ธรรมะอินเทรนด์
เรื่อง : ชนนี e-mail : [email protected]
ในระหว่างการเดินทางของชีวิตอาจมีหลายครั้งที่พบว่า"การกระทำสามารถบอกอะไรได้มากกว่าคำพูดนับล้านๆคำ" ดังเรื่องราวของพระเจ้าอโศกมหาราชกษัตริย์ืผู้มีความรัก ความศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้ง ต่อไปนี้
พระเจ้าอโศกมหาราชทรงเป็นกษัตริย์ ผู้ยิ่งใหญ่แห่งราชวงศ์โมริยะ ในช่วง ๒๐๐ กว่าปีหลังพุทธกาล ทรงพิชิตดินแดนต่างๆ ขยายอาณาเขตได้กว้างใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติอินเดีย และได้รับการขนานนามว่า "จันฑาโศก" หรือ อโศกผู้ดุร้าย ต่อมาเมื่อแสงธรรมสาดส่องไปยังพระราชหฤทัย พระองค์ก็ทรงเปลี่ยนแปลงไป จนได้รับการขนานนามใหม่ว่า "ธรรมาโศก" หรือ อโศกผู้ทรงธรรม
พระเจ้าอโศกทรงนำคำสอนในพระพุทธศาสนา มาปกครองประเทศให้ราษฎรอยู่ร่มเย็นเป็นสุข และทรงเผื่อแผ่ความเมตตา ไปยังสรรพสัตว์ทั้งหลายโดยทรงสั่งห้ามเบียดเบียนสัตว์ ห้ามฆ่าสัตว์บูชายัญ ฯลฯ นอกจากนี้ยังทรงเป็นทานบดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่มีอุบาสก อุบาสิกา ท่านใดในศาสนาของ พระสมณโคดมพุทธเจ้า ที่ถวายทานมากกว่าพระองค์ในช่วงหลังพุทธกาล
ทรงสร้างวัดอโศการาม สร้างพระวิหารพร้อมเจดีย์ ๘๔,๐๐๐ แห่ง ใน ๘๔,๐๐๐ เมือง บริจาคพระราชโอรส พระราชธิดาให้เป็นพระภิกษุ ภิกษุณี ถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ ๖๐๐,๐๐๐ รูป ทรงบำเพ็ญบุญอื่นๆ อีกมากมาย และ ทรงส่งสมณทูต ๙ สาย ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนายังดินแดนต่างๆ รวมทั้งในบริเวณที่ตั้งประเทศไทย ปัจจุบันนี้ด้วย ทำให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองแผ่ขยายกว้างไกลมาจนกระทั่งบัดนี้
ที่เสาอโศก ณ เมืองสาญจิ มีถ้อยคำจารึกไว้เป็นหลักฐานยืนยันถึงความเคารพรักในพระพุทธศาสนาของพระองค์ว่า "...ตราบเท่าที่พระอาทิตย์ พระจันทร์ ยังคงส่องแสง อะไรเล่าคือความปรารถนาอันแท้จริงของเรานั่นก็คือ ขอให้ คณะสงฆ์ตั้งมั่นอยู่ในความสามัคคีและขอให้ คณะสงฆ์จงสถิตสถาพรชั่วกาลนาน..."
เมื่อครั้งที่ยังทรงเปี่ยมด้วยพระราชอำนาจ ทรงประกาศว่าจะถวายทองคำแท่งจำนวน ๑๐๐ โกฏิ แด่คณะสงฆ์ และทรงถวายไปแล้ว ๙๖ โกฏิ แต่ต่อมาเมื่อทรงชราภาพลง พระองค์ทรงให้ขุนคลังนำทองคำไปถวายคณะสงฆ์ทุกๆ วัน เพราะยังถวายไม่ครบ แต่เจ้าชายรัชทายาทผู้ไม่มีศรัทธาในพระพุทธศาสนาเกรงว่าจะขาดทรัพย์สำหรับป้องกันราชอาณาจักร จึงทรงสั่งห้ามมิให้ส่งทองคำ ไปถวายพระอีกต่อไป
พระเจ้าอโศกจึงทรงถวายถาดทองคำที่ใช้ใส่เครื่องเสวยแทน ต่อมาภาชนะใส่เครื่องเสวยถูกเจ้าชายรัชทายาทสั่งเปลี่ยนเป็นถาดเงิน ก็ทรงส่งถาดเงินไปถวายสงฆ์อีก ต่อมาภาชนะถูกเปลี่ยนเป็น ถาดโลหะ ก็ทรงส่งถาดโลหะไปจนกระทั่งสุดท้าย เหลือแต่ภาชนะดินเผาที่ใส่โอสถ คือมะขามป้อม มาเพียงครึ่งผลเท่านั้น
แม้จะทรงมีเพียงมะขามป้อมแค่ครึ่งผล แต่..ความปรารถนาที่จะทำทานของพระองค์ไม่ได้ลดลงเลย กษัตริย์ผู้ชราทรง มีพระราชศรัทธาส่งมะขามป้อมครึ่งผลนี้ไปถวายสงฆ์ทั้งน้ำตา โดยตรัสฝากกับผู้นำมะขามป้อมไปว่า "ขอพระสงฆ์ ทั้งหลายจงแบ่งผลไม้นี้ แล้วฉันโดยทั่วหน้ากัน"เมื่อคณะสงฆ์รับมะขามป้อมแล้ว ก็นำไปบดผสมน้ำ แล้วแบ่งถวายคณะสงฆ์ ตามความปรารถนาของพระองค์ ปัจฉิมทานนี้ แทนความรู้สึกของพระองค์ที่ทรงมีต่อพระพุทธศาสนา ที่ถ้อยคำนับล้านๆ คำไม่อาจบรรยายได้ครบถ้วน
ผลบุญที่ทรงทำไว้มากมายได้ตัดรอนวิบากกรรมทำให้ไม่ต้องไปชดใช้กรรมในมหานรก ทั้งๆ ที่ทรงเป็นผู้นำในสงครามที่ทำให้ผู้คนล้มตายไปหลายแสนคน อีกสองชาติหลังจากนั้นผลบุญยังบันดาลให้ไปเกิดในตระกูลที่มั่งคั่ง และบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ตั้งแต่เยาว์วัย
พระเจ้าอโศกทรงเป็นถึงมหาราชผู้ยิ่งใหญ่ สร้างบุญกุศลมามากมายมหาศาล ยังมีอุปสรรคในการสร้างบุญ สร้างบารมีได้เลย แต่พระองค์ไม่ทรงหวั่นไหว ยังคงทำทานจนวันสุดท้ายของชีวิตด้วยมะขามป้อมเพียงครึ่งลูก พระองค์จึงทรงเป็นแบบอย่างที่ดีเลิศของผู้ไม่ประมาทในการทำทาน
เราทุกคนต่างก็มีวิบากกรรมของตัวเอง ซึ่งจะตามมาทันเมื่อไรก็ไม่รู้ บางครั้งอยากทำบุญ ก็อาจทำไม่ได้ดังที่ต้องการ แต่ขณะนี้ เรายังมีโอกาสสั่งสมบุญได้และขณะนี้ก็มีบุญใหญ่ให้เราทำ ถ้าเราตั้งใจทำอย่างเต็มที่ เราก็จะได้ชื่อว่าเป็นผู้หนึ่ง ที่ไม่ประมาทในการทำทานและได้ช่วยสืบทอดพระพุทธศาสนา
อีกไม่นาน.. บุญที่เราทำจะปรากฏเป็นภาพ อันทรงพลังให้ชาวโลกตระหนักถึงความสำคัญของพระพุทธศาสนาได้ยิ่งกว่าคำพูดนับล้านๆ คำ