สมาธิเปลี่ยนชีวิต
เรื่อง : son backhome e-mail: [email protected]
มีโจทย์ชีวิตมาฝากสองคำถาม
หนึ่ง : หากพรุ่งนี้คุณจะต้องตาย วันนี้คุณจะทำอะไร
สอง : ถ้าพรุ่งนี้คุณยังไม่ตาย คุณจะทำอะไร
ขณะที่คุณกำลังค้นหาคำตอบให้กับคำถาม ดังกล่าวอยู่ มีใครคนหนึ่งได้ผ่านโจทย์นี้ไปเรียบร้อย แต่เธอโชคร้ายกว่าคุณมากนัก เพราะผู้ส่งคำถามดังกล่าว ไม่ใช่บทความในหนังสือ แต่คือ มัจจุราช และโจทย์ที่เธอได้รับ ไม่ใช่หากพรุ่งนี้คุณจะต้องตาย แต่ยากกว่านั้น คือ หากเดี๋ยวเธอจะต้องตายเธอจะทำอะไร...
คุณธัญญกานต์ ไรท์ สุภาพสตรีผู้สมบูรณ์พร้อมจากประเทศไซปรัส เธอคือผู้ได้รับคำถามนี้ในนาทีเฉียดตายของชีวิตก่อนที่จะเดินทางมาถึงคำถามอันท้าทาย เธอได้เล่าข้อมูลพื้นฐานของชีวิตให้ฟังว่า "ดิฉันเป็นคนจังหวัดพิษณุโลก มีชีวิตที่ผูกพันกับพระพุทธศาสนามาตั้งแต่เด็กๆ โดยจะช่วยคุณแม่เตรียมอาหารตักบาตรพระในทุกๆ เช้า และจำได้ว่า คุณย่าจะร้องเพลงกล่อมทุกคืน แต่ เพลงกล่อมของคุณย่า ไม่ใช่เพลงเจ้ากาเหว่เอย... เหมือนที่นิยมทั่วๆ ไป แต่เป็นบทสวดมนต์สรรเสริญ พุทธคุณคือ บทอิติปิโส ภควา... พอปี พ.ศ. ๒๕๓๗ น้องเขย ก็คือ พ.ต.ท.ธนะสิทธิ์ จิติพัฒน์พงศ์ ก็ได้ชักชวนให้ไปทำบุญหล่อหลวงปู่วัดปากน้ำทองคำองค์แรก ที่วัดพระธรรมกาย ประทับใจภาพงานบุญ และเป้าหมายของวัดในการสร้างคนให้เป็นคนดี ต่อมาตัวเองก็ได้พบรักกับสามีชาวอังกฤษ พอแต่งงานกันแล้วก็ย้ายมาอยู่ที่อังกฤษ สามีทำธุรกิจไนท์คลับเกรดเอ ที่นอร์ธแทมตัน ประเทศอังกฤษ ซึ่งมีลูกค้าระดับไฮโซและมหาเศรษฐี ฐานะการเงินจัดอยู่ในระดับดีเยี่ยม ชีวิตในช่วงนั้นต้องถือว่า หรูเริ่ด สะดวกสบาย
ทุกวันเวลาของชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน ไม่มีดาวดวงไหนอยู่ค้างฟ้า ไม่มีปลาตัวไหนอยู่ค้างน้ำครั้งหนึ่งชีวิตของคุณธัญญกานต์ก็เข้าตำรานี้เช่นกัน จากที่เคยรวยอู้ฟู่ เป็นคุณหนูหรูไฮ ก็กลับกลาย มาเป็นเทพธิดาโลโซ
"สามีประสบปัญหาล้มละลายค่ะ ธุรกิจถูกโกง สูญทรัพย์ไปหลายร้อยล้านบาท ตอนนั้นชีวิตเปลี่ยนไปเลย จากอู้ฟู่ มา โอ้...แฟบ ต้องไปเช่าแฟลตอยู่กันสองสามีภรรยา"
จากคนที่มีอะไร ตกลงมาสู่ฐานะของคนที่ แทบจะไม่มีอะไร ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำใจยอมรับ หลายคนอาจจะช็อก หรือคิดหาทางออกให้ตัวเองในทางร้ายๆ แต่ไม่ใช่คุณธัญญกานต์! แม้มรสุมชีวิต โหมพัดซัดกระหน่ำ ก็ยังบอกตัวเองให้สู้และยิ้มได้ คล้ายๆ จะบอกกับโลกเป็นนัยๆ ว่า ชีวิตก็เหมือนทะเลแหละ ทะเลต้องมีคลื่นจึงจะสวย และความโชคดีของชีวิตประการหนึ่งของคุณธัญญกานต์คือ มีคู่ชีวิตที่รักและเข้าใจ
"สามีของดิฉันนับถือศาสนาคริสต์ นิกาย โปรเตสแตนต์ แต่ก็ปฏิบัติตามหลักการของศาสนาพุทธ ซึ่งดิฉันก็จะคอยเป็นกัลยาณมิตรชักชวนให้ทำบุญ และนั่งสมาธิเสมอๆ อีกทั้งให้ทำหน้าที่พิเศษ คือ คอยขับรถพาไปทำบุญ เขาไม่เคยทำให้เสียใจเลย ตอนก่อนแต่งงาน ก็บอกกับตัวเองค่ะว่าชีวิตปกติของเราก็สมบูรณ์พร้อมอยู่แล้ว ไม่มีคู่ก็ไม่เป็นไรหรือถ้าจะเจอเนื้อคู่ก็จะต้องเป็นคนดี รักเราจริง พอได้พบกับเขา มีทุกอย่างครบตามสเปคที่ตั้งไว้ เขาเคยบอกว่า"คุณจะเอาอะไรผมหามาให้ได้หมดนอกจากดาวและเดือนเท่านั้น" และเขาก็ไม่เคยขัดใจเลย ว่าอย่างไรว่าตามกันตลอด
ในช่วงที่ชีวิตตกกระป๋องนั้น ก็ไปทำบุญที่ วัดเจริญภาวนาแมนเชสเตอร์ค่ะ ทราบว่าทางวัดอยากได้ห้องครัวเป็นกิจจะลักษณะ เราอยากเป็นเจ้าของบุญ จึงบอกสามี เขาก็บอกว่า "เมื่อก่อนเรารวย ก็พอทำได้ แต่เดี๋ยวนี้มันจน ทำอะไรก็ลำบาก" ลูกก็เลยบอกว่า "คุณรู้หรือเปล่า เพราะบุญ เราพร่อง จึงต้องมาเจอภาวะอย่างนี้ อย่ารีรอเลย เรามาสร้างบุญใหญ่กันเถอะ"เขาก็ถามต่อว่า "ที่รัก...บุญจะช่วยเราจริงหรือไ ดิฉันก็บอกไแน่นอน ล้านเปอร์เซ็นต์" แล้วเราก็รวบรวมเงินทั้งหมดที่มีอยู่มาทำห้องครัวจนสำเร็จ
ในช่วงที่แสนวิกฤติของชีวิต เธอกลับคิด แก้ปัญหาด้วยการทำบุญ ชนิดกวาดทรัพย์ทั้งหมดที่ตนเองมีมาสร้างทานบารมีส่งผลให้ไม่นานต่อมา ทำให้เธอได้ประจักษ์ว่า บุญไม่เคยทอดทิ้งใคร และการสั่งสมบุญนำสุขมาให้นั้นเป็นอย่างไร
จากที่เราได้ทุ่มเททรัพย์ปัจจัยทำบุญใน ครั้งนั้นแล้ว ก็เกิดความคิดขึ้นมาว่าเราน่าจะเปิดบริษัทดีไซน์ห้องครัว ห้องน้ำห้องนอน แล้วบริหาร จัดการเอง และพอเปิดบริษัท เราก็ทำบุญอย่าง สุดฤทธิ์ควบคู่ไปด้วย เพียงไม่นานชีวิตก็พลิกฟื้นมาอย่างรวดเร็ว ชนิดที่เรียกได้ว่า รวยขึ้นทันตาเห็น มีบ้าน มีรถ แล้วก็ทำบุญอื่นๆ ได้อย่างหนำใจ
เมื่อชีวิตเพียบพร้อมมีทุกอย่าง เธอกับสามี ได้ย้ายจากอังกฤษ มาอยู่บ้านหลังโตที่ไซปรัส ซึ่ง พ่อสามีให้เป็นมรดกแต่เธอก็มักบ่นกับตัวเองเสมอ ว่า เรายังไม่เคยได้พบความสุขที่แท้จริงภายในเลย คือได้ยินจาก คนทั่วโลกบอกว่านั่งสมาธิแล้ว เห็น สิ่งนั้นได้สิ่งนี้ มีสุขบันลือโลก แต่ทำไมเราไม่เห็นได้สักที ชีวิตนี้จะมีสิทธิ์เห็นไหม และวันที่เธอได้ คำตอบนี้ เป็นวันเดียวกับที่ีเธอต้องตอบคำถามของมัจจุราช!
ก่อนหน้านี้กว่าจะมีชีวิตที่ดีได้ ก็ตกกระป๋องไปพักนึง ตอนนี้เอาอีกแล้วค่ะกว่าหัวใจจะซึ้งถึงรสพระธรรม ก็ต้องหัวคะมำให้ใจจำไม่รู้ลืม คราวนี้ไม่ตกกระป๋องแต่เครื่องบินลำที่กำลังนั่งอยู่สิค่ะ กำลังจะตก
วันนั้นอากาศเหน็บหนาว หิมะโปรยปราย ดิฉันออกจากบ้านมุ่งตรงสู่สนามบินไซปรัส เพื่อจะนั่งเครื่องบินไปอังกฤษขณะที่ชีวิตกำลังเหินฟ้าสูงจากพื้นดินหลายพันฟุตประวัติศาสตร์เริ่มซ้ำรอย ก่อนหน้านี้กว่าจะมีชีวิตที่ดีได้ ก็ตกกระป๋องไปพักนึงตอนนี้เอาอีกแล้วค่ะ กว่าหัวใจจะซึ้งถึงรสพระธรรม ก็ต้องหัวคะมำให้ใจจำไม่รู้ลืม คราวนี้ไม่ตกกระป๋อง แต่เครื่องบินลำที่กำลังนั่งอยู่สิคะกำลังจะตก พอสิ้นเสียงจากนักบินแจ้งว่า อีก ๕ นาที จะถึงจุดหมาย แล้ว แต่ทว่า... จู่ๆ เครื่องก็เกิดอาการสั่น เสียการทรงตัว ดิฉันทั้งอึ้ง ทั้งช็อก เป็นโรคหัวใจด้วยตอนนั้นคิดว่า เรากำลังจะตายแล้ว พอมาคิดอีกที "ไม่ได้ๆ จะตายอย่างไร้ศักดิ์ศรีไม่ได้ เราจะต้อง เตรียมตัวตาย เราต้องไปดุสิตบุรี จะปล่อยจิตให้หวาดผวาต่อมรณภัยไม่ได้เด็ดขาด"สักพักก็ทำใจนิ่งๆตอนนั้นหน้าคุณสามีลอยมาก่อนเลยค่ะ เราก็ ปัดไป "ไม่ใช่ๆ ที่รักไม่ใช่ตอนนี้ ตอนนี้จะคิดถึงคุณไม่ได้ ไม่คิดถึงใครทั้งนั้น"ดิฉันก็ทำสมาธิต่อไป และร้องเรียกพระเดชพระคุณหลวงปู่จนเสียงหลง เลยค่ะ "หลวงปู่เจ้าขาๆ" พร้อมกับหลับตาเอาหน้า ซุกกับเบาะต่อมาก็เรียก "คุณยายเจ้าขาๆ ลูกยังไม่อยากตาย ลูกยังไม่ได้สร้างวัดที่แมนเชสเตอร์ ลูกยังไม่ได้สร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมที่ไซปรัสเลย" เครื่องบินไหวๆ สั่นอารมณ์ ส่วนเสียงผู้โดยสารก็วี๊ดว๊ายๆ สั่นประสาทได้ใจจริงๆ ค่ะ
"ตายเป็นตาย ขอทำใจให้หยุดนิ่งเป็นสิ่งสุดท้ายพอใจหยุดนิ่งปุ๊บ พระเดชพระคุรหลวงปู่ ท่านก็ลอยวูบเข้ามาในกลางท้องเลยค่ะ ใจนิ่งมาก ปักใจไปเลยว่า"ถ้าจะตายตอนนี้ ก็ขอตายไปพร้อมภาพของพระเดชพระคุณหลวงปู่ในท้องนี้แหละ"
พอลืมตามา ดิฉันก็เห็นเครื่องกำลังดิ่งลงๆ ปักใจนึกเลยค่ะ "ตายเป็นตาย ขอทำใจให้หยุดนิ่งเป็นสิ่งสุดท้ายไ พอใจหยุดนิ่งปุ๊บพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ท่านก็ลอยวูบเข้ามาในกลางท้องเลยค่ะ ใจนิ่งมาก ปักใจไปเลยว่า"ถ้าจะตายตอนนี้ ก็ขอตายไปพร้อมภาพของพระเดชพระคุณหลวงปู่ ในท้องนี่แหล"หลับตา ไม่โวยวาย เตรียมตัวตายแต่แปลกค่ะ หลังจากนั้นก็รู้สึกเบาสบาย อย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน เหมือนอยู่บนปุยเมฆ ลืมกลัวตายไปเลย เหมือนนั่งอยู่คนเดียว จากกลัวสุดๆ กลายเป็นสบาย สุดๆ มีความสุขที่สุดในโลก
สักพัก เครื่องบินก็ฟื้นคืนชีพค่ะ ค่อยๆ พยุงตัวเองจนทรงตัวได้ แล้วค่อยๆ ลงจอด คนในเครื่อง ปรบมือกันเกรียวกราวดิฉันก็ลองจับเนื้อจับตัวดู "โอ้...รอดแล้วเรา"รอดมาพร้อมกับได้รับรู้ว่า ความสุข ภายในเป็นอย่างไร มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ นั่งสมาธิมาตั้งนานไม่เห็นอะไร ดีแต่ฟุ้ง แต่พอเครื่องบินจะตกแล้วกลับเห็น คือเห็นพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ก่อน ต่อมาไม่นาน ก็เห็นแสงสว่างเห็นดวงแก้ว ดวงเล็กๆ สว่างสุกใสตามลำดับค่ะ"
ความตายไม่มีนิมิตหมาย ไม่มีใครมาสะกิดเตือนล่วงหน้า สิ่งที่มีค่าหลังความตาย คือบุญและบาปเท่านั้น มาถึงตรงนี้เราก็คงได้คำตอบกับตัวเอง แล้วว่า หากพรุ่งนี้คุณจะต้องตาย วันนี้คุณจะทำอะไร ถ้าพรุ่งนี้คุณยังไม่ตาย คุณจะทำอะไร ดังเช่นชีวิตของคุณธัญญกานต์ ไรท์ จังหวะชีวิตเฉียดตายเธอนึกถึงพระ เธอรอดตาย และเข้าถึงธรรมะภายใน อันเป็นเครื่องยืนยันว่า ในทุกๆ สถานการณ์ เราสามารถหยุดใจให้เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวได้ และเธอตอบคำถามที่สอง คือ ถ้าพรุ่งนี้คุณยังไม่ตาย คุณจะทำอะไรอย่างองอาจกล้าหาญว่า "ทำบุญค่ะ ดิฉันทำบุญทุกบุญอย่างไม่เคยขาดเลย ชอบเป็นประธานกฐินประธานผ้าป่ามากๆ ถ้าไม่ได้เป็น จะรู้สึกว่าเหมือนจะขาดใจ และรักการทำหน้าที่กัลยาณมิตร ถ้าบอกบุญใคร หรือแนะนำคนนั่งสมาธิ ได้สำเร็จ ๑ คนเหมือนกับเป็นฮีโร่ ทำแล้วสนุก จะทุ่มเททั้งกำลังกาย กำลังใจ เอาชีวิตเป็นเดิมพันในการสร้างบารมีไปจนถึงที่สุดแห่งธรรม
และสำหรับผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ คงไม่ต้องรอให้ถึงนาทีวิกฤติ เพราะวันนี้ชีวิตเราเลือกได้ว่า เราจะทำอะไร และสิ่งที่เราเลือกจะกำหนดสิ่งที่เราเป็น