วารสารอยู่ในบุญ ธรรมะออนไลน์

พระธรรมเทศนา ปุจฉา-วิสัชนา บทความข่าว ผลการปฏิบัติธรรม ตักบาตรพระ บาลีน่ารู้ กฏแห่งกรรม ฝันในฝัน บวชพระ

บทความอยู่ในบุญ คบเพื่อนชั่ว..ไม่ดี เป็นอบายมุขร้ายแรง

คบเพื่อนชั่ว..ไม่ดี

เป็นอบายมุขร้ายแรง

ทำไมการคบเพื่อนชั่ว จึงจัดเป็นอบายมุขที่ร้ายแรงที่สุด?

ต้องทำความเข้าใจเสียก่อนว่า การที่คนเราจะดีหรือชั่ว จะตั้งเนื้อตั้งตัวได้หรือไม่ได้ ตายแล้วจะไปนรกหรือไปสวรรค์นั้น ขึ้นอยู่กับวินิจฉัยของเรา ถ้าเราวินิจฉัยผิด ใจก็จะขุ่นตลอด ถ้าวินิจฉัยถูก ใจก็จะใสตลอด

          ถ้าวินิจฉัยผิดว่าทำชั่วได้ดีมีถมไป พอคิดอย่างนี้ ต่อแต่นี้ไปโอกาสที่จะคิดเรื่องดี ๆ ยากเสียแล้ว จะคิดแต่เรื่องร้าย ๆ พูดเรื่องร้าย ๆ ทำเรื่องร้าย ๆ เพราะฉะนั้นใจก็จะขุ่นมัวตลอดชีวิต เมื่อใจขุ่นมัวตลอดชีวิต ก็คงจะมีแต่เรื่องร้อน ๆ ไหลเข้ามาหาตัว ถ้าละโลกตอนที่ใจขุ่นมัวก็จะมีนรกเป็นที่ไปแน่นอน

          เพราะฉะนั้น วินิจฉัยของคนเราว่าอะไรดี อะไรชั่ว อะไรผิด อะไรถูก อะไรบุญ อะไรบาปนี้ ต้องวินิจฉัยให้ถูกให้ได้ ถ้าวินิจฉัยผิด ชาตินี้เอาดีไม่ได้

          เพื่อนชั่ว คือ เพื่อนที่วินิจฉัยเสีย เห็นว่าทำชั่วได้ดีมีถมไป ทำดีได้ดีมีที่ไหน เมื่อไปคบกับคนอย่างนี้ เราก็จะติดนิสัยที่ไม่ดีของเขามา ติดวินิจฉัยที่เสีย ๆ มา แล้วจากนั้นเราก็จะคิดร้าย ๆ พูดร้าย ๆ ทำร้าย ๆ ตามอย่างเขา อนาคตของเรามืดมนแน่นอน

          เมื่อเป็นอย่างนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงตรัสไว้ชัดเจนว่าห้ามคบมิตรชั่ว หรือบางทีก็ทรงใช้ คำว่าคนพาล เพราะถ้าไปคบเข้าแล้ว นิสัยเสีย ๆ วินิจฉัยผิด ๆ คำพูดเสีย ๆ การกระทำผิด ๆ จะไหลเข้ามาในตัวเรา ตรงนี้เองที่เป็นเหตุให้พระองค์ทรงสั่งไว้ว่าห้ามคบเพื่อนชั่ว เพราะคนชั่วเป็น ต้นเหตุของอบายมุขและสิ่งเลวร้ายทั้งหลายในโลกมนุษย์

          บันไดชีวิตข้อแรกของมนุษย์ ถ้าอยากจะมีความเจริญห้ามคบคนชั่วเด็ดขาด ถ้าคบคนชั่ว ความเป็นมนุษย์ของเราคงสิ้นสุดลง จะมีความเป็นสัตว์ เปรต หรือความเสียหายต่าง ๆ ไหลเข้า มาแทน

          ถ้าเราไม่ระวังเรื่องเหล่านี้ให้ดี ไปคบคนชั่ว ไปทำสิ่งที่ไม่ดีไม่งาม ทั้ง ๆ ที่พ่อแม่ก็ห้ามแล้ว ว่าไม่ให้ทำ และพ่อแม่ก็ไม่เคยบอกว่าแหล่งเที่ยวกลางคืนอยู่ที่ไหน แต่เพื่อนพวกนี้บอกเราหมด อาสาพาไปเสียด้วย บางครั้งจ่ายเงินให้เราด้วย อ่อยเหยื่อ แล้ววันหลังเราก็ต้องไปเสียเงินให้เขาบ้าง

           เพราะฉะนั้น ใครมีลูก สั่งลูก ใครมีหลาน สั่งหลาน ว่าคบคนให้เลือกคบให้ดี แล้วบอกวิธีดูคนชั่วให้ลูกหลานด้วยว่าดูอย่างไร ตำราของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดว่าคนชั่ว คือ คนที่คิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่วเป็นปกติ คนดี คือ คนที่คิดดี พูดดี ทำดีเป็นปกติ

           ในชีวิตประจำวัน เพื่อนที่เราคบกันอยู่ ในตัวเขาก็มีความชั่วบางอย่างอยู่ แต่ไม่มากนัก ถ้าเขาเลวขนาดสังคมเห็นโจ่งแจ้ง เราก็คงจะกระโดดหนีออกห่างได้ทัน แต่ว่าที่เรากระโดดหนีไม่ทัน เพราะว่าเขาแค่กึ่งดีกึ่งเลว และที่กึ่งดีกึ่งเลวนี้แหละที่กลายเป็นพาหะ

          เพื่อนที่กึ่งดีกึ่งเลวมีเชื้อพาล ๆ อยู่ เรามักจะดูไม่ออก บางทีก็มาในรูปความหวังดี เห็นเรา ทำงานเครียด ๆ ก็ชวนไปกินเหล้ากันสักมื้อ ธรรมดาเขาก็ไม่ค่อยกิน แต่เขามีเชื้อ เชื้อพวกนี้เวลา เราเครียดก็จะพลาด เพราะว่าเขาเข้ามาหาด้วยความคุ้นเคย แล้วก็เลยดึงเราตกต่ำ ไม่มีเวลาจะคิดหาทางแก้ไขตัวเอง

          เพราะฉะนั้น ตัดไฟเสียแต่ต้นลมดีกว่า เพื่อนที่เห็นชัด ๆ แล้วว่า เขาไปทำสิ่งที่ไม่ควรทำ ไปจมอยู่ในอบายมุข ไม่ว่าจะจมอยู่ในวงเหล้า วงการพนัน หรือเที่ยวกลางคืนต่าง ๆ นานา ถ้าเห็นแววอย่างนั้น ให้ห่าง ๆ เขาเสีย แต่ถ้าบางคนรับราชการด้วยกัน ทำงานในห้างร้านเดียวกัน ห้องทำงานห้องเดียวกัน ไม่รู้จะหนีไปไหน ก็ต้องระวังตัวเอาไว้ อย่าไปคุ้นเคยกับพวกที่จมอยู่ในอบายมุข หรือมีแววจะจม แต่ให้รีบเตือนเขาให้เลิกเสีย แล้วคุณก็อย่าตามเขาไป แล้วคุณจะโชคดี

วิธีปลอบใจ คนที่อยากฆ่าตัวตาย

กรณีที่เราเจอคนที่ประสบความทุกข์อย่างหนัก จนถึงขั้นอยากจะฆ่าตัวตาย เราจะมีวิธีปลอบใจ หรือว่ามีคำแนะนำให้เขาสู้ชีวิตต่อไปอย่างไรดี

ไม่ว่าคนที่อยากจะฆ่าตัวตายเพราะกรณีไหน ๆ พวกนี้ คือ พวกเครียด เมื่อเขากำลังเครียด ถ้าคิดจะช่วยกัน เราก็อย่าไปเครียดเสียเอง ถ้าเราเครียดเสียเองเดี๋ยวแก้ไม่ได้

           แล้วเหตุแห่งการฆ่าตัวตายของแต่ละคนนั้นก็แตกต่างกันไป เวลาเราเจอบุคคลประเภทนี้ ก็ต้องระวังไว้ว่า เราอย่าเพิ่งไปเครียดเองเสียก่อน แล้วก็ดูสภาพร่างกายและจิตใจของเขาให้ดี รวมทั้งดูว่าเขามีอุปกรณ์อะไรเพื่อการฆ่าตัวตายอยู่ในมือบ้าง ดูให้ดีด้วย ที่ว่าดูให้ดีก็คือ ในขณะที่เราคิดจะไปช่วยเขานั้น เดี๋ยวอุปกรณ์อันนั้นจะกลายเป็นอุปกรณ์ช่วยฆ่าเราเสียก่อน

           แล้วตัวเราก็ต้องมีหลักจึงจะเข้าไปช่วยเขาได้ มีหลักทางด้านไหนบ้าง?
           ๑. มีหลักในเรื่องของการเวียนว่ายตายเกิด หรือเรื่องกรรมให้แน่นอยู่ในใจของเราก่อน ก็คือ มีหลักธรรม
           ๒. มีหลักจิตวิทยา
           ๓. มีหลักทางด้านการแพทย์

           ในเรื่องของหลักธรรม เราต้องรู้ว่าจริง ๆ แล้วคนเราตายแล้วไม่สูญ การที่ใครคนใดคนหนึ่งคิดฆ่าตัวตายเพื่อหนีปัญหาอะไรก็ตาม ขอให้ทราบไว้ว่านั่นไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูก เพราะว่า ถึงตายแล้วปัญหานั้นก็ยังไม่หมดไป ตายแล้วยังต้องเกิดใหม่ แต่เกิดในรูปอะไรแล้วแต่

           เพราะฉะนั้น เมื่อเขาตายไปพร้อมกับปัญหาที่ค้างคาใจ ปัญหานี้ยังตามติดตัวเขาไปอีกในภพเบื้องหน้า จะไปนานอีกแค่ไหนก็แล้วแต่ ก็ยังตามไป ได้กลับมาเกิดเป็นคนอีกเมื่อไร ปัญหา นั้นก็ยังตามมาอีก คนที่คิดฆ่าตัวตาย ตอนนั้นใจขุ่นเหมือนโคลน เหมือนเอาหมึกดำเทเข้าไปใน ใจของเขา เขาคิดอะไรไม่ออก

           คนที่ตายขณะที่ใจกำลังมืดอยู่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงไปตรวจดูไว้แล้ว ทรงบอกว่า พวกนี้ตายขณะใจมืด คือ ตายขณะใจมีความโง่เต็มที่ ทุคติเป็นที่ไป คือ อาจจะไปตกนรก ถ้ามืดหนัก เบาหน่อยก็เป็นเปรต เบาลงมาหน่อยเป็นสัตว์เดรัจฉาน เหล่านี้เป็นต้น แต่ไม่ว่าจะตกนรก จะเป็นเปรต เป็นสัตว์เดรัจฉาน เดือดร้อนทั้งนั้น

           เพราะฉะนั้น หนีปัญหาด้วยการฆ่าตัวตายตอนใจมืด ๆ ขุ่น ๆ มัว ๆ อย่างนี้ กลายเป็นเพิ่มทุกข์ให้กับตัวเอง แต่ถ้าใครตายตอนใจใส ๆ จะมีสุคติเป็นที่ไป คือ มีโอกาสไปสวรรค์ อย่างน้อยก็ยังได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก ปิดประตูที่จะไปเป็นสัตว์เดรัจฉาน

            เมื่อเจอใครเขาจะฆ่าตัวตาย เรารู้แล้วว่า
           ๑. ตายไปแล้วก็ยังไม่จบ
           ๒. ตายเพราะฆ่าตัวตายโอกาสไปนรกเยอะ มีความเข้าใจถูกอย่างนี้แล้ว ก็ตั้งจิตเมตตา ที่จะช่วยเขาตามกรณีไป

           แต่ให้ระวัง ถ้าเขาถึงกับคลั่งและมีอาวุธอยู่ในมือ ตรงนี้ต้องคิดให้มาก แต่ว่าถ้าอยู่ในภาวะ ที่พอชวยได ก็ควรเข้าไปช่วย เพราะการที่จะให้ใครมีชีวิตอยู่ในโลกนี้และได้มีโอกาสสร้างบุญ สร้างความดีต่อไป ได้บุญมาก

 
บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -
 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล