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ซึ่งเรื่องนี้ทางพระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิธรรมกายและญาติโยม กัลยาณมิตรลูกพระธัมฯ ต่างมีประสบการณ์มี ความชำนาญกันเป็นอย่างดี บางพื้นที่ที่ประสบภัยแม้จะต้องลุยน้ำ บุกป่า ฝ่าโคลน เข้าไปยากลำบาก แค่ไหนก็ยังเข้าไปถึงจนได้ อย่างคราวที่ไปดำเนินการ ช่วยเหลือวัดที่ประสบอุทกภัยที่อุตรดิตถ์ เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทุกคนในคณะต่างรู้สึกตื้นตันใจ และหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง เมื่อได้ยินพระที่วัดแห่งหนึ่ง บอกให้ทราบถึงความช่วยเหลือที่ได้รับว่า นั่นเป็นอาหารมื้อแรกที่ท่านได้ฉันในรอบ ๒ วัน นับแต่เกิดอุทกภัย ซึ่งถือเป็นสิ่งที่น่าคิดว่า ถ้าหากพวกเราชาวพุทธมัวนิ่งดูดาย ปล่อยให้พระเณร อดตาย ในคราวที่เกิดอุทกภัยนี้ ก็คงเป็นเรื่องที่ น่าเศร้าสะเทือนใจไปไม่รู้ลืมเลยทีเดียว
สำหรับอุทกภัยครั้งใหญ่ที่จังหวัดน่านนี้ก็เช่นเดียวกัน พระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์ ประธานมูลนิธิธรรมกาย ได้มอบหมายให้พระอาจารย์ อุบาสก อุบาสิกา เจ้าหน้าที่ และญาติโยมกัลยาณมิตร ลูกพระธัมฯ ออกไปดำเนินการช่วยเหลือในทันที โดยมีพระมหาเรวัฒ อคฺคาทโร และพระมหาอนันตชัย ฐิตชโย เป็นหัวหน้าคณะนำเครื่องอุปโภคบริโภค น้ำดื่ม ข้าวสารอาหารแห้ง และปัจจัย ไปถวายแด่วัดวาอาราม ที่ประสบภัยจากน้ำท่วม โดยมีพระเดชพระคุณพระเทพนันทาจารย์ วัด พระธาตุช้างค้ำ เจ้าคณะจังหวัดน่าน เป็นผู้มอบสิ่งของเมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ ซึ่งท่านฝากอนุโมทนาขอบคุณ มายังพระเดชพระคุณ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ ที่ได้มีน้ำใจช่วยเหลือใน ครั้งนี้ด้วย
ในการออกไปปฏิบัติภารกิจที่จังหวัดน่านนี้ บรรดาลูกๆ พระธัมฯ ทุกคน ต่างรู้สึกอบอุ่นและมีกำลังใจเป็นอย่างมาก ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อ เจ้าคณะจังหวัดน่าน ได้ให้ความเมตตานำคณะของพวกเราออกตระเวณ ไปมอบสิ่งของแก่วัดต่างๆ ด้วยตัวของท่าน เองเลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ท่านยังมอบหมาย ให้ท่านพระครูบวรเจติยารักษ์ วัดพระธาตุช้างค้ำ ระดมพระเณรจากวัดที่ไม่ถูกน้ำท่วม มาตั้งเต็นท์ทำอาหารบรรจุถุง ไปถวาย พระเณรตามวัดต่างๆ ที่ถูกน้ำท่วมจนไม่สามารถออกบิณฑบาตได้ นับเป็นภาพที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง
วัดและพระภิกษุ สามเณร ที่ประสบความเดือดร้อนเสียหายจากอุทกภัยครั้งนี้ค่อนข้างหนัก ได้แก่ วัดในเขตเทศบาลเมืองน่าน ในอำเภอท่าวังผาและอำเภอเวียงสา ซึ่งมีระดับน้ำค่อนข้างสูง ถนนหนทางถูกตัดขาด ไฟฟ้าใช้ไม่ได้ เป็นต้น พระเณรตามวัดเหล่านี้ส่วนใหญ่ พอคณะตัวแทนจากมูลนิธิธรรมกายไปถึง ก็จะพากันมาต้อนรับ ทักทายด้วยความดีใจ และมักจะบอกทำนองเดียว กันว่า นึกอยู่แล้วเชียวน้ำท่วมหนักอย่างนี้ ทาง วัดพระธรรมกายต้องมาแน่ๆ ไม่ว่าจะมีอะไรก็ ไม่เคยทิ้งกันเลย
ก็อยากจะกราบเรียน พระคุณเจ้าทุกท่านไว้ ณ ที่นี้ว่า จะให้ทอดทิ้งกันได้อย่างไร ในเมื่อ ทุกคราวที่ทางวัดพระธรรมกายมีงานบุญใหญ่ ถึงจะอยู่ใกล้ไกลแค่ไหน ท่านก็ยังเมตตามาร่วมงาน มาเป็นกำลังใจให้เสมอ
ครั้นถึงคราวท่านลำบากเดือดร้อน ไม่ว่าจะเป็นน้ำเหนือหรือไฟใต้ พวกเราก็พร้อมที่จะบุกน้ำลุยไฟ ไปอยู่เคียงข้างเป็นกำลังใจให้ท่านเช่นกัน
อันน้ำเหนือที่ไหลท่วมเมืองน่านนั้น อีก ไม่กี่วันก็คงแห้งเหือดหายไป ในขณะที่ธารน้ำใจ จากลูกพระธัมฯ จะยังคงหลั่งไหลให้ความฉ่ำเย็น อย่างต่อเนื่องตลอดไป
|