เรื่องราวผลปฏิบัติธรรมของบุคคลเหล่านี้คือบทพิสูจน์ทางรอดอันสุขแท้ของชีวิต
พบสุขแท้จริง..เมื่อไม้ใกล้ฝั่ง
อุบาสิกาแก้วปล้าว เพลิดขุนทด
แม้จะอายุ ๗๑ ปีแล้ว แต่ก็ยังแข็งแรง มาบวชเป็นอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนครั้งนี้เป็นครั้งที่ ๒ เพราะบวชแล้วชีวิตเปลี่ยนแปลงดีขึ้นทุกอย่าง.. จึงติดใจ
"ตอนบวชเป็นหน่ออ่อนล้านคน รุ่นที่ ๓ ดิฉัน นั่งสมาธิแทบไม่ได้เลยเพราะหลังค่อมพอต้องนั่ง นาน ๆ ก็จะปวดมาก ปวดเลยไปที่ขาทั้ง ๒ ข้างอีก ด้วย แต่ก็พยายามนั่งแม้ว่าจะไม่เห็นอะไร พอวันที่ ๒ ของการอบรมก็นึกถึงหลวงปู่วัดปากน้ำและขอพรกับหลวงปู่ว่า "หลวงปู่เจ้าขา ลูกอยู่มาจนเฒ่าป่านนี้แล้ว ก็ไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้ว่าความสว่างข้างในมันเป็นยังไง ถ้าลูกมีบุญก็ขอให้ลูกได้เห็นอย่างคนอื่น ๆ เขาบ้างนะคะ" แล้วก็ทำใจเฉยๆ นึกถึงแต่หลวงปู่อย่างเดียว สักพักก็เห็นภาพหลวงปู่ครึ่งองค์ห่มจีวรลอยมาตรงหน้าแป๊บเดียวก็ลอยเข้ามาในตาข้างขวา แล้วก็เลื่อนลงไปที่กลางอก อยู่ ๆ ก็มีแสงสว่างวาบอยู่ในกลางท้อง หลวงปู่ก็หายไป ตอนนั้นใจนิ่งมาก ข้างในมันเย็นไปหมด แล้วก็รู้สึกเหมือนใจมันจะกว้าง ออก ใหญ่กว่าศาลาที่นั่งปฏิบัติธรรมเสียอีกพอทำใจ นิ่ง ๆ มองไปตรงแสงสว่าง ก็เห็นเป็นดวงกลม ๆ เท่ากับฟองไข่ไก่ป่า ดวงสว่างมากเท่ากับตะวันเที่ยง ชัดแจ่ม ไม่มีอะไรมาบดบังเลย รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เกิดมา ๗๑ ปี ก็เพิ่งจะเคยสุขแบบนี้ มันปลื้มใจจนบอกไม่ถูก และหลังที่ค่อม ๆ ตอนแรก ก็เด้งตรงขึ้นมาเอง ไม่เจ็บไม่ปวด มีแต่ความสดชื่น ตัวก็เบาเหมือนจะลอยได้ ดวงตาที่ฝ้าๆ ฟางๆ ก็มองชัดขึ้น คิดว่าต้องเป็นบุญจากการนั่งสมาธิอย่าง แน่นอน ดิฉันเห็นดวงสว่างในกลางท้องตลอดเวลา แม้ลืมตาแล้วก็ยังเห็น ตอนนี้ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะเห็นดวงสว่างอยู่ในกลางท้องตลอด ทำให้สบายใจ มีความสุขตลอดเวลา"
มีบุญ..ที่ได้บวช
อุบาสิกาแก้วสุจินดา เลิศทวีเดช
เธอเป็นอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนหน่อใหม่ ที่เพิ่งจะเคยเข้าอบรมแบบนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต และรู้สึก ว่าตัวเองโชคดีมีบุญที่ได้มาอบรม
" แต่ก่อนดิฉันเป็นสาวเปรี้ยวซ่า ชอบสังสรรค์ เฮฮาปาร์ตี้ กินเหล้าสูบบุหรี่ตามกระแสสังคม เพิ่งจะมาซาลงก็ ๒ ปีมานี้เอง ทั้ง ๆ ที่ก็รู้ว่ามันผิดศีล แต่ก็คิดเอาว่าใคร ๆ เขาก็ทำกัน แต่พอมาอบรมใน โครงการนี้แล้วจึงรู้ว่า การทำบาปไม่ใช่เรื่องดี และ การรักษาศีลก็เป็นสิ่งสำคัญในชีวิต ดิฉันมาบวชได้ เพราะการชักชวนของอาโกว ซึ่งเป็นญาติผู้ใหญ่ที่เฝ้าเพียรชวนให้มาบวชครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ปฏิเสธมาตลอด เพราะรู้ว่าโครงการนี้เป็นของวัดพระธรรมกาย ซึ่งจริง ๆ แล้วก็ไม่ได้คิดอะไรกับวัดมากมายนัก แต่ก็ ไม่ค่อยมั่นใจเพราะข่าววัดแรงมาก แต่พออาโกวมา ชวนบวชอีกจึงมาบวช เพราะอยากหลบออกจากสังคมที่วุ่นวาย อยากหาความสงบให้กับจิตใจของ ตัวเอง แล้วก็ไม่ผิดหวังเลย ในวันแรกที่นั่งสมาธิ พระอาจารย์สอนว่าให้นึกถึงผลส้มหรือดวงแก้ว ย่อขนาดแล้วกลืนลงท้อง ทำใจนิ่ง ๆ "ภาวนา สัมมาอะระหัง" ดิฉันก็ทำตามโดยนึกถึงลูกแก้วกลม ๆ แบบที่พระอาจารย์เอาให้ดู แล้วนึกถึงองค์พระประธาน แก้วใสที่อยู่บนหิ้งพระ นิมนต์ท่านให้มาอยู่ในลูกแก้ว เสร็จแล้วก็จินตนาการให้ลูกแก้วย่อขนาดลง และ กลืนลงไปในท้อง พอลงไปอยู่ในท้องแล้ว แป๊บเดียว ภาพนั้นก็หายไป ก็นึกใหม่ ทำซ้ำไปซ้ำมา แม้ลืมตา แล้วก็ยังนึกถึงดวงแก้วองค์พระตลอดเวลา จนวันที่ ๓ ของการอบรม ดิฉันก็นั่งสมาธิแบบเดิม คือทำใจ นิ่ง ๆ และจินตนาการว่ากำลังกลืนดวงแก้วลงไปใน ท้อง อยู่ดี ๆ ก็รู้สึกเหมือนใจมันดิ่งยวบ เหมือนคน กำลังจะหลับแต่ก็มีสติ ตัวเบาหวิวไปเลย แล้วก็มีแสง พุ่งออกมาจากในท้องทะลุหน้าทะลุหลัง พอมองเข้า ไปกลางลำตัวก็เหมือนเราไม่มีท้อง มีแต่แสงสว่างเต็มไปหมด
"หลังจากการนั่งสมาธิในรอบนั้นแล้ว ดิฉัน ก็สามารถอยู่ในอารมณ์สมาธิได้ตลอดเวลา ถ้าทำใจ นิ่ง ๆ ไม่นานก็จะเห็นดวงแก้วใส ๆ กลวงโบ๋ ข้างในมีองค์พระนั่งอยู่ เป็นดวงใหญ่พอดีกับในช่องท้อง ให้ความรู้สึกที่นุ่ม ๆ มีแสงแวววาวสวยงามมาก เป็นเหมือนภาพ ๓ มิติ ที่มองได้รอบทิศรอบทาง ชัดเจนมาก ตัวก็เบาสบาย มีความสุขที่สุดเลยค่ะ ตอนที่ได้สมบัติหรือแก้วแหวนเงินทองก็ยังไม่สุขใจเท่านี้ มันเป็นความรู้สึกที่ดีที่สุดเท่าที่เคยสัมผัสมาตลอดชีวิต"
อานุภาพบุญบวช
สิ่งมหัศจรรย์ของชีวิต
อุบาสิกาแก้วสโรชา วังคีรี
แต่ก่อนเธอทำงานเป็นแม่บ้านของบริษัทแห่ง หนึ่ง แต่เมื่อเดือนตุลาคม ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ที่ผ่านมา มีเหตุให้ต้องลาออกจากงาน เพราะพบว่าตัวเองกำลังป่วยด้วยโรคมะเร็งลำไส้ ระยะที่ ๓ เธอมาบวชเป็น หน่ออ่อนครั้งแรกในรุ่น ๕๐๐,๐๐๐ (รุ่นที่ ๒) พอรุ่นที่ ๓ ก็มาสมัครอีก แต่อยู่ไม่ครบโครงการ เพราะต้องเข้ารับการรักษาด้วยเคมีบำบัด (ให้คีโม) แต่ก็นั่งสมาธิไม่เคยขาด แม้จะมืดตื้อมืดมิดก็นั่งทุกวัน เพราะมั่นใจว่ามีมืดก็ต้องมีสว่าง จึงนั่งมองความมืด ไปด้วยใจที่เป็นมิตร หลังจากนั้นชีวิตของเธอก็เจอแต่สิ่งที่ดี ๆ แม้จะมีโรคประจำตัวก็ตาม
"ดิฉันชอบโครงการนี้มาก เพราะได้มาเจอแต่ สิ่งดี ๆ หลวงพ่อก็สอนดี พระอาจารย์ก็เทศน์สนุก ตอนที่ดิฉันจะหิ้วกระเป๋าเพื่อมาบวชก็ได้พบความมหัศจรรย์ คือ ช่วงนี้ต้องเข้ารับการรักษาด้วยเคมีบำบัด โดยต้องรับทั้งหมด ๖ ครั้ง มีค่าใช้จ่ายครั้งละ ๑๒,๐๐๐ บาท ซึ่งในครั้งที่ ๒ หลังจากที่คุณหมอรักษาเสร็จแล้ว คุณหมอบอกกับดิฉันว่า เดี๋ยวอีก ๔ ครั้งที่เหลือไม่ต้องจ่ายเงินให้หมอแล้วนะ หมอจะรักษาให้ฟรี ทำให้ดิฉันถึงกับงงไปเลย ตอนนั้นได้แต่ คิดว่า ต้องเป็นผลบุญจากการบวชอุบาสิกาแก้วหน่อ อ่อนอย่างแน่นอน ทำให้ปลื้มมาก ๆ และเชื่อในอานุภาพบุญบวชที่สุดเลยค่ะ
"ในวันแรกที่นั่งสมาธิ ดิฉันได้ตั้งจิตอธิษฐาน ว่า "ขอบุญกุศลช่วยให้นั่งสมาธิได้ดีๆ ขอให้ได้เห็นหลวงปู่ หลวงพ่อ และคุณยาย ให้ใจสงบด้วยเถิด" แล้วก็ประคองใจนิ่ง ๆ นั่งไปเรื่อย ๆ ไม่คิดอะไรรู้สึกสบายใจมาก ไม่นานก็เห็นรูปปั้นหลวงปู่ในท่านั่งสมาธิลอยขึ้นมาตรงกลางท้อง แล้วก็เห็นวงกลม ๆ ลอยมาตรงหน้า พอมองเข้าไปกลับเห็นเป็นตัวเองในใจก็นึกขึ้นมาว่า ทำไมเราไปนั่งอยู่ตรงหน้าโน้นได้ แต่แป๊บเดียวภาพก็หายไป พอถึงรอบเย็นก็นั่งวางใจ แบบเดิม อธิษฐานถึงมหาปูชนียาจารย์ แล้วก็ทำใจสบาย ๆ ไปเรื่อย ๆ ไม่นานก็เห็นวงกลม ๆ เป็นวงใหญ่มากอยู่ในกลางท้อง พอทำใจนิ่ง ๆ วงนั้นก็ค่อย ๆ แคบลง แล้วอยู่ ๆ ก็มีลูกแก้วใส ๆ บริสุทธิ์ ขนาดประมาณกำปั้นมือพุ่งขึ้นมาจากในวงกลมนั้น แล้วดวงแก้วก็ขยายใหญ่ขึ้น ๆ จนเท่ากับลูกฟุตบอล เห็นชัดมาก ดวงแก้วมีแสงสว่างแวววาว สวยงาม ดิฉันไม่เคยเห็นลูกแก้วที่ไหนจะใสแจ๋วแบบนี้มาก่อน เลย สักพักดวงแก้วก็ลอยหายไป แล้วก็มีดวงใหม่ขึ้นมาแบบเดิมอีก เป็นอย่างนี้ซ้ำ ๆ ตอนนั้นใจนิ่งอย่างเดียว จิตมันเงียบมาก แม้จะได้ยินเสียงอะไรก็ไม่เข้าไปในใจ เหมือนในความคิดของเรามีแต่ดวงแก้วอย่างเดียว หลังจากนั้นไม่ว่าจะนั่งสมาธิอีก กี่ครั้ง ใจก็จะนิ่งง่ายมาก รวมใจแป๊บเดียวดวงแก้วก็พุ่งขึ้นมาให้เห็นเลย พอลืมตาแล้วก็รู้สึกสบายไปทั้งตัว จิตใจเบิกบาน ภูมิใจ ปลื้มใจสุด ๆ อยู่กับความปลื้มตลอดเวลา ตั้งแต่ตื่นนอนไปจนเข้านอน"
รักแม่..อยากให้แม่ได้บุญ
อุบาสิกาแก้วณัฐนิจชา จันทรส
อายุ ๑๙ ปี ตัวแทนอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนจากศูนย์อบรมวัดนันทาราม อ.ฝาง จ.เชียงใหม่
"หนูเป็นคนรักแม่มาก เพราะแม่รักหนูและดูแลหนูเป็นอย่างดี หนูคิดเสมอว่าจะต้องตอบแทน บุญคุณของแม่ให้ดีที่สุด เช้าวันหนึ่งมีรถกระจายเสียง ชวนบวชอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนวิ่งผ่านหน้าบ้าน หนูก็ คิดได้ทันทีว่านี่แหละจะเป็นการตอบแทนบุญคุณของ แม่ที่ดีที่สุด หนูจึงรีบวิ่งไปบอกแม่ "แม่ ๆ หนูอยากบวช หนูจะบวชให้แม่นะ หนูรักแม่ค่ะ" สองวันแรกที่ได้นั่งสมาธิ หนูนั่งแทบไม่ได้เลย เพราะใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว อาจเป็นเพราะหนูเพิ่งจบชั้น ม. ๖ ก็เลยมีเรื่องต้องคิดเยอะ จนถึงช่วงค่ำของวันที่ ๑ มีนาคม หนูลองนั่งนึกถึงดวงแก้วตามที่พระอาจารย์ สอน พอนั่งไปได้สักพักก็รู้สึกว่า ใจเป็นสมาธิมาก แล้วพอถึงจุด ๆ หนึ่ง หนูก็รู้สึกว่า ตัวมันเหวี่ยงแรงมาก เหวี่ยงแรงสุด ๆ จนหนูตกใจลืมตา เพราะ กลัววิญญาณจะหลุดออกจากร่าง พอก่อนเข้านอนหนูก็ยังคาใจกับอาการเหวี่ยง จึงลองนั่งสมาธิแบบเดิมอีกสักพักตัวก็เหวี่ยงอีก แถมเหวี่ยงแรงยิ่งกว่าเก่า แรงมากจนอยากจะอาเจียน จึงเลิกนั่ง
"ในช่วงบ่ายของวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๔ พระอาจารย์เอาภาพกากบาทที่มีจุดรวมแสงตรงกลาง มาให้ดูคราวนี้หนูลองจินตนาการตามแต่ก็นึกไม่ออก พอเปลี่ยนไปจินตนาการถึงองค์พระ ก็นึกไม่ออกอีก เลยลองนึกว่าในกลางกาย ฐานที่ ๗ มีเส้นด้าย ๒ เส้นตัดกัน มีดวงแก้วอยู่ตรงกลาง ก็เห็นภาพลาง ๆ หนูเลยเปลี่ยนใจท่อง "สัมมา อะระหัง" แทน ท่องไปท่องมา จิตมันก็นิ่งอยู่กับคำภาวนา มีสติมาก คราวนี้ไม่เหวี่ยง แต่มีแสงสว่างพรึบขึ้นมาอย่างจัง เหมือนมีคนเปิดไฟ ไม่นานก็เห็นดวงแก้วใส ๆ อยู่ในแสงสว่างนั้น ดวงแก้วใสมาก มีแสงสว่างในตัวเองด้วย ดวงใหญ่ประมาณ ๑ ฝ่ามือที่เอานิ้วชิดกัน ตอนนั้นใจหนูนิ่งมาก ไม่คิดอะไรเลย จิตของหนูเหมือนแก้วน้ำที่ว่างเปล่า หนูก็เอาใจไปไว้ตรงฐานที่ ๗ อย่างเดียว ทำให้หนูมีความสุขมาก พอเลิกนั่งแล้ว ก็เฝ้ารอคอยแต่ว่าเมื่อไรจะได้นั่งสมาธิอีก
"ในรอบบ่ายของวันเดียวกัน หนูนั่งไปไม่ถึง ๑๐ นาที พอเอาใจไปไว้ที่ฐานที่ ๗ ปุ๊บ ก็มีสมาธิเลยค่ะ แล้วดวงแก้วก็มาเอง ใสสว่างมาก หนูดู ดวงแก้วไปเรื่อย ๆ สักพักใหญ่ ๆ หนูก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาสิงร่างของหนู หนูรู้สึกแปลก ๆ ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร มองไม่เห็นหน้า เพราะหน้าเขาทับกับหน้าหนูพอดี แต่ผู้หญิงคนนี้ใส่ชุดแบบเดียวกับ หนู นั่งตรงที่เดียวกันกับหนู แล้วก็มีดวงแก้วแบบเดียวกับหนู หนูสังเกตว่าผิวพรรณเขาดีมาก ๆ และ หุ่นดีด้วย พอทำนิ่ง ๆ ก็รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ในหัวมันโล่งไปหมด เหมือนเราได้ยกภูเขา ออกจากอก แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาเลยค่ะ หนูไม่รู้จะอธิบายยังไงดี หนูไม่เข้าใจว่าทำไมพอมีผู้หญิงคนนี้เกิดขึ้น หนูถึงรู้สึกโล่งกว่าเดิม มีความสุขมากกว่าเดิม สุขมากจนสามารถยิ้มได้คนเดียว เดี๋ยวนี้นั่งสมาธิทีไรดวงแก้วก็จะมาอยู่เป็นเพื่อนหนูทุกครั้งพอทำใจนิ่ง ๆ มองเข้าไปในดวงแก้วก็จะเห็นองค์พระ พอมองไปในองค์พระก็จะมีดวงแก้ว ทำให้หนูรู้สึกอุ่นใจ ปลอดภัย จิตใจปลอดโปร่ง และอยากจะทำแต่เรื่องดี ๆ ค่ะ หนูกราบขอบพระคุณหลวงพ่อเป็น อย่างสูงที่ทำให้หนูมีวันนี้ แต่ก่อนหนูเคยคิดเสมอว่าความสุขเป็นสิ่งที่เราต้องแสวงหา แต่พอหนูได้พบกับดวงแก้วและองค์พระแล้ว หนูมั่นใจว่า ความสุข ที่แท้จริงนั้นไม่ต้องไปเสาะแสวงหาจากที่ใด ๆ ในโลก เพียงแค่เราหลับตา มองเข้าไปในกลางกายเราก็จะพบความสุขที่แท้จริง ที่หาจากที่ไหนในโลกไม่ได้ค่ะ"
ไม่ว่าจะปีไหน ๆ ไม่ว่าคำทำนายหรือข่าวลือร้าย ๆ จะมีมากมายเพียงใด เราชาวพุทธ ลูกศิษย์ ของพระพุทธเจ้าต้องไม่หวั่นไหว ไม่ถือมงคลตื่นข่าวใด ๆ แต่ต้องตื่นตัวกับการประพฤติปฏิบัติธรรม นำ ใจของตนกลับมาตั้งไว้ที่ฐานที่ตั้งดั้งเดิมของใจ คือ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ในตำแหน่งเหนือสะดือขึ้น มา ๒ นิ้วมืออย่างสม่ำเสมอ เมื่อใจของเราหยุดนิ่งเราจะพบความสุขอันแท้จริงภายในอย่างที่ผู้มีบุญหลายๆ คนได้เข้าถึง ความสุขนี้นี่เองจะการันตีให้เราทราบด้วยตัวของเราเองว่า ..ตราบใดที่ใจของ เรายังอยู่ใน 072 ตราบนั้นมหันตภัยใด ๆ ก็ไม่อาจกล้ำกลายตัวเราและโลกของเราได้