เรื่องจากปก
เรื่อง : พระสมศักดิ์ จนฺทสีโล
ปัจจุบันโลกกำลังเผชิญปัญหา และพบกับภาวะที่ก่อให้เกิดภัยอันตรายหลากหลายรูปแบบ และมีแนวโน้มจะสลับซับซ้อนและทวีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งปัญหาและความเดือดร้อนของชาวโลกนี้ ส่งผลให้คนกลุ่มหนึ่งเกิดแนวความคิด ที่จะรวมตัวกันเรียกร้องให้ชาวโลกหันมาสนใจ และเห็นความสำคัญของการคุ้มครองโลกให้อยู่รอดปลอดภัย ด้วยเหตุนี้เอง วันคุ้มครองโลก (Earth Day) จึงมีจุดเริ่มต้นครั้งแรกจากความคิดริเริ่มของวุฒิสมาชิกชาวอเมริกัน Gaylord Nelson ที่ได้รณรงค์ ให้ชาวอเมริกันร่วมกันพิทักษ์คุ้มครองโลก โดยมีผู้เข้าร่วมเดินรณรงค์ในเมืองใหญ่ ๆ ของสหรัฐอเมริกาเป็นจำนวนมากถึง ๒๐,๐๐๐,๐๐๐ คน
ทั้งนี้เพื่อเป็นการกระตุ้นเตือนชาวโลกให้เกิด จิตสำนึกหันมาดูแลโลกของเรา ให้รอดพ้นจากภัยพิบัติอันเกิดจากน้ำมือของมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ถูกทำลายล้างอย่างรวดเร็ว เช่น การตัดไม้ทำลายป่า และการทิ้งกากสารเคมีอันเป็น ผลพวงจากสงคราม และกระบวนการอุตสาหกรรม ที่เป็นเหตุให้ผืนดินและผืนน้ำถูกปนเปื้อนด้วยมลพิษ ซึ่งนับจากวันนั้นเป็นต้นมา กิจกรรมวันคุ้มครองโลก ก็ขยายขอบข่ายไปทั่วทุกมุมโลกตราบกระทั่งทุกวันนี้
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาจากอดีตถึงปัจจุบัน แม้ชาวโลกจะพยายามรณรงค์เรื่องนี้มากเพียงใด แต่ก็ยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก การทำลายล้างทรัพยากรธรรมชาติและทรัพยากรมนุษย์ยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ตราบเท่าที่มนุษย์ยังคงไม่เข้าใจว่า ต้นตอของปัญหาทั้งหมดในโลกนี้ล้วนเกิดขึ้นจากใจของมนุษย์ทั้งสิ้น ดังนั้น หากชาวโลกหันมาแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ คือ ใจของ มนุษย์ ย่อมนำไปสู่การคุ้มครองโลกที่สัมฤทธิ์ผลได้อย่างแน่นอน และบัดนี้ สิ่งที่จะนำไปสู่การเปลี่ยน แปลงโลกครั้งยิ่งใหญ่ ก็คือ การรวมกันประพฤติปฏิบัติธรรมของชาวพุทธผู้รักสันติสุขหลายแสนคน ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนเมษายน ณ ศักราชนี้เอง
ในท่ามกลางประชาคมโลก หลายองค์กรได้ ให้ความสำคัญกับกระแสของการรณรงค์เพื่อให้โลก สงบสุขดังกล่าว องค์กรทางศาสนาก็ให้ความสำคัญ กับกิจกรรมนี้ด้วยเช่นกัน โดยในส่วนของพระพุทธ-ศาสนานั้น องค์การยุวพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก (ยพสล.) ได้มีมติให้วันที่ ๒๒ เมษายนของทุกปี เป็นวันคุ้มครองโลก ภายใต้คำขวัญว่า "Clean the World Clean the Mind" เพราะตระหนักดีว่า ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมที่ทรงคุณค่าที่สุด คือ ใจของมนุษย์ ซึ่งควรจะได้รับการปกป้องคุ้มครองรักษาด้วยธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้เป็นใจที่สะอาดบริสุทธิ์ ปราศจากกิเลส คือ ความ โลภ โกรธ หลง ที่คอยชักใยให้มนุษย์เกิดความคิด คำพูดและการกระทำที่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน ทำให้ได้รับความทุกข์ร้อนอย่างไม่รู้จักจบสิ้น พร้อมกันนี้พระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย) ประธานมูลนิธิธรรมกายและเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ก็ได้ดำริให้มีโครงการครั้งยิ่งใหญ่ที่ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญ ของพระพุทธศาสนาและของโลก ก็คือ โครงการอุปสมบทหมู่ ๑๐๐,๐๐๐ รูป ทุกหมู่บ้านทั่วไทย ดังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ปรากฏเป็นที่ปลาบปลื้มใจแก่มหาชนมาแล้ว ต่อมาพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านก็ดำริให้มีโครงการบวชอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน ๑๐๐,๐๐๐ คนทั่วโลก จนเกิดเป็นกระแสแห่งความนิยมต่อเนื่องเรียกร้องให้มีโครงการเช่นนี้อีก ในขณะนี้ จึงได้มีโครงการบวชอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน ๕๐๐,๐๐๐ คนทั่วโลก ซึ่งจะเป็นปรากฏการณ์ที่จะทำให้โลก สั่นสะเทือนเดือนเมษายน ด้วยกระแสแห่งบุญและอานุภาพแห่งความสงบสุข แผ่ขยายไปสูประชาชาติ ทั่วโลกอย่างกว้างขวาง
วันที่ ๒๒ เมษายนปีนี้ จะมีกิจกรรมครั้งสำคัญและถือว่าเป็นประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นแล้วจะไม่ย้อน กลับมาเกิดขึ้นอีก คือ
๑. การหล่อพระธรรมกายประจำตัวครั้งสุดท้าย ที่จะนำเข้าประดิษฐานภายในมหาธรรมกายเจดีย์ ซึ่งอาจจะกล่าวได้ว่าเป็นพระรุ่นปิดเจดีย์ และ ต่อนี้ไปก็จะไม่มีการหล่อพระอย่างยิ่งใหญ่เช่นนี้อีก โดยผู้มีบุญที่เข้าร่วมในงานครั้งนี้ จะเป็นบุคคลพิเศษ ที่จะได้ยินเสียงมหาสุวรรณนิธิหลายแสนลูกไหลเรียง ลงไปตามรางสู่เบ้าหลอมด้วยเสียงกังวานไพเราะที่จะประทับใจไปตลอดชีวิต
๒. การถวายมหาสังฆทานแด่คณะสงฆ์ ๑๐,๐๐๐ กว่าวัดทั่วประเทศ โดยเหล่าพระเถรานุเถระที่มาร่วมงานในครั้งนี้ ไม่เพียงจะมาเป็นเนื้อนาบุญแก่มหาชนนับแสนเท่านั้น ยังเป็นการแสดงให้ชาวโลก ได้เห็นถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันของพระภิกษุสงฆ์ทั่วประเทศและทั่วโลก ที่จะร่วมทำงานเพื่อปกป้องและสืบทอดอายุพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืนไปอีก ตลอดกาลนาน เพราะเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นใน ปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นภัยภายนอกและภัยภายในของ พระพุทธศาสนา กำลังทำให้องค์กรพระพุทธศาสนา ตลอดจนวัดทั่วประเทศได้เกิดความตระหนักที่จะทำงานร่วมกัน เพราะการทำเพียงลำพังตนเองนั้น ยากจะสำเร็จลงได้
๓. การบวชและรับผ้าสไบแก้วของอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน ๕๐๐,๐๐๐ คน ที่จะมาจากทั่วทุกสารทิศ ทั้งในและต่างประเทศ ที่ยังไม่เคยปรากฏให้เห็นมาก่อนนับตั้งแต่สร้างชาติไทยมา
๔. การจุดธัมมจาริณีประทีปหลายแสนดวง ณ ลานมหาธรรมกายเจดีย์ ซึ่งจะเป็นการจุดโดยอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนผู้ที่ได้รับการบวชและประพฤติปฏิบัติตนอย่างถึงพร้อมด้วยศีลอันบริสุทธิ์ และจะเป็นแสงสว่างแห่งความบริสุทธิ์ทั้งจากภาย นอกและภายใน แผ่ขยายเป็นอานุภาพแห่งความสงบ ร่มเย็นไปสู่ประชาชาติทั่วโลก
สำหรับท่านที่ไปร่วมงานวันที่ ๒๒ เมษายน ณ วัดพระธรรมกายครั้งนี้ นอกจากจะได้ร่วมในพิธี อันศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าวแล้ว ท่านยังจะได้รับเหรียญของขวัญที่ระลึก ซึ่งได้จัดทำเป็นพิเศษเฉพาะงานสำคัญครั้งนี้ คือ เหรียญ "๔๐ ปีวัดพระธรรมกาย" ซึ่งจะมอบให้เฉพาะผู้มีบุญที่ไปร่วมในงานเท่านั้น
การดำเนินโครงการครั้งยิ่งใหญ่ที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคม และมวลมนุษยชาติครั้งนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นพุทธวิธีแห่งการนำไปสู่ความสุขสงบ ที่ปราศจากการเบียดเบียนทำร้ายซึ่งกันและกัน มุ่งสร้างสรรค์แต่สิ่งที่เป็นความดีงาม อันจะนำไปสู่การเป็นผู้มีจิตใจที่สงบผ่องใส ดังคำสอนแห่งพระพุทธองค์ที่ทรงย้ำสอนให้ชาวโลก "ละความชั่ว ทำความดี และทำใจให้ผ่องใส" นั่นเอง ทั้งนี้ ศัตรูที่แท้จริงของมวลมนุษย์ชาติหาใช่เพื่อน ร่วมโลกที่ต่างกันด้วยภาษา ชาติพันธุ์ หรือความเชื่อไม่ แต่แท้ที่จริงคือกิเลสที่อยู่ภายในใจของมนุษย์ทุกคน ที่จำเป็นจะต้องขจัดออกไปให้หมดสิ้น ตามแนวทางที่พระบรมศาสดาได้ทรงวางไว้ คือ การหมั่นทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา เพื่อเพิ่มพูนสิ่งดี ๆ ให้เกิดขึ้นในใจของมนุษย์อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้จิตใจของมนุษย์มีคุณภาพที่สูงขึ้น จนกระทั่งเกิดความละอายที่จะทำความชั่วและกลัวผลของกรรมชั่วที่จะติดตามมาทั้งในโลกนี้และโลกหน้า
ทั้งนี้ เพราะมนุษย์เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง และมนุษย์คือกลไกสำคัญแห่งการ ดำเนินไปของสังคมโลก อีกทั้งเป็นศูนย์กลางพัฒนา ที่จะนำไปสู่การสร้างสมดุลแก่สรรพชีวิต รวมถึงแก่สิ่งแวดล้อม ดังนั้น วัดพระธรรมกายจึงมุ่งให้ความ สำคัญแก่การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ มุ่งนำสิ่งที่ดีที่สุด เพื่อยกคุณภาพมนุษย์ให้มีความเจริญก้าวหน้า อย่างสมดุลทั้งด้านการพัฒนาวัตถุและการพัฒนาทาง จิตใจ และพระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย) แห่งวัดพระธรรมกาย ท่านมุ่งที่ จะหยิบยื่นสิ่งที่ดีที่มีคุณค่าให้แก่โลก และมุ่งมั่นที่จะสถาปนาสันติสุขอันไพบูลย์แก่มวลมนุษย์ชาติด้วย พระพุทธธรรมอันประเสริฐ เพราะเมื่อบุคคลทั้งหลาย เข้าถึงธรรมได้เวลาใด ณ เวลานั้น ทุกคนจะรู้ว่าสันติสุขภายในจิตใจสร้างสรรค์ให้เกิดสันติภาพภายนอกอย่างแท้จริงได้
...เมื่อใดก็ตามที่มวลมนุษยชาติปล่อยวางความเชื่อเดิมไว้ชั่วคราว แล้วก้าวเข้ามาศึกษาความจริง เมื่อนั้นมนุษย์ทุกคนย่อมสามารถสัมผัสกับความสุข อันละเอียดประณีตภายใน ที่จะส่งผลให้จิตใจเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น และจะหันมาส่งความรักความปรารถนาดี ต่อเพื่อนมนุษย์ สรรพสัตว์ รวมไปถึงสิ่งแวดล้อมทั้งปวง ซึ่งนับเป็นชัยชนะที่แท้จริง ที่มวลมนุษย์ชาติเฝ้าแสวงหามาโดยตลอด เมื่อถึงจุดนั้น โลกทั้งใบก็จะได้รับการคุ้มครองรักษา ด้วยธรรมะที่เกิดขึ้นกลางใจของมนุษย์ อย่างแท้จริง