คอลัมน์ท้ายเล่ม
เรื่อง : โค้ก อลงกรณ์ (ติดตามงานเขียนต่อเนื่อง Coke@Today ได้ที่
www.banyaibooks.com
ผมกำลังดูพี่อุปัฏฐากสมพงษ์กำลังนำดินสอที่ใช้จนสั้นแล้วมาต่อตัวกันให้ยาวขึ้น
พี่เขาเริ่มจากฝนที่ก้นดินสอแท่งแรกให้มีพื้นที่หน้าตัด แล้วนำแท่งที่สองมาตัดปลายแหลมด้าน ที่เคยเหลาออกให้มีพื้นที่ หน้าตัดเช่นกัน จากนั้นก็เอาหน้าตัดของ ทั้งสองแท่งมาประกบเข้าหากัน หยดกาวลงไป ทิ้งไว้จนกาวแห้ง แท่งดินสอที่สั้นพอมาต่อกันตอนนี้ก็เริ่มยาวขึ้น ถ้ามีแท่งสั้นอีกก็นำมาต่อได้อีกเรื่อยๆ กลายเป็นดินสอต่อตัว ดินสอที่หลวงพ่อใช้เขียนงาน พอใช้ๆ ไปแท่งดินสอจะค่อยๆ หดสั้นลง
เมื่อสั้นมากเข้าจนจับเขียนไม่ถนัดพวกเราก็จะเปลี่ยนแท่งใหม่ให้หลวงพ่อ พอแท่งใหม่หดสั้นจนจับไม่ถนัดอีก ก็จะ เปลี่ยนใหม่ให้หลวงพ่อไปเรื่อยๆ
ทุกครั้งที่เปลี่ยนแท่งใหม่ หลวงพ่อจะบอกให้เก็บแท่งเก่าที่สั้นไว้
พอเก็บได้หลายๆ แท่งหลวงพ่อก็บอกให้นำมาต่อกัน แล้วนำมาให้หลวงพ่อ ใช้เขียนได้อีก
ทุกครั้งที่หยิบดินสอต่อตัวแท่งที่ว่านี้ส่งถวายให้หลวงพ่อใช้ เมื่อท่านใช้เสร็จแล้วส่งคืนมาให้เก็บ
ผมจะรู้สึกดีใจกับดินสอสั้นๆ ที่ต่อตัวกันเหล่านี้ และคิดว่าดินสอก็คงจะดีใจ เช่นเดียวกัน ที่มีโอกาสทำหน้าที่ขีดเขียน ได้อย่างสมบูรณ์เต็มความสามารถจนหมดแท่งไม่เหลือทิ้ง
จะนึกไปถึงสาธุชนที่ถวาย ถ้าผมเป็นคนหนึ่งที่เคยได้ถวายดินสอ ผมคงจะประทับใจ ไม่ลืมเหมือนกับที่ได้ปลื้มใจ มาตลอดในการร่วมทำบุญทุกครั้งว่า ปัจจัยที่หามาได้ยากและต้องแลกมาด้วยความเหน็ดเหนื่อย ตอนนี้ได้มาใช้ทำนุ บำรุงพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง ได้มาเป็นศาสนสถานเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม มาเป็นเจดีย์ ให้ได้กราบไหว้บูชา ได้มาสนับสนุนพุทธบุตรที่ลำบากทางภาคใต้ ได้พัฒนาช่วยเหลือพี่น้องทาง ภาคเหนือและทุกภาคที่เดือดร้อน ได้นำทุกบาท ทุกสตางค์มาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่
เห็นอย่างนี้ผมจึงไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมผู้ที่รักบุญถึงได้แสวงหา หมั่นสั่งสม และทำบุญในเนื้อนาบุญ ที่ได้พบเจอ แล้วอยู่เสมอ
ถ้าเปรียบชีวิตคนเราเหมือนดินสอแท่งหนึ่ง การดำเนินชีวิตที่ผ่านไปในแต่ละวัน ย่อมทำให้ชีวิตของเราค่อยๆ หดสั้นลงไปเรื่อยๆ ผมได้ตั้งคำถาม ถามตัวผมเองว่า จะขีดเขียนอะไรฝากทิ้งไว้บนโลกใบนี้บ้าง ก่อนที่ชีวิตเราจะหดสั้นลงจนเหลือจับเขียน ไม่ถนัด
จะขีดเขียนตามแต่ใจปรารถนา อิสระไปเรื่อยๆ
จะเขียนอะไรที่สนุกสนานเพลิดเพลินจนเวลาหมดลงไปทุกวัน
หรือจะเขียนตามๆ คนอื่นไป วนเป็นวัฏจักรที่เหมือนเดิมอยู่อย่างนั้น
หากยังคิดไม่ออก บางทีคงต้องย้อนกลับมาถามตัวเองอีกครั้งว่า เราจะตั้งเป้า ในการเขียนไว้อย่างไรดี?
ควรเริ่มต้นเขียนเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเราก่อนแล้วค่อยขยายไปสู่พี่น้องของเรา--คนที่อยู่รอบข้าง--คนที่เรารัก ขยายออกไปถึงพี่น้องเพื่อนมนุษย์ทุกคนที่อยู่บนโลกใบนี้
เมื่อตั้งเป้าได้ ต่อไปก็เริ่มขีดเขียนให้ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ แต่การที่จะให้ไปจนประสบผลถึงขั้นเกิดการเปลี่ยนแปลง กระจายเป็นวงกว้างออกไปได้อย่างที่ตั้งใจไว้นั้น แต่ถ้าต่างคนต่างเขียนเมื่อ พิจารณาดูแล้วช่างเหลือวิสัยเกินกว่า ที่จะขีดเขียนตามลำพังได้สำเร็จ
แต่ถ้าหากใช้วิธีเหมือนดินสอต่อตัวที่รวมเป็นแท่งเดียวกันนี้ อาจทำให้เป้าที่ตั้งไว้บรรลุผลได้อย่างง่ายๆ ถ้าทุกคนมา ร่วมมือร่วมใจกัน
ถ้าเป็นจริง--ภาพดินสอต่อตัวรวมใจกันแท่งนี้ คงจะมีรูปร่างหน้าตาเหมือนอย่างที่ผมนึกไว้
บางแท่งที่เหลือสั้นนิดเดียวแต่ว่ามีประสบการณ์ขีดเขียนมามาก บางแท่งยังยาวแต่ทักษะการเขียนยังมีน้อย บางแท่ง ก็ยาวเต็มแท่งเพราะเพิ่งจะเริ่มต้นขีดเขียน บางแท่งมีคุณวุฒิและคุณภาพการขีดเขียนที่สูงมาก รวมไปถึงบางแท่งที่ต่างยี่ห้อ ต่างภาษา แต่ถ้าต้องมาต่อตัวรวมใจกันให้สนิทแน่นเป็นหนึ่งได้ ทุกแท่งก็ต้องลดทอน ฝนเหลี่ยมมุมของตัว เพื่อให้มีพื้นที่ หน้าตัดมากพอที่จะต่อเข้ากันได้ แล้วในที่สุดดินสอต่อตัวแท่งนี้คงเป็นดินสอพิเศษที่มีประสิทธิภาพในการขีดเขียนที่สูงมาก
ภาพร่างแปลนอาคารใหญ่ๆ เริ่มต้นจากจุดเล็กๆ ของปลายดินสอที่สถาปนิกใช้ร่างแบบ
การที่จะขับเคลื่อนศีลธรรมให้เกิดสันติภาพที่สงบสุขแก่โลกก็คงเริ่มจากปลายแหลมของดินสอแท่งนี้เช่นกัน
ความสำคัญคงจะอยู่ที่ผู้จะจับดินสอแท่งนี้ขีดเขียน--เราต่างก็รู้กันว่าเป็นใคร?
โครงการสำคัญๆ ของหลวงพ่อที่ประสบผลในสังคมชุมชนไปจนถึงสังคมโลก ล้วนเริ่มต้นขึ้นมาจาก ดินสอต่อตัวแท่งนี้
แม้มีโครงการอีกมากมายที่รอให้หลวงพ่อเขียน แต่หลวงพ่อก็ไม่ลืมที่จะตอกย้ำ เป้าหมายหลักทุกครั้งว่า ให้ใช้วันเวลาให้คุ้มค่าสมกับที่ได้เกิดมา ให้หมั่นสั่งสมบุญกุศลติดตัวไว้ อย่าได้ประมาทในการดำเนินชีวิต และหมั่นปฏิบัติธรรม ให้ได้ทุกวัน
ในแต่ละวันต่างมีภาระการงานที่ต้องรับผิดชอบมากมาย แต่การเข้าถึงที่พึ่งภายในนี้คือหัวใจหลัก ที่หลวงพ่อ รักและปรารถนาอยากให้ทุกคนเข้าถึง และเป็นที่พึ่งสูงสุดที่แท้จริงในชีวิตคนเรา
หลวงพ่อจึงต้องให้หมั่นทำการบ้านในข้อที่ว่า "ทุก ๑ ชั่วโมงขอ ๑ นาที ทำใจนิ่งๆ ว่างๆ ที่ศูนย์กลางกาย นึกถึงดวง หรือองค์พระ ไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ " หนึ่งนาทีที่ขอนี้ ไม่ได้ขอให้ใคร แต่ขอก็เพื่อตัวของเราเอง เพื่อการเข้าถึงที่พึ่ง ภายในของเราเอง
๑ นาทีเป็นช่วงเวลาที่สั้นจนอาจมองข้ามเมื่อเทียบกับ ๑ ชั่วโมง แต่หลวงพ่อกลับให้ความสำคัญ เช่นเดียวกับ ดินสอแท่งสั้นที่จับเขียนไม่ถนัด
หากสะสม ๑ นาที ใน ๑ ชั่วโมงไว้อย่างสม่ำเสมอทุกวัน แล้วนำเอานาทีที่สะสมไว้มาต่อๆ กัน ผลที่ได้นอกจากจะทำให้ เราเข้าใกล้จุดหมายที่พึ่งภายในแล้ว เรายังได้ชื่อว่าดำเนินชีวิตอย่างไม่ประมาท และยังใช้เวลาได้คุ้มค่าเหมือนอย่างที่ หลวงพ่อสอนและทำให้ดูได้อย่างแท้จริง